Kombucha - HAKKO CHA
Kombucha , Kombucha in Thailand
ซาบซ่า.. สดชื่น ดีต่อระบบการขับถ่าย
🍹🍹เช้าๆแบบนี้รับkombucha home made กับอาหารคลีนคีโตกันค่ะ ส่งกันต่อเนื่องกันไป ขอบคุณคุณลูกค้าที่อุดหนุนกันประจำนะคะ 🙏🙏🙏
🍃🍇🫐คุณลูกค้าถูกใจรสชาติKombucha ร้านนี้เพราะรสชาติเปรี้ยวซ่ากำลังพอดี ไม่หวานจัดเพราะเราหมัก 14-20 วัน น้ำตาลจะเหลือน้อยมาก ลูกค้าจะได้ประโยชน์จากจุรินทรีย์ดีจากการหมักใบชากับผลไม้ที่ไห้วิตมินแตกต่างกันไป ทานหลายรสได้รับวิตมินหลากหลาย🍓🍏🍒🍍
🍹🍹ใครอยากของหวาน ลองเปลี่ยนจากดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน มาเป็น kombucha รสชาติสดชื่น ซาบซ่า มีจุลินทรีย์ “โพรไบโอติค” ช่วยเติมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ กับ 🚩Hakko Cha Kombucha
✨⭐️มีวางจำหน่ายที่ร้าน..⭐️✨
🎯 Keto House ถ.เกษตร-นวมินทร์ และอีกหลายสาขาทั่วไทย
🎯 Clean & Keto Zeed ดอนเมืองศรีสมาน 😊
🎯 Shopee https://shopee.co.th/product/101236216/10360626340?smtt=0.101237696-1645951399.4
🎯 Lazada
https://s.lazada.co.th/s.gAlCo (สูตรคีโต)
https://s.lazada.co.th/s.gAnwo (สูตรธรรมดา)
✨🥃 Kobucha Hakko Cha มี 10 รสชาติ..🛒✨
1️⃣ Original # รสธรรมชาติเปรี้ยวซ่ากลิ่นคอมบูชาหอมชื่นใจ
2️⃣ Black kojibery # เปรี้ยวซ่า บำรุงสายตา ช่วยปรับสมดุลร่างกาย
3️⃣ Cheryberry white grape🍇เปรี้ยวซ่า เชอรี่ ช่วยควบคุมความดัน เป็นแหล่งเมลาโทนิน ลดความเหนื่อยล้า ช่วยไห้นอนหลับ องุ่นขาว ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ
4️⃣ Apple🍎 สดชื่น ช่วยไห้ฟันแข็งแรง ป้องกันอัลไซนเมอร์ พากินสัน ป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
5️⃣ Mulberry🫐เปรี้ยวซ่า ป้องกันโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ แก้ร้อนใน ต้านการอักเสบ มีโฟลิกสูง
6️⃣ Lychee # เปรี้ยวซ่าหอมกลิ่นลิ้นจี่ ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันโรคมะเร็ง ลดความดันโลหิตสูง มีวิตมินซี ป้องกันร่างกายจากสร uva และ uvb
7️⃣ Strawberry🍓ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยการมองเห็น ช่วยลดริ้วรอย ช่วยกำจัดคลอเรสเตอรอล ช่วยย่อยอาหาร
8️⃣ Longan # บำรุงหัวใจ ดีต่อกระดูก ช่วยโรคโลหิตจาง บำรุงสายตา ชะลอความแก่
9️⃣ Fingerroot ginger galangal lamon grass กระชาย # รักษาโรคปากเปื่อย ช่วยย่อย แก้ท้องอืด
ขิง # ช่วยละลายเสมหะ บรรเทาอาการหวัด ขับสารพิษ # ช่วยลดความเสื่อมของเซล ช่วยลดน้ำหนัก
ตะไคร้ # แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้ท้องอืด จุกเสียด
1️⃣0️⃣ Coffucha # กาแฟเปรี้ยวซ่าสดชื่น ตื่นตัว ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว ลดความเสี่ยงมะเร็งตับ ป้องกันโรคพากินสัน
🍹🍹 Hakko Cha Kombucha 💯
☎️ Tel : 091-7922490
📲 Add Line : 0917922490
💥 Kombucha @ HAKKO CHA 💥
✨ ช่องทางการจัดจำหน่าย...
- ร้าน "KETO HOUSE" ทั่วประเทศ
https://ketohouseshop.com/newproduct.php?id=1009011&kw=maemam&x=0&y=0
"🛒หาซื้อสั่งจองสินค้าได้ที่คีโตเฮาส์กว่า 80 สาขา ใกล้บ้านคุณ 👆คลิ๊กหาคีโตเฮาส์ใกล้บ้าน bit.ly/3CzRRsq
- Shopee https://shopee.co.th/product/101236216/10360626340?smtt=0.101237696-1645951399.4
- Lazada
https://s.lazada.co.th/s.gAlCo (สูตรคีโต)
https://s.lazada.co.th/s.gAnwo (สูตรธรรมดา)
🚩 Kombucha น้ำชาหมักพร้อมดื่ม เพื่อสุขภาพดีครบวงจร มีจุลินทรีย์ "โพรไบโอติก" ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ช่วยระบบย่อยอาหาร ทานง่าย อร่อย สดชื่น ซ่า ไม่บาดคอ..
✅ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
✅ ปรับสมดุลในร่างกาย
✅ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
✅ ลดระดับน้ำตาลในเลือด
✅ ขับสารพิษลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
❌ ทุกปัญหาของระบบย่อยอาหารและลำไส้จบด้วย "Kombucha.. HAKKO CHA"
💰สูตรธรรมดา.. ราคา 69 บาท
💰 สูตรคีโต.. ราคา 75 บาท
🍶 ขนาดบรรจุ 250 ml
🚚💨 จัดส่งทั่วประเทศ (แบบควบคุมอุณหภูมิ)
☎️ Tel.& Line : 091-7922490
🍯วิธีหมัก”จุน”ชาหมักที่ต่างจาก”คอมบูชา”🍯
วิธีทำ ‘จุน’ ชาหมักขั้นกว่าของคอมบูฉะที่กำลังมา และคุณทำเองได้ที่บ้าน ขั้นตอนง่ายๆ ในการทำ ‘จุน’ ขั้นกว่าของคอมบูฉะ ชาหมักมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ทำจากชาเชียวและน้ำผึ้ง
🍹🍹🙏🙏ขอบคุณสำหรับพรีออเดอร์ส่งลูกค้าวันนี้ ออเดอร์ต่อไปคุณลูกค้ารอแป็บทางร้านส่งไห้ตรงเวลาแน่นอนจ้า ขวด สองขวดเราก็ขายนะคะ สนใจทักมาได้ค่ะ🍹🍹🙏🙏
Tel/Line:0917922490
Facebook:Kombucha-HAKKO CHA
🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸
💞 เพราะเราคู่กัน... อาหารกล่องคีโต + คอมบูชะคีโต 👫
💯 อร่อย.. อิ่ม.. สบายท้อง..
❎ ปัญหาการขับถ่ายจะหมดไป..
✅ Kombucha น้ำชาหมักพร้อมดื่ม เพื่อสุขภาพดีครบวงจร มีจุลินทรีย์ "โพรไบโอติก" ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ช่วยระบบย่อยอาหาร เพื่อการขับถ่ายที่ดีขึ้น ทานง่าย อร่อย สดชื่น ซ่า ชุ่มคอ..
