ตากเมืองเด็ก
ตำแหน่งใกล้เคียง ร้านเสื้อผ้า
Muang Tak
63000
Muang Tak 63000
63000
ตาก, Rahaeng
Muang Tak
Bangkok
ตาก, Rahaeng
63000
Rahaeng 63000
Mae Sot 63110
ตาก, Rahaeng
ตาก, Rahaeng
63000
ขายสินค้า ของใช้ เด็ก ตั้งแต่แรกเกิ? ขายของใช้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด รวมไปถึงของเล่นมีตั้งแต่เด็กแรกเกิดรวมไปถึงเด็กโตของเล่นเสริมพัฒนาการต่างๆ
Parents One
👶🏻👻หลอกลูกให้กลัวบ่อยๆ ยิ่งส่งผลร้ายกับลูกจริงหรือไม่? 🚫☹️
ตอนเด็กๆ เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดเสมอเวลาที่เราดื้อไม่ยอมทำตามคำสั่ง เช่น ดื้อดีนักเดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลย หรือระวังผีหลอกนะ จนตอนนี้โตขึ้นมาเราก็ยังใช้วิธีนี้หลอกเด็ก ลูกๆ หลานๆ กันต่อมา
❌ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการหลอกลูก หรือขู่ให้เขากลัวนนั้นเป็นวิธีที่ผิด และความกลัวก็จะติดตัวเขามาจนโตจนแก้ไม่หาย งั้นเรามาดูวิธีการที่ถูกต้องกันดีกว่าหากเด็กๆ ไม่ยอมทำตามต้องทำอย่างไร
💖อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.parentsone.com/fool-kids-more-harmful/
-----------------
🌟ติดตามพวกเราได้ที่
📌Facebook : Parents One
📌Twitter : twitter.com/ParentsOne
📌WebSite : www.parentsone.com
📌Instagram : instagram.com/parentsone/
📌Youtube : https://www.youtube.com/c/parentsone
Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
น้องอายุ 15 ปี แต่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับชั้นปีที่2 - “คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการเลี้ยงดูในลักษณะที่ว่า ตอนหนูแรกเกิดได้เพียง 3 เดือน คุณแม่จะจัดหาของเล่นเสริมพัฒนาการของเด็กวัย 6 เดือนมาให้เล่น พอหนูเข้า 6 เดือน คุณแม่ก็จัดหาของเล่นเสริมพัฒนาการวัย 9 เดือนมาให้ โดยที่คุณแม่ไม่รอให้หนูอายุครบตามเกณฑ์”
เด็กหญิงจบ ป.6 สอบได้มหา’ลัยดัง ไม่ต้องเรียนมัธยม พูดได้ 5 ภาษา พ่อแม่ไม่ได้เก่ง ชนะการแข่งขันเวทีระดับโลก เธอทำได้อย่างไร
คุณแม่มาฟังเร็วๆจ้าาา
ช่วงนี้หลินกำลังอินกับการให้ลูกดูดเต้าเลยค่ะ เพราะเพิ่งคลอดตัวเล็กออกมา ข้อมูลอันนี้ดี ดูแล้วเข้าใจง่ายเลยเอามาแชร์ให้อ่านกันค่า กดตามดูทีละรูปเลยน๊า
❤️❤️
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นความหวังให้ใคร
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเดินตามรอยเท้าใคร
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นตัวแทนของเรา
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตแทนเราในเส้นทางที่เราหวัง
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้เรา
ลูกไม่ได้เป็นถ้วยรางวัลให้เราเอาไว้อวดใคร
ลูกไม่ได้เป็นของมีค่าให้เราเอาไว้ประดับ
ลูกไม่ได้เป็นใบประกาศนียบัตรในความเป็น’พ่อแม่ที่ดี’ของเรา
ลูกไม่ได้เกิดมา...
