a day

คอลัมน์ตีตั๋วมิวเซียมครั้งนี้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ Yayoi Kusama หรือว่า ‘คุณป้าฟักทอง’ ที่เราหลายคนเรียกกัน ภายใต้ความเรียบและทันสมัยของตึก จะมองเห็น ‘ลายจุด’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคุณป้าได้ตั้งแต่ไกล หากมาในช่วงกลางวัน พิพิธภัณฑ์ของคุณป้ามองดูโดดเด่น แต่ถ้ามาช่วงใกล้ค่ำ แสงสีขาวท่ามกลางความมืดจากทั้ง 5 ชั้นของพิพิธภัณฑ์ จะเป็นเหมือนกับแสงสว่างที่นำพาเราสู่จุดหมายปลายทาง
เรื่องราวเส้นทางชีวิต ที่มาและความสำคัญของพิพิธภัณฑ์ Yayoi Kusama ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นำเสนอผ่านภาพวาดจากในสมุดสเกทช์ของคุณป้าในช่วงที่เป็นวัยรุ่น จนถึงปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของคุณป้าตั้งแต่ช่วงแรกอย่างชัดเจน ทั้งการใช้สีเข้มและโทนสีสดใส และค่อยๆ ลดลงจนดูขรึมขึ้นตามเวลา
อ่านรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ : https://adaymagazine.com/yayoi-kusama-museum/

ภาพหน้าปกในวันนั้น สู่ผลงานตัวตนของเขาในวันนี้
หน้าปกแฮร์รี่ พอตเตอร์
หน้าปกถั่วงอก หัวไฟ
หน้าปก Sundae Kids
หน้าปกภาพประวัติศาสตร์ ของคุณนักรบ
Main Course ตลอดช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะมาพูดคุยในธีม ‘On That Day: หน้าปกในวันนั้น…สู่ผลงานในวันนี้’ เล่าเรื่องผ่าน ‘ภาพในหน้าปก’ ที่คัดเลือกจากนิตยสาร a day กว่า 250 เล่ม ในแวดวงภาพประกอบ หากสิ่งที่คุณเคยทำผลงานในบทสัมภาษณ์ ‘ตอนนั้น’ เรากลับมาถามใหม่กับคุณใน ‘ตอนนี้’ คำตอบจะเหมือนเดิม เปลี่ยนไปหรือพบเจอสิ่งใหม่ระหว่างทางหรือไม่
ชวนติดตามเดือนกรกฎาคม กับหมวด Illustrator ในแวดวงต่างๆ มีคำใบ้ว่า ในรูปภาพนี้คือ ชิ้นส่วนหน้าตาของคนที่เราสัมภาษณ์ใน On That Day เดือนนี้จะเป็นใครบ้าง เตรียมลุ้นกันเร็วๆ นี้

คอลัมน์ Crackracter Branding วันนี้เราจะพูดถึงแบรนด์เสือบิน! ของประเทศเดนมาร์กชื่อว่า ‘Flying Tiger Copenhagen’ ร้านขายของเครื่องใช้สารพัดสิ่งที่คนต้องใช้สอยในชีวิตประจำวันคล้ายกับร้านร้อยเยนในญี่ปุ่น ตั้งแต่ของหวาน เครื่องเขียน เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้านหรือสิ่งของจัดปาร์ตี้
สิ่งของในร้าน ขายความหลากหลาย แต่ทุกอย่างต่างเป็นสิ่งของที่คนสามารถหยิบใช้ในชีวิตประจำวันและ มีความสุขในการใช้ชีวิตในบ้านเหมือนกับปรัชญา ‘ฮุกกะ’ การมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ รอบตัว ผ่านแนวคิดของ Danish design ในการสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีให้กับผู้ใช้ แล้วเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินค้าในกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ด้วยราคาย่อมเยาที่คนเข้าถึงได้ง่าย
อ่านรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ : https://adaymagazine.com/flying-tiger-copenhagen/

แม้จะไม่เคยฝันอยากไปนอกโลก ไม่ได้ชอบวิทยาศาสตร์ แต่ความรักในการแสดงทำให้ ‘ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ’ ได้สวมบทบาทเป็น ‘ลิน’ นักบินหญิงไทยคนแรกที่ได้ไปท่องอวกาศ
ในวันที่ ‘ยูเรนัส 2324’ ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทยกำลังจะเริ่มฉาย โปรเจกต์ใหญ่ที่ไม่ได้ท้าทายแค่ฟิล์มเมกเกอร์ แต่รวมไปถึงนักแสดง ทั้งบทนักบินอวกาศจนถึงนักดำน้ำที่ต้องอาศัยพลังและความเชื่อมั่นในการแสดงอย่างมาก
ครั้งนี้ฟรีน นักแสดงหลักของเรื่อง ปลีกตัวจากตารางงานแน่นเอี้ยดมานั่งคุยสบายๆ กับเรา ทั้งความรู้สึกของการถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรก การร่วมงานกับเบ็คกี้อีกครั้ง จนถึงช่วงเวลาเปราะบางที่เธอต้องใช้เวลาฮีลใจกับตัวเอง ชวนให้ทุกคนเข้ามาทำความรู้จักเธอในฐานะหญิงสาวที่ชื่นชอบการแสดงด้วยกัน
อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่: https://adaymagazine.com/freen-sarocha-interview/

อย่าปล่อยให้ผลงานธีสิสจบเป็นแค่เรื่องของคุณกับอาจารย์ ถึงเวลาปล่อยของแล้ว!
a day เปิดพื้นที่ให้น้องๆ นักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมาโชว์ผลงานธีสิสที่เกี่ยวข้องกับงานสร้างสรรค์ของตัวเอง ไม่จำกัดสาขาและประเภทผลงาน เช่น ศิลปะ แอนิเมชัน สื่อสิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ เกม หรือผลงานการออกแบบอื่นๆ เพราะเราเชื่อว่าโปรเจ็กต์ส่วนตัวที่เต็มไปด้วยแพชชันควรถูกมองเห็นให้มากที่สุด!
ผลงานที่ได้รับเลือกจากทีมงานจะถูกนำเผยแพร่บนเว็บไซต์ในคอลัมน์ Porfolio เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อทุกคน
หากใครยังไม่แน่ใจว่าเราสนใจผลงานแบบไหนลองเข้ามาดูที่นี่ได้เลย https://adaymagazine.com/category/experiences/creative/portfolio/
ใครมีผลงานอยู่ในมืออย่าลังเล ส่งมาได้เลยที่ : https://bit.ly/4eIBoGx