🍇🍎🍒 น้ำชาหมักกับรสชาติผลไม้นานาชนิดจะเพิ่มความหอมอร่อย สดชื่น และการหมักด้วยน้ำผลไม้สกัดเย็น จะช่วยเพิ่มวิตามินและเพิ่มประสิทธิภาพไห้โพรไบโอติกส์ในน้ำชาหมัก
🍯 Green Tea Honey #หวานน้อยชุ่มคอ
🧿 Original #ดั้งเดิมสดชื่น
🍒 Cherry berry white grape #เปรี้ยวซ่าหอมองุ่น
🍸 Passion Fruit #หอมซ่าดับกระหาย
🍎 Pink Lady Apple #ละมุนชุ่มชื่น
🍇 Black goji berry #หอมกลิ่นเบอรี่ ซาบซ่า
🍹 Lychee #หวานอมเปรี้ยว หอมละมุน
☕️Coffucha coffee #หอมกรุ่นรสกาแฟเปรี้ยวซ่า
⁉️ ทุกปัญหาของระบบย่อยอาหารและลำไส้จบด้วย "Kombucha.. HAKKO CHA"
💰 สูตรธรรมดา.. ราคา 55 บาท
💰 สูตรคีโต.. ราคา 59 บาท
💰 Green Tea Honey 65
🍶 ขนาดบรรจุ 180 ml
🚚💨 จัดส่งทั่วประเทศ (แบบควบคุมอุณหภูมิ)
☎️ / Line) : 091-7922490
รู้จัก“คอมบูฉะ”ชาหมักเพื่อสุขภาพจาก“โพรไบโอติก” | TNN ข่าวค่ำ | 27 ม.ค. 65 จากสถานการณ์โควิด-19 ผู้คนเริ่มหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์....
เครื่องปรุงรสเปรี้ยวที่แทบทุกบ้านต้องซื้อติดครัวไว้ก็คือน้ำส้มสายชู ซึ่งน้ำส้มสายชูก็มีอยู่หลายชนิดเต็มไปหมดบางขวดมีสีส้มอ่อนๆ บางขวดกลับใสไม่มีสี
นอกจากสีที่ต่างกัน กรรมวิธีการผลิตก็มี 2 แบบหลักๆ คือ น้ำส้มสายชูหมัก และ น้ำส้มสายชูกลั่น โดยทั้ง2แบบนี้ความเหมาะสมในการนำไปใช้ก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย
“น้ำส้มสายชูหมัก”
- วิธีทำคือหมักข้าวหรือผลไม้กับหัวเชื้อ แล้วนำน้ำที่ได้ไปหมักต่อ จนกลายเป็นน้ำส้มสายชู จากนั้นนำไปบ่มต่ออีกอย่างน้อย 30 วัน เสร็จแล้วนำไปกรองและพาสเจอร์ไรส์
- ลักษณะที่ได้คือมีกลิ่นและรสแตกต่างไปตามวัตถุดิบที่ใช้หมัก
- เหมาะกับการดองผัก หมักเนื้อ
“น้ำส้มสายชูกลั่น”
- วิธีทำคือนำแอลกอฮอล์มาหมักกับเชื้อน้ำส้มประมาณ 1 เดือน จนกลายเป็นกรดน้ำส้มสายชู จากนั้นเติมลงในเครื่องกลั่น แล้วพ่นอากาศใส่ลงไปประมาณ 48 ชั่วโมง เสร็จแล้วนำไปกรองและพาสเจอร์ไรส์
- ลักษณะที่ได้คือมีรสเปรี้ยวและกลิ่นฉุน
- เหมาะกับการปรุงในก๋วยเตี๋ยว หรือ นำไปเติมในน้ำมัน จะช่วยให้อาหารที่ทอดไม่อมน้ำมัน
ปล.กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูช่วยให้จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคไม่โต รวมถึงช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ลดความอยากอาหารลงอีกด้วยนะ
อ้างอิง
https://bit.ly/3GmVBAj
https://bit.ly/3fdRhau
https://bit.ly/3qk2s7X
https://bit.ly/3Fk1tcd
https://bit.ly/3zPL8e8
https://bit.ly/3HXZjRb
Credit:Jones Salad
พกไปด้วยทุกที่ ทุกเวลา สบายท้อง..
🍹🍹ประโยชน์ของ คอมบูชะ🍹🍹
ประโยชน์ของคอมบูชา สวัสดีค่ะเพื่อนๆ😀🌷มีเพื่อนๆหลายคน ถามถึงเรื่องคอมบูชากันเข้ามาค่ะ🙄🌷วันนี้หมอเลยจะมาพูดถึงเรื่องคอมบ....
💥 Kombucha @ HAKKO CHA สูตร KETO..💥
✨ มีจำหน่ายแล้วที่ร้าน "KETO HOUSE" ✨
🚩 Kombucha น้ำชาหมักพร้อมดื่ม เพื่อสุขภาพดีครบวงจร มีจุลินทรีย์ "โพรไบโอติก" ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ช่วยระบบย่อยอาหาร ทานง่าย อร่อย สดชื่น ซ่า ไม่บาดคอ..
✅ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
✅ ปรับสมดุลในร่างกาย
✅ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
✅ ลดระดับน้ำตาลในเลือด
✅ ขับสารพิษลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
🎯 มีจำหน่ายแล้วที่ร้าน KETO HOUSR
💙 Original (ออริจินอล) #️⃣ #️⃣ #️⃣🔹รสชาดดั้งเดิม.. สดชื่น
❤️ Black Goji Berry โกจิเบอร์รี่ดำ🔹ดับกระหาย..คลายร้อน
💜 Cherry Berry white Grape (เชอร์รี่เบอรี่องุ่นขาว)🔹เปรี้ยวหอมหวาน..กระปรี้กระเป่า
❌ ทุกปัญหาของระบบย่อยอาหารและลำไส้จบด้วย "Kombucha.. HAKKO CHA"
💰 สูตรคีโต.. ราคา 69 บาท
🍶 ขนาดบรรจุ 180 ml
🚚💨 จัดส่งทั่วประเทศ (แบบควบคุมอุณหภูมิ)
☎️ Tel.& Line : 091-7922490
https://youtube.com/watch?v=4XdmgN5u8Ek&feature=share
ตีแผ่ประโยชน์ของคอมบูชะ สวัสดีค่ะเพื่อนๆ😀😀😀😀😀วันนี้หมอจะมาให้ความรู้เรื่องคอมบูชะนะคะ😊😊😊😊เพราะมีเพื่อนหลายคนถามหมอมาว่า!!! .....
🧪 งานวิจัย..คอมบูชะ 🧬
คอมบูชะเป็นเครื่องดื่มชาหมักที่ให้ความสดชื่น รสหวานเล็กน้อยอมเปรี้ยว เกิดจากกระบวนการหมักของจุลชีพกลุ่มที่ดีที่เป็นโปรไบโอติกส์
ส่วนประกอบหลักได้แก่ กรดอะซิติก กรดแลคติก กรดกลูโคนิก กรดกลูคูโรนิก และยังมีสาร DSL (D-saccharic acid-1,4-lactone) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของคอมบูชะ กรดกลูคูโรนิกและสาร DSL เป็นสารที่ช่วยส่งเสริมให้ตับขับสารพิษ และสารก่อมะเร็งได้ดีขึ้น
ในคอมบูชะยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล รวมทั้งทีเฟลวิน และทีรูบิกินซึ่งพบในปริมาณที่สูงกว่าในชาดำ ปริมาณโพลีฟีนอลที่สูง ทำให้การต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังตรวจพบสารต้านจุลชีพก่อโรคและสารต้านการเจริญของเซลมะเร็งบางชนิด
✅ ประโยชน์ของกรดอินทรีย์ที่พบใน Kombucha
🩸กรดอะซีติก/Acetic Acid
ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรคบางชนิด และถนอมอาหาร
🩸กรดแลคติก/Lactic Acid
ช่วยในการย่อยอาหารและถนอมอาหาร
🩸กรดมาลิก/Malic Acid
ช่วยในกระบวนการล้างพิษ
🩸กรดออกซาลิก/Oxalic Acid
ส่งเสริมการผลิตพลังงานของเซลล์ และถนอมอาหาร
🩸กรดกลูโคนิก/Gluconic Acid
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
🩸กรดบิวทิริก/Butyric Acid
ลดอาการอักเสบ
🩸กรดนิวคลีอิก/Nucleic Acid
ซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์
🩸กรดอะมิโน/Amino Acids
ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
🩸กรดโฟลิก/Folic Acid
สร้างเม็ดเลือดแดง และควบคุมการทำงานของสมอง
🩸กรดกลูคูโรนิก/Glucuronic Acid
ล้างพิษตับ
ปัจจุบันมีงานวิจัยและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากมายที่บ่งชี้คุณประโยชน์ของคอมบูชะต่อสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้ที่ดื่มคอมบูชะเป็นประจำ เช่น ช่วยระบบขับถ่าย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยการนอนหลับ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบ ไมเกรน ช่วยการทำงานของตับและขับสารพิษ เป็นต้น
❌ ทุกปัญหาของระบบย่อยอาหารและลำไส้จบด้วย "Kombucha.. HAKKO CHA"
ราคา 55 บาท
ขนาดบรรจุ 180 ml
Tel &Line : 091-7922490
🥳 อุแว้... อุแว้...🎊
💥 HAKKO CHA 💥
🚩 Kombucha น้ำชาหมักพร้อมดื่ม เพื่อสุขภาพดีครบวงจร มีจุลินทรีย์ "โพรไบโอติก" ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ช่วยระบบย่อยอาหาร ทานง่าย อร่อย สดชื่น ซ่า ไม่บาดคอ..
✅ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
✅ ปรับสมดุลในร่างกาย
✅ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
✅ ลดระดับน้ำตาลในเลือด
✅ ขับสารพิษลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
🎯 มีให้เลือกก่อน 6️⃣ รสชาด
💙 Original (ออริจินอล) #️⃣ #️⃣ #️⃣🔹รสชาดดั้งเดิม.. สดชื่น
❤️ Apple (แอปเปิ้ล)🔹ดับกระหาย..คลายร้อน
🧡 Longan (ลำไย)🔹หวานเย็น..ชื่นใจ
💜 Cherry Berry white Grape (เชอร์รี่เบอรี่องุ่นขาว)🔹เปรี้ยวหอมหวาน..กระปรี้กระเป่า
🤎 Coffucha Coffee (กาแฟ)🔹หอมกรุ่นละมุน..ลดความตึงเครียด
💛 Fingerroot Ginger Galangal Lemon Grass (กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้)🔹สมุนไพร..เสริมภูมิคุ้มกัน
❌ ทุกปัญหาของระบบย่อยอาหารและลำไส้จบด้วย "Kombucha.. HAKKO CHA"
💰 ราคา 54 บาท
🍶 ขนาดบรรจุ 180 ml
🚚💨 จัดส่งทั่วประเทศ (แบบควบคุมอุณหภูมิ)
☎️ Tel.& Line : 091-7922490
ใกล้คลอดล่ะ... Kombucha "HAKKO CHA"
🍃"ชา" เป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันการผลิต "ชาเขียว" ในรูปแบบของการเป็นเครื่องดื่มสำเร็จรูปก็มีจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย ทำให้สะดวกต่อการบริโภค และด้วยรสชาติที่อร่อย ทำให้รู้สึกสดชื่น รวมไปถึงการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ชาเขียว หรือมีข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสรรพคุณของการดื่มชาเขียวที่มีต่อร่างกายมากมาย เหล่านี้จึงเป็นแรงจูงใจทำให้กระแสการบริโภคชาเขียวเพิ่มขึ้น จนอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม หรือบริโภคในปริมาณที่สูงเกินไปโดยไม่ทราบถึงผลกระทบต่อร่างกาย ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับชาเขียว ว่าจะต้องเลือกบริโภคอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์อย่างสูงสุด และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
🍃ชาเขียว (Green tea) คือ ชาที่ได้มาจากต้นชา ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis ซึ่งชาชนิดนี้จะไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เตรียมได้โดยการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้ใบชาแห้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีการก็คือเมื่อเก็บใบชามาแล้วก็นำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปและใช้มือคลึงเบา ๆ ก่อนแห้ง หรืออบไอน้ำในระยะเวลาสั้น ๆ แล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานเอนไซม์ (ความร้อนจะช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ทำให้ไม่เกิดการสลายตัว) จึงได้ใบชาที่แห้งแต่ยังสดอยู่ และมีสีที่ค่อนข้างเขียว จึงเรียกกันว่า "ชาเขียว" และการที่ใบชาที่ได้นั้นไม่ผ่านขั้นตอนการหมัก จึงทำให้ใบชามีสารประกอบฟีนอล (Phenolic compound) หลงเหลืออยู่มากกว่าในอู่หลงและชาดำ (สองชนิดนี้คือชาที่ผ่านการหมัก) จึงทำให้ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาทั้งสอง โดยชาเขียวจะมีสาร EGCG ประมาณ 35-50% ส่วนชาอู่หลงมีประมาณ 8-20% และชาดำจะมี EGCG อยู่เพียง 10%
🍃🍃🍃
ชาเขียวที่มีคุณภาพจะได้จากใบชาคู่ที่หนึ่งและใบชาคู่ที่สองที่เก็บจากยอด (ชาวจีนเรียกว่า "บู๋อี๋") ส่วนใบชาคู่ที่สามและสี่จากยอดจะให้ชาชั้นสอง (ชาวจีนเรียกว่า "อันเคย") ส่วนใบชาคู่ที่ห้าและหกจากปลายยอดจะเป็นชาชั้นเลว (ชาวจีนเรียกว่า "ล่ำก๋อง") สำหรับสี กลิ่น และรสชาติของชานั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารคาเทชินที่มีอยู่ในชา โดยฤดูการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว จะมีผลต่อระดับของสารคาเทชิน ซึ่งในใบชาฤดูใบไม้ผลิจะมีสารคาเทชินประมาณ 12-13% ในขณะที่ชาในฤดูร้อนจะมีสารคาเทชินประมาณ 13-14% (ใบชาอ่อนจะมีสารคาเทชินมากกว่าใบชาแก่)
👉สารสำคัญที่พบได้ในชาเขียว จะประกอบไปด้วย กรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี สารในกลุ่ม xanthine alkaloids คือ กาเฟอีน (caffeine) และธิโอฟิลลีน (theophylline) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่เรียกว่า คาเทชิน (catechins) โดยเราสามารถแยกสารคาเทชินออกได้เป็น 5 ชนิด คือ gallocatechin (GC), epicatechin (EC), epigallocatechin (EGC), epicatechin gallate (ECG), และ epigallocatechin gallate (EGCG) โดยคาเทชินที่พบได้มากและมีฤทธิ์ทรงพลังที่สุดในชาเขียว คือ สารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (epigallocatechin gallate - EGCG) ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
👉ลักษณะของสีน้ำชา ถ้าชงชาจากใบชาจะให้น้ำชาออกสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีเขียวอ่อน (ถ้าเป็นชาเขียวผง หรือชามัตฉะ จะให้น้ำชาสีเขียวสด) ส่วนกลิ่นของน้ำชานั้น ถ้าเป็นชาเขียวของจีนจะให้กลิ่นเขียวสดชื่น มีกลิ่นคล้ายกลิ่นถั่วปนอยู่ แต่ถ้าเป็นชาเขียวของญี่ปุ่นจะให้กลิ่นเขียวสดค่อนข้างมาก มีกลิ่นของสาหร่าย และอาจมีกลิ่นคล้ายกับโชยุปนอยู่ด้วย
🍵สรรพคุณของชาเขียว
ชาเขียวถูกนำมาใช้ในการรักษาตั้งแต่โรคปวดศีรษะไปจนถึงโรคซึมเศร้า ซึ่งในประเทศจีนมีการใช้ชาเขียวเป็นยามามากกว่า 4,000 ปีแล้ว
ช่วยทำให้เจริญอาหาร
- แก้เมาเหล้า ทำให้สร่างเมา
- ช่วยแก้หวัด
- แก้ร้อนใน ช่วยขับเหงื่อ ขับสารพิษตกค้าง
- ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ สงบประสาท ระบายความร้อนจากศีรษะและเบ้าตา ทำให้สดชื่น ตาสว่าง ไม่ง่วงนอน
- ช่วยทำให้หายใจสดชื่น
- ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ระบายความร้อนออกจากปอด
- ช่วยขับเสมหะ
- ช่วยแก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย
- ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างสารพิษและกำจัดพิษในลำไส้ได้
- ช่วยป้องกันตับจากพิษและโรคอื่น ๆ
- ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
- ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ต้านเชื้อ Botulinus และเชื้อ Staphylococcus
- ช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและในไต
- ช่วยในการห้ามเลือดหรือทำให้เลือดไหลช้าลง
ใช้เป็นยาพอกรักษาแผลอักเสบ แผลพุพอง ไฟไหม้ ฝีหนอง