“น่ารักไหมไม่รู้ แต่รอให้รักอยู่นะรู้ไหม!”
เวลานี้เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ‘น้องหมีเนย’ คาแรกเตอร์น้องหมีสุดน่ารักที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลฯ ในตอนนี้ ด้วยภาพหมีสีน้ำตาลหน้าตาน่าเอ็นดูที่ใครเห็นต่างก็หลงใหลกับความน่ารักนั้น ที่ล่าสุดได้รับความนิยมจนถึงขนาดมีเพลงเป็นของตัวเองแล้ว
หลายคนคงอยากรู้ว่าเจ้าของลายเส้นน้องหมีแสนฮีลใจนี้มาจากไหน ซึ่งเบื้องหลังคาแรกเตอร์น้องหมีเนยทำให้พี่สาวพี่ชายชาวออฟฟิศโดนตกอยู่ตอนนี้ มาจากลายเส้นของ ‘สวย–ศิรดา วงศ์ทองศรี ’ หรือเจ้าของนามปากกา ‘lalalhuay’ ที่นอกจากจะเป็น “คุณแม่” ของน้องหมีเนยแล้ว ยังเป็นผู้วาดคาแรกเตอร์น่ารักๆ อีกมากมาย
นอกจากภาพวาดคาแรกเตอร์แล้ว ผลงานส่วนใหญ่ของสวยมักจะเป็นภาพอาหารสุดน่ารัก ด้วยโทนสีอบอุ่นสบายตา
จนเธอนิยามว่า “ทุกภาพล้วนเกิดจากความหิว”
ความหลงใหลในภาพอาหารมาจากการเติบโตมากับร้านอาหารของครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์ ทุกๆ ภาพเธอจึงอยากจะนำเสนอความอร่อยของอาหารไปถึงทุกคนให้ได้ แม้จะเป็นภาพวาดก็ตาม หลายๆ คนจึงมักจะบอกว่า เมื่อเห็นภาพจะรู้สึกหิวตามมาด้วย จึงนับว่าการวาดอาหารเป็นอีกหนึ่งความสุขของสวยเลยก็ว่าได้
สวยเริ่มวาดภาพอาหารลงบนเพจของตัวเอง ไปพร้อมๆ กับรับวาดภาพคาแรกเตอร์ให้กับแบรนด์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน ด้วยเอกลักษณ์ของลายเส้นที่ละมุน น่ารักเข้าถึงทุกคนได้ง่าย ทำให้เธอได้รับการว่าจ้างจาก ‘Coffee Beans By Dao’ ให้วาดภาพเมนูอาหารในร้าน จนเมื่อร้านได้แตกแบรนด์ใหม่อย่าง ‘Butterbear’ จึงทำให้เธอได้มีโอกาสมาวาดภาพให้กับแบรนด์อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่อาหาร แต่เป็นคาแรกเตอร์น้องหมีเนยที่เราเห็นนั่นเอง
‘น้องหมีเนย’ ถืออีกหนึ่งผลงานไฮไลต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และกลายเป็นประตูสู่โอกาสต่างๆในเส้นทางนักวาดของสวย เพราะหลังจากที่หมีเนยประสบความสำเร็จก็เริ่มมีแบรนด์อื่นๆ ติดต่อเธอมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้เคยลองวาดอาหารให้กับแบรนด์มาหลายครั้ง แต่ในโอกาสครั้งนี้นับว่า เป็นอีกก้าวสำคัญของสวยที่จะสร้างหมีหนึ่งตัวที่สามารถนำเสนอแบรนด์ขนมให้ออกมาจับใจผู้คน
สวยเล่าให้ฟังว่าเธอตั้งใจออกแบบน้องหมีเนย โดยมีต้นแบบมาจากหมีพูห์ หมีใจดีที่มีความอบอุ่นและละมุนตามลายเส้นเอกลักษณ์ของตนเอง ใบหน้าหมีที่มีแต่รอยยิ้มที่เมื่อใครมองมาก็จะรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้อย่างดี
“เรามองว่าเขาเหมือนเป็นลูก เพราะตั้งแต่แรกแบรนด์เพิ่งเปิดตัว เราก็ภูมิใจในตรงนั้นแล้วว่าทุกๆ คนได้เห็นความน่ารักของน้องหมีเนยและอยากจะบอกเสมอว่าฝากเอ็นดูน้องด้วยนะคะ เหมือนเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่เราเลี้ยงมาอย่างดี”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสำเร็จส่วนหนึ่งนั้นก็มาจากนักวาดอย่างสวยนั่นเอง
ที่สามารถถ่ายทอดคาแรกเตอร์หมีออกมาได้อย่างน่ารัก แม้จะถูกมานำเสนอผ่านมาสคอตก็ตาม ความน่ารักที่สวยตั้งใจใส่เข้าไปตั้งแต่วันแรก เพื่อไม่ให้งานชิ้นนี้เป็นเพียงแค่หมีธรรมดา แต่เป็นหมีที่จะได้รับความรักจากผู้คนมากมายด้วยสเน่ห์จากตัวน้องเอง จนศิลปินยกให้ น้องหมีเนยกลายเป็นเหมือนเครื่องหมายความภูมิใจในการเริ่มต้นอาชีพนักวาดของตัวเองไปเลย
ในตอนนี้สวยมองเส้นทางการวาดภาพของตนเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เธอยังมีความฝันที่อยากจะเห็นภาพผลงานตัวเองอยู่ในร้านอาหารของตนเอง เป็นภาพความสุขสองสิ่งของสวยทั้งการวาดภาพและอาหารได้อยู่ในที่เดียวกัน ที่เพียงแค่คิดก็เป็นแรงบันดาลใจในเส้นทางนักวาดได้อย่างดี
การเติบโตไปพร้อมๆ กัน ของคาแรกเตอร์ทำให้สวยหรือ lalalhuay กล้าที่จะก้าวออกจากพื้นที่เดิมๆให้ลองทำอะไรมากขึ้น และเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นคนที่พร้อมจะรับโอกาสตลอดเวลา เพราะโอกาสนั้นอาจจะเป็นหนทางไปสู่อีกโอกาสหนึ่ง การทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข และได้พัฒนาตนเองในทุกๆ วัน เพื่อให้เข้าใกล้ความฝันที่เราตั้งไว้ได้