- ช่วยบรรเทาอาการผดผื่นคัน ผิวร้อนแห้ง แมลงสัตว์กัดต่อย และยังใช้เป็นยากันยุงได้อีกด้วย
- ชาเขียวสามารถช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาติก (Rheumatic arthritis) ซึ่งมีอาการอักเสบบวมแดง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ ที่มักเกิดกับสตรีวัยกลางคน
📥นายมานพ เลิศสุทธิรักษ์ นายกสมาคมแพทย์แผนจีน ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชาเขียวว่า การนำชาเขียวมาใช้ควบคู่กับพืชสมุนไพรชนิดอื่น ๆ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้ คือ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับขึ้นฉ่าย จะช่วยลดความดันโลหิต
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับไส้หมาก จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับหนวดข้าวโพด จะช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดอาการบวมน้ำ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับตะไคร้ จะช่วยขับไขมันในเส้นเลือด
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับเม็ดเก๋ากี้ จะช่วยลดความอ้วน แก้ตาฟาง
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับใบหม่อน จะช่วยป้องกันโรคหวัด ลดไขมันในเส้นเลือดได้ดี
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับหัวต้นหอม จะช่วยแก้ไข้หวัดและช่วยขับเหงื่อ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับดอกเก๊กฮวยสีเหลือง จะช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ ตาลาย
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับเนื้อลำไยแห้ง จะช่วยบำรุงสมอง และเสริมสร้างความจำ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับโสมอเมริกา ทำให้สดชื่น แก้คอแห้ง และช่วยบำรุงหัวใจ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับบ๊วยเค็ม จะช่วยบรรเทาอาการคอแห้ง แสบคอ เสียงแหบ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับขิงสด จะช่วยรักษาอาการอาหารเป็นพิษและจุกลม
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับลูกเดือย จะช่วยลดอาการบวมน้ำ ตกขาว มดลูกอักเสบ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับน้ำตาลกลูโคส จะช่วยบรรเทาอาการตับอักเสบ
🌿ใช้ชาเขียวร่วมกับเม็ดบัว จะช่วยบรรเทาอาการฝันเปียก และยับยั้งการหลั่งเร็วของสุภาพบุรุษ
🏃♀️ชาเขียวกับการลดน้ำหนัก การดื่มชาเขียววันละ 2 ถ้วย สามารถช่วยลดการเกิดไขมันส่วนเกินและทำให้รู้สึกอิ่มได้ ชาเขียวสามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ไลเปสจากกระเพาะอาหารและตับอ่อน ทำให้การย่อยไขมันลดลง ส่งผลให้ไขมันดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง จึงช่วยลดการสะสมของไขมันใหม่ได้ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญในร่างกาย โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่จะไปทำลาย Norepinephrine จึงทำให้ Norepinephrine อยู่ในร่างกายและออกฤทธิ์ได้นานขึ้น ส่งผลทำให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายมีเพิ่มมากขึ้น
สาร EGCG สามารถช่วยกำจัดไขมันคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด จึงส่งผลช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงจากการอุดตันของไขมันในหลอดเลือดได้
ช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยในการป้องกันและชะลอการเกิดโรคเบาหวานได้ เพราะสาร catechins ในชาเขียวมีประสิทธิภาพในการจำกัดการทำงานของ amylase enzyme ทำให้ไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่ร่างกายได้ ส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้น
🧘♂️การดื่มชาเขียวมีผลช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ ได้ โดยผู้ที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำจะมีอัตราการเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อนต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม โดยมีสาร EGCG เป็นสารต้านพิษ และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อส่วนดี (แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันได้ว่าชาเขียวสามารถรักษาโรคมะเร็งได้) ซึ่งในปี 1994 วารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มชาเขียวสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหารในหมู่ชาวจีนทั้งหญิงและชายได้เกือบถึง 60% ส่วนนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปูร์ดู ได้สรุปว่า สารประกอบในชาเขียวสามารถช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ส่วนนิตยสาร Herbs for Health ได้อ้างตัวอย่างรายงานจากญี่ปุ่นว่าคนที่ดื่มชาเขียว 10 แก้วต่อวัน จะปลอดโรคมะเร็งนานกว่าคนที่ดื่มชาเขียวน้อยกว่า 3 แก้วต่อวัน ถึง 3 ปี (ในชาเขียว 3 แก้ว มีโพลีฟีนอลประมาณ 240-320 มิลลิกรัม) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่สถาบันวิจัยมะเร็ง Saitama ที่สรุปว่า การเกิดโรคมะเร็งเต้านมหรือการขยายตัวของโรคนั้นจะน้อยลง หากในประวัติผู้หญิงคนนั้นมีการดื่มชาเขียว 5 ถ้วย หรือมากกว่านั้นต่อวัน และจากรายงานการแพทย์ของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1982 และ 1987 ได้พบว่าในแถบจังหวัดมิซูโอกะ ซึ่งเป็นถิ่นที่มีการดื่มชาเขียวกันมาก มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ส่วนรายงานจากทีมวิทยาศาสตร์จากศูนย์กลางการวิจัยโรคมะเร็ง ในบริติช โคลัมเบีย ได้สรุปว่าสารคาเทชินในชาเขียวสามารถยับยั้งการสร้างไรโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีการทดลองในหนูทดลองเพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ โดยให้หนูทดลองบริโภคสารละลายโพลีฟีนอลแต่ละชนิด และฉีดสารก่อมะเร็งเอ็นเอ็นเคเข้าไป ผลปรากฏว่าสารโพลีฟีนอล EGCG ที่พบมากในชาเขียวสามารถลดอัตราการก่อตัวเป็นมะเร็งได้ดีที่สุด โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า catechins มีบทบาทช่วยลดภาวะเป็นพิษของสารก่อมะเร็งบางชนิด แทรกแซงกระบวนเกาะยึดตัวของสารก่อมะเร็งต่อ DNA ของเซลล์ปกติ มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระและเอนไซม์อื่น ๆ และช่วยจำกัดการลุกลามของเซลล์เนื้องอก