ช่องทางการติดตาม
Instagram : (ลาลาหลวย)
#น้องหมีเนย

ศิลปะ Surrealism นอกจากจะตัดความสมจริงออกไปแล้ว ก็ยังเปิดโอกาสให้เราได้สำรวจสภาวะจิตใจและความคิดของศิลปินผ่านผลงานสร้างสรรค์ ที่มักหยิบเอาองค์ประกอบซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกันนำมาผสมผสาน จัดวางบนภาพทำให้ ความเหนือจริงเหล่านั้นเข้าไปทำงานกับจิตใจผู้ชมได้ดี ขณะเดียวกัน ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอิสระที่ทำให้ศิลปินสามารถปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ด้วยเหตุผลนี้ ‘มะตูม-เยาวลักษณ์ กันอูป’ ศิลปินนักวาดภาพประกอบที่ชื่นชอบเรื่องตำนาน เทพปกรณัม ความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าและภาพยนตร์ตะวันตกยุคเก่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยหยิบสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจต่อการวาดภาพสีน้ำมันสไตล์ Pop Surrealism ในไวบ์เวทมนตร์ แฟนตาซีชวนฝันเพื่อนำเสนอเรื่องราวในแบบฉบับของเธอ
ผลงานของมะตูมเล่าผ่านคาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงชื่อ ‘ขจร’ (Khajon) กับการผจญภัยในโลกเหนือจินตนาการเพื่อวิ่งไล่คว้าดวงดาวไปตามเส้นทาง แม้จะดูเป็นเส้นเรื่องที่กะทัดรัด แต่เรื่องราวเหล่านั้นกลับอิงประสบการณ์จริง ที่ศิลปินต้องฝ่าฟันมาตั้งแต่เด็ก เพราะแต่ไหนแต่ไร ศิลปะของมะตูมมักมีการผสมผสานความเหนือจินตนาการอยู่เสมอ เช่น การวาดภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์ การวาดสัดส่วนของสิ่งต่างๆ ที่ไม่สมจริง แต่เพราะผลงานของเธอมักถูกคนรอบข้างมองว่าแปลก เธอเคยตัดสินใจเดินหนีสิ่งที่ชอบเพื่อหันมาวาดภาพในแบบที่พวกเขายอมรับ ความสับสนและการไม่กล้าเป็นตัวเองทำให้มะตูมรู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยว
“แต่เรายังเชื่อในตัวเอง และเชื่อว่าสไตล์งานของเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หลังเรียนจบเราเลยเริ่มสร้างโลกเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด หรือก็คือการวาดรูปในแบบของตัวเองอย่างจริงจังเพื่อที่เมื่อย้อนกลับมาดู เราจะภูมิใจและมีความสุขไปกับมัน การทำงานศิลปะนับตั้งแต่นั้นช่วยบำบัดจิตใจเราให้ดีขึ้น เรายังได้มุมมองใหม่ๆ ทั้งกับคนอื่น และที่สำคัญเลยคือกับตัวเองด้วย นั่นก็คือ ความล้มเหลวและความผิดพลาดที่พบเจอระหว่างวาดภาพ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ปกติและมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จเสมอ มันเลยทำให้เรา พยายามที่จะไม่กดดันตัวเอง”
ดวงดาวที่เธอวาดจึงเปรียบเสมือนแสงสว่างแห่งความเชื่อ ความหวัง และความสุข ที่น้องขจร จะพบเจอได้เรื่อยๆ ในระหว่างการเดินทาง “มันก็จะเป็นเหมือนสิ่งที่เราจะคว้าได้ง่ายๆ จากเรื่องเล็กๆ รอบตัว อย่างการได้กินอาหารที่ชอบ ทำสิ่งที่รัก มันก็จะให้ความสุข ให้ความหวัง และความเชื่อกับเราไปด้วย ดังนั้น ไม่ว่าใครที่กำลังอยู่ในเส้นทางไหน ในระหว่างทางคงไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด แต่เราจะยอมรับมันได้แล้วพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งเอง”
“ผลงานแต่ละชิ้นมันก็คือแพชชันที่จะสะท้อนตัวตนที่เราอยากจะรักตัวเองให้มากๆ แล้วก็อยากส่งต่อความรักนั้นให้คนอื่นด้วย” นอกจากนี้ศิลปินก็ยังหยิบวรรณคดีไทยมาตีความเล่าใหม่ผ่านภาพสีน้ำมันแบบเซอร์เรียลด้วยนะ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ติดตามผลงานของมะตูมได้ทาง Instagram: Khajon.mty21