การวิจัยเมื่อปี 1997 ของมหาวิทยาลัยแคนซัส ได้สรุปว่า EGCG นั้นมีฤทธิ์แรงเท่ากับ Resveratrol ถึงเกือบ 2 เท่า ซึ่งเป็นการอธิบายว่า ทำไมชาวญี่ปุ่นจึงมีอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจค่อนข้างต่ำ แม้ว่ามากกว่า 75% ของชาวญี่ปุ่นจะสูบบุหรี่ก็ตาม แล้วทำไมชาวฝรั่งเศสจึงมีอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าชาวอเมริกัน ทั้ง ๆ ที่บริโภคอาหารที่มีไขมันสูงเช่นกัน สาเหตุก็เป็นเพราะชาวฝรั่งเศสชอบดื่มไวน์แดง ซึ่งมีสาร Resveratrol ที่เป็นโพลีฟีนอล ที่ช่วยลดอันตรายจากการสูบบุหรี่และรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงนั่นเอง
🚴♀️ชาเขียวมีฤทธิ์ต่อต้านและยับยั้งการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ จากข้อมูลในปัจจุบันได้แนะนำว่าการบริโภคอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะไปยับยั้งขบวนการออกซิเดชั่นของไขมัน อันจะนำไปสู่การลดการเกิดของหลอดเลือดแข็งตัว (antherosclerosis) และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ในที่สุด
สาร EGCG สามารถช่วยยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหัวใจวายและลมชักได้ และจากผลการวิจัยอื่น ๆ ยังพบอีกว่าชาเขียวนั้นมีสรรพคุณเทียบเท่ากับยาแอสไพรินในการยับยั้งการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจวายและหลอดเลือดสมอง
สารไทอะนีน (Theanine) เป็นกรดอะมิโนที่ทำให้ชาเขียวมีรสกลมกล่อม สามารถช่วยควบคุมการทำงานของสมองและลดความดันโลหิตได้
นอกจากชาเขียวจะมีสาร EGCG แล้ว ชาเขียวยังมีสารอื่น ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ที่มีประโยชน์ต่อขบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และช่วยในการจับสารพิษตกค้างออกจากร่างกาย
📥มหาวิทยาลัย Cleveland's Western Reserve ได้สรุปว่า การดื่มชาเขียว 4 แก้วหรือมากกว่านั้น จะช่วยป้องกันโรคปวดข้อหรือลดอาการปวดในกรณีของคนที่ป่วยอยู่แล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการศึกษาที่พบว่า สารประกอบหลัก (EGCG) ที่พบในชาเขียวมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาภูมิคุ้มกันทางการแพทย์และโรคภูมิแพ้ โดยผลการทดลองได้แสดงให้เห็นว่า ชาเขียวเข้มข้นสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวีจับตัวกับเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่มีความสำคัญต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา (T cells) ซึ่งเป็นด่านแรกที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ ถ้ามีผลการศึกษาเพิ่มเติมยืนยันการวิจัยดังกล่าว ก็อาจจะนำสารในชาเขียวมาใช้ทดลองในการผลิตยาเพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อเอชไอวีต่อไป
📥จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยในฮ่องกง ได้พบว่าสารคาเทชินสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกได้ถึง 79% โดยไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อกระดูก ดังนั้นการดื่มชาเขียวอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของกระดูก ช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนหรือโรคทางกระดูกอื่น ๆ ได้
📥ชาเขียวยังช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย เพราะชาเขียวมีความสามารถในการทำลายแบคทีเรีย สามารถป้องกันอาหารเป็นพิษ และยังช่วยฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดคราบพลัคในช่องปากได้อีกด้วย ซึ่งจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า สาร catechins สามารถช่วยยับยั้งกระบวนการผลิตกลูแคนของเชื้อ Streptococcus mutans ในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เชื้อชนิดนี้เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ) จึงอาจกล่าวได้ว่าการดื่มชาเขียวหลังมื้ออาหารจะสามารถป้องกันโรคฟันผุได้เป็นอย่างดี
ชาเขียวสามารถช่วยลดกลิ่นปากและแบคทีเรียในช่องปากได้ โดยช่วยทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นและป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเพส สหรัฐอเมริกา พบว่าสารสกัดจากชาเขียวมีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ
มีงานวิจัยที่ระบุว่า ถุงชา (tea bag) สามารถช่วยบำบัดโรค "sick-house syndrome" หรือ มลภาวะภายในอาคารเป็นพิษ (Indoor Air Pollution) ซึ่งเป็นอาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากการแพ้อากาศภายในอาคารหรือที่อยู่อาศัย เช่น สารเคมีจากสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ที่มีสาร formaldehyde ซึ่งผสมอยู่ในสารเคมีเพื่อการตกแต่งบ้าน ซึ่งจากการทดลองพบว่าใบชาเขียวหรือดำ ทั้งใหม่และแบบที่ชงแล้ว สามารถช่วยดูดสารนี้ไว้แล้วไม่ปลดปล่อยสารกลับเข้าสู่บรรยากาศหลังจากดูดไว้แล้ว วิธีการก็คือให้ทิ้งใบชาไว้ที่อับ เช่น ในตู้เก็บถ้วยชาม ใบชาจะลดปริมาณของสาร formaldehyde ที่มีอยู่ในอากาศได้ชาเขียวยังช่วยรักษาผิวที่ถูกแสงแดดทำลายได้ด้วย นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมครีมหลายชนิดจึงมีชาเขียวเป็นส่วนประกอบ
💃🏻ชาเขียวกับความงาม สูตรน้ำแร่ชาเขียว ชั้นตอนแรกให้นำน้ำแร่มาต้มให้เดือด แล้วใส่ผงชาเขียวหรือใบชาเขียวลงไป แล้วทิ้งไว้ให้เย็น (ถ้าใช้ใบชาควรกรองเอาแต่น้ำ) เสร็จแล้วเทน้ำใส่ขวดสเปรย์ ใช้เป็นสเปรย์น้ำแร่ชาเขียว โดยนำมาใช้ฉีดหน้าได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและความเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้าของคุณได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกสูตรคือ สูตรถนอมผิวรอบดวงตาด้วยชาเขียว ขั้นตอนแรกให้ต้มชาเขียวกับน้ำเดือด แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นให้เย็นจัด แล้วใช้สำลีชุบชาเขียวให้เปียกชุ่ม แล้วนำมาวางบริเวณเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที วิธีนี้จะช่วยลดริ้วรอยจากความอ่อนล้าของผิวรอบดวงตา และยังช่วยลดอาการบวมของเปลือกตาและถุงใต้ตาได้ด้วย ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวนุ่มนวล
แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา ทานให้ถูกต้องได้ประโยชน์มากมาย