อีกไม่นานเกินรอ ในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็จะเข้าสู่งานโอลิมปิก 2024 ซึ่งจัดที่ปารีส อย่างเป็นทางการแล้ว
สิ่งที่เรารอคอยจากงานโอลิมปิก นอกจากความสนุกสนานในการแข่งกีฬาแล้ว ยังมีความเจ๋งของศิลปะแขนงอื่น ที่เจ้าภาพแต่ละประเทศจะงัดกันมาโชว์อีกด้วย ซึ่งประเทศเจ้าภาพปีนี้อย่างฝรั่งเศส ก็ไม่น้อยหน้า เขาก็มีโปสเตอร์เจ๋งๆให้เราชมด้วยเช่นกัน
สำหรับปีนี้เราจะได้เห็นโปสเตอร์ทั้งหมด 14 ใบ ถูกรังสรรค์จากศิลปินทั้งหมด 7 ท่าน โดยจะมีโปสเตอร์ทั้งสองเวอร์ชันสำหรับ Olympic และ Paralympic ที่จะถูกวางคู่กันเปรียบเหมือนดั่งกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน แสดงถึงความเท่าเทียมของมนุษย์
ศิลปินทั้งหมด 7 ท่านมีการใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น การวาดด้วยดินสอ สีอะคริลิกบนผ้าใบ หรือ การใช้ภาพถ่ายเพื่อการสื่อสาร เพื่อเปรียบเปรยถึงศิลปะและสุนทรียศาสตร์อันหลากหลายในเมืองปารีส อย่างที่ Dominique Hervieu ผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรม กล่าวไว้ว่า “ฝรั่งเศสคือชาติแห่งศิลปะ และ ศิลปะแบบฝรั่งเศสคือความหลากหลายนั่นเอง”
และ Hervieu ยังกล่าวเสริมอีกว่า “เราต้องการศิลปะที่สามารถเข้าถึงคนทุกคนได้ ไม่ใช่แค่เพียงคนที่ชื่นชอบในศิลปะเพียงเท่านั้น” การออกแบบโปสเตอร์ทั้ง 14 ใบนี้เลยจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความปิติยินดี และ ความหวัง ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลักของโอลิมปิกเลย!
วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมาชมและร่วมไขรหัสภาพโปสเตอร์บางส่วนของปารีส โอลิมปิก 2024 ไปพร้อมๆ กัน

ในวันที่ความสำเร็จของคนรอบตัวถูกฉายให้เห็นผ่านตาเกือบทุกวัน เรารู้สึกเคร่งเครียดกับการทำงานแบบไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกทีเราก็ลืมไปแล้วว่าความสุขและตัวตนของตัวเองก่อนหน้านี้เป็นยังไง จนเผลอทำสิ่งที่ตัวเองเคยรักและหลงใหลหล่นหายระหว่างทาง
นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราตัดสินใจเก็บกระเป๋าและออกเดินทางให้ทะเลช่วยเยียวยาจิตใจที่ว้าวุ่นอยู่ตอนนี้
การเดินทางครั้งนี้พิเศษขึ้น เมื่อ BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ชวนไปออกทริปลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ทำให้เราค้นพบความเงียบสงบและความราบรื่นของการขับขี่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับการได้พักผ่อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ครั้งนี้เราได้ลองสัมผัสรถทั้ง 4 คันจาก BYD ซึ่งมีตั้งเเต่รถ Flagship สมรรถนะสูงอย่าง Sealion รถครอบครัวอย่าง M6 รถตู้อย่าง Denza ที่อัดแน่นด้วยอ็อปชันเเละความหรูหรา จนถึงรถ Hatchback (รถยนต์ขนาดเล็ก 5 ประตู) อย่าง Seagull
สิ่งที่เราสนใจเป็นพิเศษคือรุ่น Seagull ที่ว่า แม้ไม่ได้มีความหรูหราหรือสมรรถนะที่สูงเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่กลับโดดเด่นด้วยหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวและไฟหน้าที่ดูคุ้นตาจากการออกแบบโดย Wolfgang Egger พร้อมสีเขียวที่เด่นจนเห็นเป็นคันแรกเเต่ไกล
ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูขัดกับรถคันอื่น ที่มีทั้งความหรูหราหรือสมรรถนะที่สูง Seagull เป็นรถขนาดเล็กในตลาดที่ถูกกระหน่ำด้วยรถ SUV ซึ่งทุกวันนี้ต่างก็มีขนาดใหญ่โตเเละหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วย อ็อปชันต่างๆ ทำให้รถขนาดเล็กนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางรถคันอื่นๆของ BYD บนสนามพีระเซอร์กิต
จากนั้นไม่นานก็ถึงทะเลซึ่งเป็นจุดหมายของเราวันนี้ พอได้ถอดรองเท้า เอนกายไปกับเปลที่ตั้งอยู่ริมทะเล ก็ยิ่งทำให้เราลืมเรื่องราวความทุกข์ใจที่แบกมากับเป้หนึ่งใบนั้นไปเลย
การได้มานั่งปล่อยใจริมทะเล สัมผัสแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องลงมาบนผิวน้ำ สายลมแผ่วเบา และเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง พร้อมมองวิวที่ไร้ขอบเขตตรงหน้า ช่วยพาจิตใจเรากลับมาโฟกัสตัวเองได้อีกครั้ง แล้วความเหนื่อยล้าก็แทบจะหายไปในทันที
สำหรับทริปนี้ BYD ไม่เพียงแต่เป็นพาหนะในการเดินทาง แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทางที่ช่วยสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้กังวลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยิ่งเมื่อทั้งทะเลที่กว้างใหญ่และความเงียบสงบของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ด้วยกัน ยิ่งช่วยให้เราสามารถหลบหลีกความวุ่นวายและค้นพบความสุขและตัวตนของตัวเองอีกครั้งในการเดินทางที่ผ่านมา
แม้จะน่าเสียดาย ที่เจ้ารถจิ๋วคันนี้ยังไม่วางขายในไทย แต่ก็น่าสนใจว่าตลาดรถไฟฟ้าที่กำลังค่อยๆ เติบโตขึ้นในไทยจะช่วยผลักดันให้รถไฟฟ้าคันจิ๋วที่ราคาจับต้องได้เข้ามาในบ้านเราได้มากขึ้นไหม
ยังเป็นเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยลุ้นกันต่อไป