ในอเมริกา แอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าถือเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้าน ใช้ผสมน้ำดื่มหรือปรุงอาหารเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานดี ช่วยล้างพิษในร่างกาย ต่อมาการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกได้นำแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้ามาอัดเม็ดขายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
Apple Cider Vinegar คือ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล โดยการคั้นเอาน้ำของแอปเปิ้ล นำมาหมักกับยีสจนกลายเป็นแอลกอฮอล์ แล้วนำแอลกอฮอล์ที่ได้มาเติมแบคทีเรียเพื่อเกิดปฏิกริยา และกลายเป็นกรดอะซิติก แอซิค Apple Cider Vinegar จึงมีคุณสมบัติเป็นกรดสูง และมีรสเปรี้ยวจัด
Apple Cider Vinegar นั้นจะมีสีเหลืองคล้ายสีชา มีทั้งแบบมีตะกอน และแบบที่กรองเอาตะกอนออกแล้ว มีส่วนประกอบของธาตุโพแทสเซี่ยมสูง ซึ่งธาตุโพแทสเซี่ยมมีคุณสมบัติ ช่วยในการแบ่งเซลล์ ถ้าร่างกายขาดธาตุนี้ ร่างกายจะมีอาการผิดปกติคือ เติบโตช้า แก่เกินวัย ผมร่วง และหงอกเร็ว ฯลฯ และ Apple Cider Vinegar ยังประกอบด้วยธาตุอาหารกว่า 30 ชนิด มีวิตามินมากกว่า 6 ชนิด มีกรดอะมิโน และสารเพ็คติน ล้วนแต่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติเป็นยาอีกด้วย คือเป็นพวก ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ ช่วยช่วยทำลายแบคทีเรีย และมีเอนไซม์หลายชนิดรวมอยู่ด้วย
apple cider vinegar ช่วยร่างกายได้หลายประการ กล่าวคือ
ชะลอความแก่ ช่วยให้เป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่เสมอ
ช่วยย่อยอาหาร คือช่วยระบบย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
ช่วยระบบหายใจ แก้ไซนัส แก้เจ็บคอ แก้หวัด แก้การเกิดเสมหะ
ช่วยลดน้ำหนักได้ดี
ช่วยลดการปวดข้อ
แก้โรคคัน กำจัดรังแค แก้ผมแตกปลาย
ช่วยความจำให้ดีขึ้น
ป้องกันโลหิตจาง
แก้อ่อนเพลีย
แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) เจือจาง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ทางอ้อมได้ โดยเป็นตัวช่วยการเผาผลาญ และขับของเสียออกจากร่างกาย แต่การทาน Apple cider vinegar เพียงอย่างเดียวเพื่อหวังจะให้น้ำหนักลดนั้น ไม่สามารถทำได้ ควรทานร่วมกับการควบคุมอาหาร ให้ทานอย่างพอเหมาะ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า
กินลดอยากอาหาร
แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) สามารถช่วยควบคุมความอยากอาหารได้ ไม่ให้กินมากจนเกิดพิกัด จึงช่วยลดน้ำหนักทางอ้อมได้
นายแพทย์ แอนดรูว์ ไวล์ (Andrew Weil) แนะนำให้กินน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1-2 แก้วก่อนมื้ออาหาร เพื่อลดความอยากอาหาร ช่วยให้กินอาหารปริมาณลดลง น้ำหนักตัวจึงลดลงตาม นอกจากนี้ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ยังแนะนำให้กินน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลช่วยแก้อาการอารมณ์แปรปรวนจากอาการอยากของหวานอีกด้วย โดยผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่น ดื่มวันละ 2-3 แก้ว
กินอย่างถูกวิธี
แพทย์หญิง จูดี้ โกลด์ สโตน (Judi Goldstone) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักและชะลอวัย สมาชิกสมาคมวิทยาลัยแพทย์อเมริกัน (American College of Physicians) ประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำวิธีกินน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์อย่างถูกวิธี ดังนี้
น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีฤทธิ์เป็นกรด ก่อนกินทุกครั้งควรเจือจางด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำผลไม้ เพราะน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์เข้มข้นอาจทำลายเคลือบฟัน และเนื้อเยื่อบริเวณปากและลำคอได้
ผู้ที่มีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เป็นโรคกระดูกพรุน หรือโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน
น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ ทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่นยาขับปัสสาวะ ยาระบายยารักษาโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ฉะนั้นผู้ที่รับการรักษาด้วยยาดังกล่าวจึงควรหลีกเลี่ยง
วิธีเลือกซื้อและเก็บรักษา
เลือกซื้อน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว มีฉลากระบุชื่อและที่ตั้งของแหล่งผลิตชัดเจน มีเครื่องหมาย อย. หรือเครื่องหมายรับรองคุณภาพ มอก. ทั้งนี้ควรสังเกตวันหมดอายุบนผลิตภัณฑ์ร่วมด้วย เพราะหากเลยวันหมดอายุ สี กลิ่น รสชาติ และคุณภาพของน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์อาจเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเปิดขวดควรปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ในที่มืด และแห้ง เช่น ตู้เก็บเครื่องปรุงภายในครัว เพื่อป้องกันการระเหย และยืดอายุการเก็บรักษา
กินแบบไหนไม่มีโทษ
การกินแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าในปริมาณที่เหมาะสมคือ วันละ 2 ช้อนชาโดยผสมกับน้ำ หรือน้ำผลไม้ ไม่ควรทานแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าแบบเข้มข้น และ การรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าในปริมาณเล็กน้อย ไม่บ่อยไม่ส่งผลเสียอะไร แต่ถ้ากินไปนานๆ และปริมาณมากอาจพบปัญหาดังต่อไปนี้
แอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้ามีฤทธิ์เป็นกรดสูง เนื่องจากส่วนประกอบหลักคือ กรดอะซิติก ถ้าดื่มโดยไม่ผสมอะไรเลยอาจทำลายสารเคลือบฟัน (อีนาเมล) เนื้อเยื่อในคอและปาก เคยมีรายงานว่า ผู้หญิงคนหนึ่งกลืนแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าชนิดเม็ดแล้วติดคอ และปรากฏว่าเนื้อเยื่อหลอดอาหารถูกทำลาย เวลาดื่มจึงควรเจือจางด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำผลไม้ก่อน
ถ้าดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าเป็นเวลานานอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมต่ำ และกระดูกบาง ดังนั้นถ้าใครมีปัญหาโพแทสเซียมในเลือดต่ำ หรือเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์
แอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าอาจมีปฏิกิริยากับยาที่กินอยู่ เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ยารักษาโรคเบาหวานและโรคหัวใจ เพราะน้ำส้มสายชูมีโครเมียมซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงระดับอินซูลินได้ จึงควรปรึกษาแพทย์
น้ำส้มสายชู แอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้า รักษาโรคได้
แม้ไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้าโดยตรง แต่ยังมีหลายการวิจัยในต่างประเทศที่พบว่า น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลนี้มีสรรพคุณในการรักษาโรค
บรรเทา เบาหวาน พบว่าน้ำส้มสายชูอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ตัวอย่างเช่น งานวิจัย ที่ศึกษาผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 พบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้า วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำสะอาด ก่อนนอนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดก่อนเวลาอาหารเช้าได้ 4-6 เปอร์เซ็นต์
ลดคอเลสเตอรอล การวิจัยในปี 2006 พบว่า น้ำส้มสายชูช่วยลดคอเลสเตอรอลใน เลือดของหนูได้ แต่ในคนยังไม่พบว่าจะให้ผลเช่นที่พบในหนู
ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ งานวิจัยทางระบาดวิทยาพบว่า น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลช่วยลด ความดันโลหิตของหนู และผู้ที่รับประทานน้ำสลัดที่มีน้ำมัน และน้ำส้มสายชูผสมกัน สัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง มีอัตราการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทาน
มะเร็ง มีงานวิจัยพบว่าน้ำส้มสายชู อาจช่วยฆ่าหรือชะลอการเจริญของเซลล์มะเร็ง แต่การวิจัยทางระบาดวิทยาในคนยังให้ข้อมูลที่สับสนคือ มีผลการวิจัยว่า การรับประทานน้ำส้มสายชูลดความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร แต่อีกผลการวิจัยกลับพบว่า เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ
ลดน้ำหนัก มีการใช้น้ำส้มสายชูในการลดน้ำหนักมาเป็นพันปี โดยช่วยให้อิ่มเร็ว ขึ้น ผลการวิจัยในปี 2005 พบว่า ผู้ที่รับประทานขนมปังกับน้ำส้มสายชูเล็กน้อยจะรู้สึกอิ่มเร็วกว่าคนที่รับประทานแต่ขนมปังอย่างเดียว
(Credit:Health &Diet)
หากใครอยากลองทำน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ ลองทำตามสูตรข้างล่างนี้ดูได้ค่ะ
คนสมัยก่อนใช้แต่น้ำส้มหมัก จำได้ว่าหม้กใส่ไห แล้วทิ้งไว้นาน หมักด้วยส้มโอชนิดเปรี้ยวมากๆ ทานเป็นผลไม้ไม่ไหวเพราะเป็นพันธุ์ที่ใช้ดองน้ำส้มจริงๆ ข้างบ้านในสวนบางมด ปลูกไว้เป็นสวนไม่มีใครอยากเก็บเลย เปรี้ยวจริงๆเวลาเอาออกจากไหมาดองกับพริก จำได้ว่าป้าต้องเติมน้ำสุกไปด้วย เพราะเป็นหัวน้ำส้ม หอมมาก ผิดกับน้ำส้มสมัยนี้ กินแล้วท้องอืดเฟ้อ ปวดท้อง ท้องเสีย เลิกกินน้ำส้มมานานมาก คงต้องลองทำใช้เองน่าจะดี เพราะใช้้ำส้มแอปเปิ้ลซ้อขวดนึ่งแพงเป็นร้อยบาท
สมัยนี้เมืองไทยไม่ค่อยมีใคร ทำน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้เจ๋งๆ กันแล้ว นับตั้งแต่มีการทำน้ำส้มสายชูกลั่นขาย จะมีหลงเหลืออยู่บ้างก็แต่ที่หมักไว้กินกันที่บ้าน คือเป็นของโฮมเมดบ้านใครบ้านเขาว่ากันไป ทำเสร็จแจกจ่ายไปตามญาติพี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหายให้ช่วยกันกิน(จะได้หมด) ส่วนที่หมักขายเป็นล่ำเป็นสันนั้นไม่ค่อยเห็นจึงรู้สึกเสียดายๆ เพราะเห็นผลไม้มากมายหลายอย่างที่น่านำมาทำ ยิ่งช่วงนี้กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรงจึงควรถือโอกาสฟื้นฟูภูมิปัญญาเหล่านี้ ให้คืนกลับมาอีกครั้งก่อนที่คนยุคใหม่ของเราจะไม่รู้จักคำว่าน้ำส้มสายชู หมักจนกระทั่งต้องยกตัวอย่างน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ของฝรั่งเขามาเป็น ตัวอย่างจึงจะร้องอ๋อ
น้ำส้ม สายชูหมักนั้นใช้ได้หลายประสงค์ ใช่แต่นำมาดองพริกน้ำส้มเท่านั้นนะ แต่สามารถนำมาผสมน้ำผึ้งเท่าตัว ใส่เกลือเล็กน้อย ใช้จิบเป็นยาแก้ไอได้อย่างดีเยี่ยม นำมาผสมน้ำเย็น 20 เท่า ล้างหน้าแก้หน้ามันได้ดี และใช้ล้างผมภายหลังการสระผมทุกครั้งจะช่วยให้ผมสะอาดปราศจากรังแคอีกด้วย
และ ยุคสมัยใหม่นี้เขาผสมน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกันแล้วด้วยนะ การดื่มน้ำส้มสายชูหมักนั้นช่วยให้ระบบการขับถ่ายเป็นไปด้วยดี ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งด้วยนะคะ เดี๋ยวนี้บ้านฉันจึงมีน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งสัปปะรด สาลี่ดอย แอปเปิล มะเฟือง ลิ้นจี่ การทำน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ชนิดอื่นๆ จะมีสูตรการทำต่างกันออกไป เช่นถ้าทำจากน้ำมะพร้าว(ทั้งแก่และอ่อน) ต้องผสมน้ำตาลด้วย คือผลไม้ที่ไม่หวานนั้นควรเติมน้ำตาลเพื่อให้มีความหวานประมาณ 20 % เพราะหลักในการหมักน้ำส้มสายชูจะมีสองขั้นตอนคือ การหมักช่วงแรกจะเปลี่ยนน้ำตาลในผลไม้ให้เป็นแอลกอฮอล์ อีกช่วงหนึ่งจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้เป็นน้ำส้มนั่นเอง
มีตำราในมือทีนี้ก็อ่านใหญ่ เชียว อืม..อ่านหลายรอบสรุปได้ว่า การทำน้ำส้มสายชูนั้นทำแบบยากก็ดูยาก(จัง) เพราะต้องใส่ทั้งเชื้อยีสต์และเชื้อน้ำส้มสายชูบริสุทธิ์ซึ่งหาซื้อยากที เดียว แต่ถ้าจะทำแบบง่ายก็ไม่ยาก อย่างงค่ะ เอาง่ายๆ คือมีทั้งแบบง่ายๆ และแบบยากๆ
*****น้ำส้มสายชูหมักจากน้ำมะพร้าว
ใช้ น้ำมะพร้าวแก่หรืออ่อนก็ได้ 1 ลิตร น้ำตาลทราย 150 กรัม นำไปต้มให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็น แบ่งน้ำมะพร้าวออกมาประมาณ 1 แก้ว โรยเชื้อยีสต์ประมาณ 1/4 ช้อนชา ทิ้งไว้จนเกิดฟอง จึงเทน้ำหมักนี้ลงในน้ำมะพร้าวทั้งหมด เทใส่โหลแก้วปิดปากโหลด้วยกระดาษผูกด้วยเชือกให้แน่น โดยเหลือที่ว่างในภาชนะไว้ประมาณ 1/3 ส่วน และวางโหลไว้ในกะละมังใส่น้ำเพื่อกันมด ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนาน 45 วันขึ้นไป จากนั้นถ่ายใส่ขวดโหลปากกว้าง ปิดปากโหลด้วยผ้าขาวบางสองชั้น หรือกระดาษ ประมาณ 5 วันเพื่อระเหยแอลกอฮอล์ แล้วจึงนำมากรองใส่ขวด หรือใช้วิธีกาลักน้ำด้วยสายยางขนาดเล็กจะช่วยทำให้ใส หากจะบริโภคให้นำไปต้มด้วยความร้อน 60 องศา นาน 30 นาที แล้วเทใส่ขวดจากนั้นเช็ดขวดด้วยผ้าชื้นและแช่ขวดลงในน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ จากนั้นจึงเก็บขวดน้ำส้มสายชูของเราไว้พร้อมหยิบมาใช้บริโภคและแจกจ่ายได้ ตลอดเวลา