ภาพยนตร์ที่ว่าด้วย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ถูกสร้างบ่อยพอกับหนังรักโรแมนซ์ที่นางเอกกำลังจะตายด้วยโรคร้ายอะไรสักอย่าง แน่นอนว่า สื่อส่วนใหญ่ฉายภาพผู้นำเผด็จการนาซีว่าเขาชั่วร้าย โหดเหี้ยม สังหารชาวยิวไปราว 6 ล้านคน ฯลฯ
ในโลกภาพเคลื่อนไหวฮิตเลอร์ถูกนำเสนออย่างหลากหลาย และเป็นข้อถกเถียงอยู่เสมอว่า การผลิตซ้ำภาพยนตร์ว่าด้วยฮิตเลอร์หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวนี่มันส่งผลดี (การตระหนักรู้ทางประวัติศาสตร์) หรือผลเสีย (การตอกย้ำความเจ็บปวด) กันแน่
สำหรับผู้กำกับ โจ เบอลิงเกอร์ เขาตัดสินใจทำซีรีส์ความยาว 6 ตอน Hi**er and the N***s: Evil on Trial (ออนแอร์ทางเน็ตฟลิกซ์เมื่อช่วงต้นมิถุนายน 2024) ด้วยเหตุว่าคนรุ่นใหม่ไม่รู้จักแล้วว่าค่ายเอาชวิตซ์คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
อ่านบนเว็บไซต์ได้ที่ : https://adaymagazine.com/hitler-and-the-nazis/
**er and the N***s

TCDC เปิดบ้านแห่งใหม่ 10 จังหวัด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสิ่งที่ TCDC มุ่งเน้นและทำมาตลอดคือการให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อต่อยอดเป็นความคิดสร้างสรรค์ เราจึงเห็นพวกเขาพยายามขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเรื่อยมา เพื่อทำให้คนในพื้นที่ สามารถเข้าถึงพื้นที่สร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่มีกำแพง ในขณะเดียวกัน TCDC ก็เหมือนเป็นหนึ่งความหวังเล็กๆ ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาเศรษฐกิจในบ้านเกิดของตัวเอง
ในวาระปี 2568 ที่ TCDC ครบรอบ 20 ปีจึงได้ขยายการจัดตั้งพื้นที่ใหม่เพิ่มอีก 10 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะพวกเขาเชื่อว่ามีอีกหลายจังหวัดที่แอบซ่อนศิลปวัฒนธรรมไว้มากมาย ทั้งเมือง ร้านค้า ไปจนถึงสถานที่แสดงงานศิลปะเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับคนในพื้นที่ พร้อมเปิดบริการใหม่ Creative Lab พื้นที่ปฏิบัติการทางความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับท้องถิ่นสู่ตลาดในระดับประเทศและระดับสากล โดยแต่ละจังหวัดมีแนวทางการพัฒนา Creative Lab ที่แตกต่างกันไป ซึ่งดึงมาจากความสนใจและจุดเด่นของแต่ละจังหวัดอีกด้วย
และนี่คือรายชื่อ 10 จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกจัดตั้ง
เชียงราย-Wellness Lab, นครราชสีมา-Creator Lab, ปัตตานี-Culture Lab, พิษณุโลก-City Lab, แพร่-Forest Lab, ภูเก็ต-Tourism Lab, ศรีสะเกษ-Music & Film Lab, สุรินทร์-Silk Lab, อุตรดิตถ์-Agri-Value Lab และ อุบลฯ-Festival Lab
สามารถเยี่ยมชมนิทรรศการ TCDC แห่งใหม่ 10 จังหวัด ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลา 10.30-19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) ที่ Creative Space ชั้น 5, TCDC กรุงเทพฯ (อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง)
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ได้ที่ Thailand Creative & Design Center(TCDC)

เย็นนี้เยาวราชจะลุกเป็นไฟ! หลังจากที่ลิซ่า (LISA) เพิ่งปล่อยเพลง ‘Rockstar’ มาสดๆ ร้อนๆ และกลายเป็นที่พูดถึงในสังคมอยู่ในตอนนี้ ไฮไลต์ที่โดดเด่นในเอ็มวีคงหนีไม่พ้นใจความหลักของเพลง ที่ต้องการสื่อสารความเป็นไทยแบบพังก์ร็อกของลิซ่าอย่างน่าสนใจ
ส่วนเนื้อเพลงก็พูดถึงชีวิตความเป็นร็อกสตาร์ ด้านหนึ่งแฟนๆ อาจรู้จักเธอในเบื้องหน้า แต่หลายครั้งก็อาจยังไม่รู้จักตัวตนของเธอมากเท่าไหร่ อย่างท่อน “Lisa, can you teach me japanese? I said はい, はい (hai hai)” แปลว่า ลิซ่าช่วยสอนภาษาญี่ปุ่นหน่อยสิ ฉันเลยตอบไปว่า ได้สิ (เป็นภาษาญี่ปุ่น) เนื้อเพลงท่อนนี้อาจมองได้ว่าในสายตาคนภายนอกเธอเป็นศิลปินชาวเอเชีย แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนไทย ก่อนจะตอบกลับในท่อนต่อๆ มา อย่าง “Been M-I-A, BKK so pretty” ที่แปลว่า หลังจากห่างหายไปนาน กรุงเทพฯ มีเสน่ห์จริงๆ นะ
ไม่เพียงแค่เนื้อร้อง แต่ในเอ็มวียังกล้านำเสนอความเป็นไทยในมุมสตรีท ที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติคุ้นเคย แต่มักไม่ค่อยได้เห็นความเป็นไทยมุมนี้ในกระแสหลักมากนัก
เช่น สถานที่รวบรวมความเป็นสตรีท และชีวิตกลางคืนเป็นอย่างดี อย่างถนนเยาวราชที่ในเอ็มวีขนร้านรวงมาเต็ม ไม่ว่าจะเป็น เท็กซัสสุกี้ ห้างทองโซวเซ่งเฮง ห้างนิวเวิลด์ โรงหนังออสการ์ ร้านสัก หรือนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอสามสาว LGBTQIA+ ซึ่งแต่ละคนเป็นยังเป็น Miss Trans Thailand และ Miss Tiffany’s Universe อีกด้วย
และที่สื่อถึงความเป็นไทยได้ดีที่สุด คงเป็นการใช้ทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทีมงานของคนไทย รวมถึงแดนเซอร์ในเอ็มวีกว่าร้อยคนเป็นคนไทยทั้งหมด
ใครเข้าไปดูเอ็มวีเพลงนี้แล้วมาแชร์เพิ่มกันหน่อยว่าในเพลงนี้โชว์ความเป็นไทยอะไรอีก!

ซีรีส์ Hold all Hands EP.04 : เรื่องราวความรักของ ‘ปอม’ และ ‘แม็ค’ คือ การแบ่งปันความรักและไม่อายที่จะแชร์ความรู้สึก
“ตอนแรกแอบคบกันเงียบๆ เพราะที่บ้านไม่ค่อยยอมรับเรื่อง LGBTQIA+ เท่าไหร่”
“ด้วยความที่พ่อค่อนข้างหัวโบราณ เชื่อว่าผู้ชายต้องคบกับผู้หญิง ลูกผู้ชายต้องเป็นตำรวจ ต้องเป็นทหาร ช่วงแรกก็เลยแอบคบกันเงียบๆ แต่ตอนเกณฑ์ทหาร ผมจับได้ใบดำเลยวิ่งไปกอดแฟน แล้วพ่อกับแม่ก็แอบตามไปดู แล้วเห็นพอดี พ่อบอกว่าแฟนน่ารักดีนะ มากินข้าวด้วยกันสิ ตอนนั้นคือปลดล็อกสำหรับผมมาก”
“ความรักของเราคือการดูแลกัน การแบ่งปันและมอบความสุขให้แก่กัน และเราเองก็มีความสุข”
เรื่องราวความรักของ ‘ปอม-ทิยะ ปานะดิษฐ’ และ ‘แม็ค-ธเนศวร เปี่ยมสุขเจริญยิ่ง’ คู่รักวัยรุ่นที่ก่อนหน้านี้เคยเลิกรากันไป แต่ก็กลับมารักกันใหม่อีกครั้งและอยู่เคียงข้างกันทุกวันนี้ เพราะเกิดจากการแชร์ความรักและแบ่งปันซึ่งกันและกัน
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ : https://adaymagazine.com/hold-all-hands-assetwise-4/
ภาพถ่าย : สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สถานที่ : สำนักงานขายโครงการ Modiz Rhyme Ramkhamhaeng________
ซีรีส์ Hold all Hands ของ AssetWise จับมือกับ a day แชร์เรื่องราวความรักของเธอและฉันชาว LGBTQIA+ ที่มีกันและกันด้วยความรักของเราที่เท่าเทียมกัน ผ่านมุมมองและแนวคิดของแต่ละความสัมพันธ์ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อนหรือครอบครัวในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหรือการก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ จนอยู่เคียงข้างกันทุกวันนี้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเข้าใจมุมของความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเกิดความเข้าใจกันและส่งเสริมความเท่าเทียมในความหลากหลายทางเพศ

ความรักของ ‘ปอม’ และ ‘แม็ค’ การแบ่งปันความรักและไม่อายที่จะแชร์ความรู้สึก เรื่องราวความรักของ ‘ปอม-ทิยะ ปานะดิษฐ’ และ ‘แม็ค-ธเนศวร เปี่ยมสุขเจริญยิ่ง’ คู่รักวัยรุ่นที่ก่อนหน้านี้เ....

ใครเป็นสายศิลปะและการออกแบบต้องคุ้นหูชื่อ MoMA (Museum of Modern Art) พิพิธภัณฑ์ในกรุงนิวยอร์กที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยในปัจจุบันโดยเฉพาะ ปัจจุบัน MoMA ให้นิยามตนเองว่าเป็น ‘สถานที่ซึ่งจุดพลังสร้างสรรค์ กระตุ้นความคิด และเป็นบ่อเกิดของแรงบันดาลใจ’ แล้ว MoMA ก็ทำได้เช่นนั้นจริงๆ
คอลัมน์ตีตั๋วมิวเซียมครั้งนี้เราจะพาไปบุกพิพิธภัณฑ์ MoMA (Museum of Modern Art) ถึงความสำคัญและที่มาของสถานที่นี้ รวมถึงกิจกรรมภายในอาคารที่ไม่ได้โดดเด่นแค่เพียงด้านศิลปะ แต่ยังเป็นแหล่งร้านหนังสือและ Museum Shop รวบรวมสิ่งพิมพ์ทางด้านอาร์ตที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ที่ใครชื่นชอบสายนี้ไม่ควรพลาด!
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://adaymagazine.com/museum-of-modern-art/
#ตีตั๋วมิวเซียม

“เพจขาย ถ้าไม่มีคนซื้อ ก็จะขาย”
นับว่าเป็นเรื่องท้าทายไม่ใช่น้อย ถ้าได้สวมบทเป็นคนขายของออนไลน์ ที่ต้องขายสินค้าชวนแปลกตาและแต่ละชิ้น ต่างมีการใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น ชุดพระถังซัมจั๋ง ตุ๊กตาลมขนาดตั้งโต๊ะ หรือไมโครโฟนจิ๋วเท่านิ้วก้อย (แถมใช้งานได้จริงด้วย)
อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นเรื่องถนัดสำหรับเพจ ‘ขาย’ ที่สนุกในการหยิบจับของสุดแปลกตา มีขายตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักพัน นำมาพร้อมสโลแกนขายสินค้าชวนตลกขบขัน จนทำให้คนที่ไม่ได้สนใจในสินค้าเหล่านั้น กลับต้องหยุดสายตาอ่านทุกตัวอักษรและมองสินค้าด้วยความสนใจ จนบางทีเราเองยังรู้สึกเผลอใจอยากกดสั่งซื้อสินค้าของเขา แม้ว่าไม่รู้จะได้ใช้ในชีวิตจริงหรือไม่ก็ตาม
ด้วยความที่เป็นหนึ่งในลูกเพจ ติดตามเพจขายมายาวนาน จนอยากรู้จักเพจขายว่า ทำไมถึงเลือกขายสินค้าแนวแปลกตาและคิดประโยคขายของเก่งจัง จึงได้ต่อสายตรงไปคุยกับ ‘โอ เกียรติศักดิ์’ เจ้าของเพจ ขาย บนโลกออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่าแสนคนว่า เขาตั้งใจทำธุรกิจนี้ได้อย่างไรกัน
อ่านบทความเต็มได้ที่ : https://adaymagazine.com/khai-founder-2/
#ขาย #เพจขาย #ขายของออนไลน์