*****น้ำส้มสายชูจากสัปปะรด
น้ำสัปปะรดคั้น 5 ลิตร น้ำสะอาด 8 ลิตร น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม เทรวมกันต้มให้เดือดนาน 5-10 นาที ทิ้งให้เย็น แบ่งน้ำสัปปะรดครึ่งถ้วย โรยยีสต์ 1 ช้อนชา กรรมวิธีอื่นเช่นเดียวกันกับน้ำส้มสายชูจากน้ำมะพร้าว และหากทำหลายครั้งแล้ว สามารถเก็บน้ำส้มสายชูดิบจากครั้งก่อนไว้เป็นเชื้อน้ำส้มสายชูในครั้งต่อไป โดยเติมลงในส่วนผสมหลังจากการหมักทิ้งไว้ 5-7 วัน ในอัตราส่วน หัวเชื้อน้ำส้มสายชู 10% ของส่วนผสมทั้งหมด จะช่วยเร่งการหมักให้เร็วขึ้น
*****น้ำส้มสายชูหมักจากดอกอัญชัน
วิธีทำ:นำดอกอัญชัน๓๐ดอกขยี้ให้ช้ำ ใส่ลงในขวดน้ำหวานที่มีน้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอกสีอยู่ประมาณ๑ข้อนิ้วมือหรือ๒เซ็นติเมตรจากก้นขวด เติมน้ำสะอาดประมาณ๗๐๐มิลลิลิตรหรือประมาณค่อนขวด ปิดฝาแล้วผสมให้เข้ากันคลายฝาให้หลวมเพื่อให้อากาศเข้าได้
กำหนดเวลาในแต่ละวันมาปิดฝาแล้วผสมให้เข้ากัน(อย่าลืมคลายฝาให้หลวมดังเดิม)
ประมาณ๓เดือนจะได้น้ำส้มสายชูสีทับทิม กรองใส่ภาชนะที่เป็นแก้วมีฝาปิดเก็บไว้ใช้ได้
****น้ำส้มสายชูหมักจากผลแอ๊ปเปิ้ล
จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าไซเดอร์แอ๊ปเปิ้ล
ดื่มเช้า/เย็น จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยระบบการย่อยอาหาร ระบบหายใจ ลดน้ำหนัก ปวดข้อ บำรุงโลหิต ล้างสารพิษที่ตับ ปรับสมดุลในร่างกาย ครูซอสเลือกใช้ผลไม้คือแอ๊ปเปิ้ลเพราะว่าแอ๊ปเปิ้ลมีเส้นใย(เพกติน)สูงกินเข้าไปจะมีการพองคล้ายฟองน้ำสูดซับไขมันได้ดี
*****วิธีใช้: น้ำส้มสายชูหมัก๑ช้อนโต๊ะผสมน้ำครึ่งแก้ว(อาจปรุงรสด้วยน้ำตาลหรือน้ำผึ้งตามชอบ) ดื่มเวลากินอาหารจะทำให้อาหารมื้อนั้นย่อยง่ายขึ้น หรือดื่มเวลาท้องว่างเป็นการล้างพิษลำไส้ หรือดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะทำให้การขับถ่ายดี ในไซเดอร์แอ๊ปเปิ้ลมีสารหลายตัวที่เกิดประโยชน์
1. กรดอะซิติก ช่วยดึงไขมันออกจากเซลล์ไปเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน
2. ไฟเบอร์ ช่วยดึงคอเลสเตอรอลจากร่างกายได้อย่างดี
3.เบต้าแคโรทีน ช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง
4.มีวิตามิน A , C , B1 , B2 และ B6
5. โพแทสเซียม ช่วยให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง
วิธีทำสูตร
1. แอ๊ปเปิ้ล 3 กก. ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อปั่นให้โมเลกุลเล็กลงเวลาไปหมักจะเป็นน้ำส้มสายชูหรือไซเดอร์ได้เร็วค่ะ
2. น้ำเปล่า 5 กก. นำมาใช้ในการปั่นแอ๊ปเปิ้ลและผสมกับน้ำตาลทรายค่ะ
3.น้ำตาลทรายแดง 1 กก.(สำหรับผลไม้รสเปรี้ยว ถ้าทำไซเดอร์กล้วยสุกงอมหวานจัดใช้น้ำตาลทรายแดงเพียง 3 ช้อนโต๊ะ)
4. หัวเชื้อไซเดอร์ผลไม้(ไม่มีก็ไม่ต้องใส่) 1 ถ้วย
บางคนใส่ผงยีสต์ลงไป แต่ครูซอสได้ทำไซเดอร์กล้วยไว้ค่ะ ในโหลจะมีเนื้อกล้วยพองตัวลอยอยู่ซึ่งมียีสต์ เป็นราเซลล์เดียวที่ใช้เปลี่ยนน้ำตาลเป็นเอททิลแอลกอฮอล์ได้
ขั้นตอนการทำ
นำน้ำแอ๊ปเปิ้ลปั่น น้ำตาลทราย หัวเชื้อไซเดอร์ บรรจุลงถังพลาสติก(ถังควรใหญ่กว่าในภาพก็ดีค่ะ เพราะหมักได้1-2 วันยีสต์จะทำงานพองล้นภาชนะเลยค่ะ)
ใช้ทัพพีคนให้เข้ากันปิดฝา หมั่นเปิดฝาคนทุกวันค่ะ สูตรนี้ใช้เวลาไม่กี่วันจะได้น้ำส้มสายชูหมัก แต่ถ้าแอ๊ปเปิ้ลหั่นชิ้นหนาไม่มีการนำมาปั่น จะใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้เป็นน้ำส้มค่ะ...สูตรที่ทำวันนี้คาดว่า 10 วันก็ได้ทานแล้วค่ะ
*****ตามหลักวิชาการเขาบอกว่าการทำไซเดอร์เป็นการหมัก 2 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่1 เป็นการเปลี่ยนน้ำตาลในแอ๊ปเปิ้ลโดยใช้ยีสต์ให้กลายเป็นแอลกอฮอล์
ขั้นตอนที่ 2 เป็นการหมักแอลกอฮอล์ให้เกิดกรดอะซิติกด้วยแบคทีเรียในภาวะที่มีออกซิเจน(จึงมีการเปิดฝาใช้ทัพพีคนให้อากาศเข้าไป) กรดอะซิติกนี้มีรสเปรี้ยวไปทำลายเชื้อจุลินทรีย์ จึงเก็บได้นานแรมปีไม่มีเสียยิ่งนานยิ่งดีรสชาติดีเห็นคนเล่ามา...ไซเดอร์แอ๊ปเปิ้ลต่างจากผลไม้อื่นนิสนึงค่ะ ไซเดอร์แอ๊ปเปิ้ลเป็นน้ำใสมีเส้นใยบางๆเรียกว่ามาเทอร์ ซึ่งมีเอนไซน์มากที่สุดดีต่อระบบย่อยอาหารค่ะ
****น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล
คั้น น้ำแอปเปิลใส่ขวดโหลไว้ โดยเหลือที่ว่างไว้ 1/3 ส่วน ปิดปากโหลด้วยผ้าขาวบางเพื่อกันแมลงและฝุ่นละออง ตั้งทิ้งไว้ 45 วัน จะได้น้ำส้มสายชูหมัก
ที่ง่ายคือง่ายแบบนี้ละคุณ
แต่แบบ ยากกว่าก็มี คือหั่นแอปเปิลใส่น้ำพอท่วม นำไปตุ๋น ใช้ผ้าขาวบางปิดปากภาชนะไว้หกเดือน นำมากรอง (ยากกว่าแต่ไม่ยากมาก แต่นานหน่อย)
*****วิธีใช้: น้ำส้มสายชูหมัก๑ช้อนโต๊ะผสมน้ำครึ่งแก้ว(อาจปรุงรสด้วยน้ำตาลหรือน้ำผึ้งตามชอบ) ดื่มเวลากินอาหารจะทำให้อาหารมื้อนั้นย่อยง่ายขึ้น หรือดื่มเวลาท้องว่างเป็นการล้างพิษลำไส้ หรือดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะทำให้การขับถ่ายดี
คน ที่ไม่เคยรับประทานน้ำส้มสายชูหมัก แรกๆ จะรู้สึกแปลกๆ สักนิด จากกลิ่นและรสของมัน (อันนี้บอกไว้ก่อน ประเดี๋ยวจะคิดว่าน้ำส้มเสีย) น้ำส้มสายชูที่หมักครบเวลาแล้วจะมีรสเปรี้ยวต่างจากน้ำส้มสายชูกลั่น และกลิ่นหมักผสมกลิ่นผลไม้จะคล้ายๆ กลิ่นน้ำซาวข้าวเปรี้ยวๆ แต่กลิ่นและรสจะดีขึ้น (และยิ่งเปรี้ยวยิ่งขึ้น) หากเก็บไว้นานวัน
ดอกและผลของพืชมีจุลินทรีย์โดยธรรมชาติอยู่แล้วเมื่อเติมน้ำตาลและน้ำแล้วทำการหมักโดยการเติมอากาศสม่ำเสมอใช้เวลาประมาณ๓เดือนก็จะได้น้ำส้มสายชูไว้ใช้ผสมดื่มหรือใช้ปรุงอาหาร
ทำ ไปทำมาฉันรู้สึกชอบการทำน้ำส้มสายชูด้วยวิธีคั้นสด แล้วหมักไว้โดยไม่เติมยีสต์และหัวเชื้อน้ำส้มสายชูดิบ เพราะมันง่ายดีและคิดเอาเองว่ามันน่าจะเข้มข้นกว่าด้วยคุณค่าของน้ำผลไม้ที่ ไม่ถูกเจือจางด้วยน้ำ (อันนี้คิดเอาเองนะ) แต่หากเทียบกันเรื่องความเปรี้ยวนั้น ลิ้นสัมผัสบอกว่าเปรี้ยวสูสีกัน เพราะหมักน้ำส้มนั้นจะเติมน้ำหรือไม่เติมน้ำ หากผ่านการหมักนานวัน ยังไงก็เปรี้ยวอยู่แล้ว ปลอดภัย และเป็นการประหยัดอีกทางหนึ่ง
ขอบคุณเจ้าของโพสต์ คุณนันทวดี น้อยนิติ
ขอบคุณเจ้าของสูตร ป้าปิ๋วและเพื่อน
สวนเขมราฐพอเพียง" อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ...เจ้าของภาพ
TEAY