ใครเคยอ่าน ‘Slam Dunk’ มังงะสายกีฬาบาสเกตบอลที่เกิดขึ้นในปี 1990 มีตัวเอกอย่าง ‘ซากุรางิ’ ไอ้หนุ่มผมย้อมสีแดงทั่วทั้งศีรษะ มีภาพลักษณ์เป็นคน ‘เกเร’ ในสายตาคนอื่น แต่แล้วเส้นทางชีวิตของซากุรางิก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อได้พบกับนักเรียนชั้นเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘ฮารุโกะ’ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสนใจกีฬาบาสเกตบอลในตอนนั้น
คอลัมน์ Crackracter Branding ครั้งนี้มาสายบุกมังงะเรื่อง Slam Dunk การเล่าตัวการ์ตูนผ่านเด็กชายที่เป็นตัวแทนของบุคลิกแบบ ‘นักเลง’ ซึ่งถูกพูดถึงบ่อยครั้งในการ์ตูนญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น ตัวละครที่มีบุคลิกดังกล่าว มักเป็นที่ติเตียนของสังคมรอบข้าง แต่เบื้องหลังของการ์ตูนเรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดและแรงบันดาลใจ ที่ขับเคลื่อนให้คนธรรมดาก็สามารถเป็นฮีโรและเปลี่ยนตัวเองได้ให้มันใจได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://adaymagazine.com/slam-dunk-crackracter-branding/

ถ้าเป็นเมื่อก่อนบทละครพีเรียดที่เราเคยดูแทบจะไม่เห็นความรักของเพศหลากหลายเลย ทั้งที่จริงเรื่องแบบนี้ก็มานานแล้ว
แต่ทำไมเราไม่ค่อยเห็นมันเลยนะ
‘siameseterrace’ หรือ ‘เฌอเอม’ ศิลปินนักวาดลายเส้นดินสอที่นำเสนอกลิ่นอายความเป็นไทย หรือบางคนอาจจะรู้จักในฐานะเจ้าของผลงานภาพพีเรียดนักเรียนนายเรืออุ้มเงือก ณ อ่าวไทย ที่มาพร้อมกับเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างการเล่าเรื่องผ่านตัวละคร LGBTQIA+ โดยเฉพาะชาว Non-binary หรือเพศวิถีที่อยู่นอกเหนือค่านิยมระบบสองเพศ
ที่มาของชื่อ ‘siameseterrace’ มาจากการกร่อนชื่อวงโปรดอย่างวง ‘เฉลียง’ มาเป็น ‘ระเบียง’ และแปลออกมาเป็น ‘Terrace’ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งสื่อถึงระเบียงบ้านที่มีการจัดแสดงภาพวาดและเรื่องราวสังคมไทยในอดีตพร้อมกับสะท้อนความหลากหลายทางเพศในปัจจุบัน เพื่อนำเสนอภาพของการมีอิสระเสรี ความหลากหลายทางเพศและตัวตนอันไร้ซึ่งพันธนาการทางสังคม
จากความชอบในตัวพ็อปคัลเจอร์ของไทย โดยเฉพาะเพลงและละครยุคเก่า ทำให้ตัวศิลปินเริ่มตั้งคำถามถึงการนำเสนอภาพความรักในสื่อที่มีเพียงตัวละครชาย-หญิง และการถูกลบเลือนตัวตนของบุคคลทุกเพศ เธอจึงนำความชอบและการตั้งคำถามรวมเข้ากับความสนใจในทัศนียภาพของประเทศไทยผสมผสานกันออกมาเป็นผลงานในชื่อ ‘siameseterrace’
เฌอเอมเล่าให้เราฟังอีกว่าสำหรับเธอแล้ว ผลงานของเธอเป็นเหมือนกับการจำลองสถานการณ์ในอดีตที่ทุกคนสามารถแสดงออกถึงรสนิยมทางเพศได้อย่างเปิดเผย ซึ่งขัดกับขนบของสังคมสมัยก่อน นั่นจึงทำให้เราเห็นภาพคู่รักเพศวิถีอื่นที่เล่าเรื่องราวของตัวพวกเขาเองตามทิวทัศน์ที่เปิดกว้างและไร้ขอบเขต
อีกหนึ่งความตั้งใจในอนาคตที่ศิลปินต้องการถ่ายทอดให้ทุกคนได้เห็นมากขึ้น คือ ความสัมพันธ์และวิถีความรักในแบบของชาว Aromantic หรือผู้คนที่มีแรงดึงดูดกับใครสักคนเชิงโรแมนติกได้ยากหรือมีแรงดึงดูดในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็น การรักแบบพาร์ตเนอร์หรือรักแบบเพื่อนร่วมโลก เพราะเรื่องราวเหล่านี้ยังไม่ค่อยเห็นในสื่อมากนัก
ศิลปิน ‘siameseterrace’ ยังเน้นย้ำในจุดยืนอีกว่า “อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา” ที่สื่อว่า ความหลากหลายทางเพศคือเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนกับรสนิยมหนึ่งของมนุษย์ จนมาถึงในวันนี้ที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว เราก็หวังว่าผลงานของเฌอเอมจะเป็นอีกหนึ่งผลงานสร้างสรรค์ที่ทำให้ทุกคนมองเห็นความรักของเพศที่หลากหลายได้ชัดเจนมากขึ้น
ทำความรู้จักเรื่องราวความหลากหลายทางเพศที่แต่งแต้มบนภาพวาดของ siameseterrace ได้ที่
Twitter และ Instagram: siameseterrace

ผู้หญิงช่วยตัวเองผิดไหม น้ำอสุจิช่วยให้หน้าใสจริงหรือเปล่า มีความไวต่อเรื่องเพศจนหลั่งง่ายทำไงดี …
สารพัดปัญหาเรื่องเพศที่ทุกคนสงสัย แต่ทำไมเวลาถามต้องรู้สึกเขินอายทุกที
เรื่องเพศแต่ไหนแต่ไรเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หากใครหยิบเรื่องนี้มาพูดอย่างออกรสชาติคงถูกมองว่าเป็นคนกร้านโลก ทั้งที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้ใครๆ ก็เป็นกันทั้งนั้น
‘ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว’ ซีรีส์ไทยจากเน็ตฟลิกซ์สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มหยิบเอาเรื่องเพศที่เคยซุกอยู่ใต้พรมในสังคมไทยทศวรรษ 70 มาบอกเล่าอีกครั้ง ในห้วงเวลาปัจจุบันที่เรื่องเพศถูกหยิบมาพูดถึงอย่างเปิดเผย อย่างที่คนในยุคนั้นไม่เคยนึกฝันว่าจะทำได้ เห็นได้จากคอนเทนต์เรื่องเพศที่มีให้เลือกเสพอย่างหลากหลายบนโลกออนไลน์
วันที่เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องต้องห้าม (พูดถึง) อีกต่อไป ความรู้เรื่องเพศกลายเป็นสิ่งที่ผลักดันมูฟเมนต์ในสังคมให้ไปได้ไกลมากขึ้น ทั้งเรื่องสิทธิเหนือร่างกายตัวเอง ไปจนถึงการยอมรับเพศหลากหลาย เราชวนนักแสดงจากซีรีส์เรื่องนี้ทั้ง 4 คน (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, ก้อย-รัชพร โภคินภากร, แพรว-เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค และต้นหน ตันติเวชกุล) มาพูดคุยเกี่ยวกับการถ่ายทำซีรีส์ที่กำลังพูดเรื่องเซ็กส์อย่างตรงไปตรงมาในบริบทสังคมไทย
นับตั้งแต่การเป็นกองถ่ายที่มี intimacy coordinator (ตัวกลางที่ดูแลเรื่องฉากเลิฟซีน) ช่วยเซฟใจนักแสดงเป็นอย่างไร การหาที่ทางของผู้หญิงในบริบทสังคมที่ปกปิดเรื่องเพศอย่างสุดโต่ง
และหันกลับมาสำรวจอีกครั้งว่าสังคมไทยก้าวจากเรื่องเพศมาไกลแค่ไหนแล้ว
พร้อมชวนไปหาคำตอบว่าทำยังไงเราจึงจะปุจฉาเรื่องเพศได้อย่างที่ไม่ต้องเขินอายกันสักที
อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ : https://adaymagazine.com/doctor-climax-interview/
#ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ปุจฉาพาเสียว

สุดสัปดาห์นี้ถ้ายังไม่รู้จะไหน ไปบุกลาซาลกัน!
ครั้งแรกกับงานเปิดบ้านของชาวลาซาล กับงาน
"แลซอยลาซาล: ลาน ลอง เล่น" และกิจกรรมมากมายที่จะพาเราไปรู้จักย่านลาซาลให้มากกว่าที่เคย
ภายในงานจะมีทั้งกองทัพร้านค้าจากชาวลาซาล เป็นร้านรวงต่างๆ ที่อยู่คู่ย่านมาหลายทศวรรษ มีเวิร์กชอปให้เราได้เพลิดเพลินตลอดทั้งวัน มีกิจกรรมพาทัวร์ย่านด้วยรถ MuvMi พาชมสถานที่สำคัญในย่านทั้งกิน ไหว้พระ ใกล้ชิดธรรมชาติ เสพงานศิลป์ และชมไอเทมลับเชิงประวัติศาสตร์ที่แทบหาชมที่ไหนไม่ได้จากคุณปั๊บ The Wild Chronicles
สำหรับสายอาร์ตอย่างเราๆ นอกจากเขาจะมีเวิร์กช็อปให้เราเลือกทำหลากหลายแล้ว ยังมีโซนอาร์ตสเปซ จาก Tatum’s Gallery ที่จัดแสดงภาพวาดลาซาลขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ การมีเวทีทอล์กเล็กๆ ที่จะชวนเรามาพูดคุยและรู้จัดย่านนี้ให้มากขึ้น ผ่านกลุ่มคนที่ผลักดันย่านลาซาลและเหล่าเพื่อนบ้านในย่านมากมายหลายแวดวง
ยังไม่หมดแค่นั้นนะ เพราะยังมีการแสดงละครใบ้ชุดพิเศษกับการตีความไลฟ์สไตล์ชาวลาซาล โดย คุณชวัฒน์ แสนเวียง จากกลุ่มละคร Pentu-Penta และการแสดงน่ารักๆ จากชมรมผู้สูงอายุในย่านตลอดทั้งสามวันอีกด้วย
เป็นสามวันที่กิจกรรมอัดแน่นจัดเต็มมากจริงๆ ถ้าอยากลองรู้จักลาซาลให้มากขึ้นก็แวะมาดูของดีลาซาลได้ที่งานนี่กันเลยนะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
Facebook : แลซอยลาซาล
ระยะเวลา : 28-30 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่ 11.00-20.00 น.
สถานที่ : @ลาซาลอเวนิว สุขุมวิท 105
🌏 Google Map : https://maps.app.goo.gl/7FyMGMuEbvoE1Cpv9?g_st=ic
#แลซอยลาซาล