***ให้เราขีดเส้นทางเดินให้***
เสียสละทำให้ทุกอย่าง
ปัดเป่าปัญหาและอุปสรรค
สร้างเส้นทางเดินที่สวยหรูไม่มีความลำบากให้
หรือ
แม้กระทั่งผลักดันให้ถึงที่สุดที่’เรา’ตั้งความหวังไว้
แต่ลูกเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตในเส้นทางที่ลูกเลือก
ลูกเกิดมาเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเราและสังคม
ลูกเกิดมาเพื่อทำผิดพลาดและใช้เป็นบทเรียน
ลูกเกิดมาเพื่อกล้าที่จะทำ ไม่กลัวที่จะล้ม และลุกขึ้นสู้ต่อไป
หน้าที่เราพ่อแม่คือ
ปลูกฝังทัศนคติดีๆให้ลูก
ปลูกฝังความกล้าและความมั่นใจในตัวเองให้ลูก
สร้างระเบียบวินัยในวัยเยาว์เพื่อเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิต
ใส่คุณธรรมและความดีในหัวใจลูก
เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตให้ลูกเห็น
รักษาเยียวยาความผิดหวังในชีวิตตัวเอง (ถ้ามี)
ลดการคาดหวังจากชีวิตลูก
แล้วถอยออกมาดูลูกใช้ชีวิตเองบ้าง
#แม่เอ๋เพจเลี้ยงลูกให้คิดเป็น
เป็นการยากมากที่จะเลี้ยงลูกโดยไม่มีความ’คาดหวัง’ใดๆ แต่เตือนใจตัวเองบ่อยๆ เพื่อจะได้ไม่ไป’ผลัก’และ’ดัน’จนลูกหมดโอกาสที่จะค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ เพราะ #ชีวิตเป็นของลูกไม่ใช่เป็นของใคร
บทความเก่าเอามาเผยแพร่อีกครั้งค่ะ ^^
ครูน้ำฝน นักกิจกรรมบำบัดเด็ก
10 พฤติกรรมเผลอทำร้ายลูกทางอ้อม
บางทีพ่อแม่ทำไปโดยความไม่รู้ มาป้องกันดีกว่าค่ะ ^^
รวบรวมจากที่ครูฝนเจอมาหลายๆเคสที่ฝึกมานะคะ
เวลาเราได้สัมภาษณ์ ซักถามประวัติ มักจะเจอแบบ
คล้ายๆกัน จะไม่พ้นปัญหาเหล่านี้เท่าไหร่
เลยอยากเอามาฝากพ่อแม่ไว้อ่านป้องกันไว้ก่อนค่ะ
#พัฒนาการเด็ก
#พ่อแม่
#นักกิจกรรมบำบัด
สารพันปัญหาการเลี้ยงลูก
“ #ขู่ลูก” #ไม่ใช่เรื่องดี #ส่งผลเสียต่อพัฒนาการ 😖😫
“การขู่ลูก” เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่หลายๆ บ้านมักนำออกมาใช้ ในตอนที่ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง ทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งก็มีที่ขู่ไปแล้วพ่อแม่รู้สึกว่าได้ผล เพราะลูกหยุดทำสิ่งนั้นๆ และหันกลับมาเชื่อฟัง แต่แท้จริงแล้ว...ผลลัพธ์จากการขู่ทำให้ลูกขาดความเชื่อใจในตัวพ่อแม่ และมีผลเสียต่อจิตใจของลูกระยะยาว
เพราะ การขู่ลูก ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง การที่ลูกเชื่อฟังในตอนแรกเกิดมาจากความหวาดกลัวในคำขู่ต่างๆ แน่นอนว่าการเลี้ยงลูกโดยใช้ความหวาดกลัวเป็นตัวประกันความรู้สึกนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี อีกทั้งยังเป็นเป็นการปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ที่ส่งร้ายต่อการดำเนินชีวิต และขัดขว้างพัฒนาการไว้อย่างรุนแรงอีกด้วย เรามาให้ความสำคัญเรื่องนี้กันนะคะ😊
Photos from ตากเมืองเด็ก's post
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
เล่นดินทราย ดีอย่างไร
เผยแพร่ครั้งแรกเพจสถาบันพัฒนาการเรียนรู้ทักษะศตวรรษที่21 ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสารVmag
หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกฉลาด แล้วไม่รู้จะทำอะไรกับลูกเล็ก หรือไม่รู้จะจัดการความซนความดื้อของลูกหลานอย่างไรดี แม้กระทั่งหากรู้สึกว่าลูกหลานออกจะเฉื่อยๆไม่ทำอะไร คำแนะนำคือซื้อทรายให้เขาเล่นสักกอง
วางถังน้ำไว้ข้างๆสักถัง จะมีอุปกรณ์เล่นทรายหรือไม่ไม่สำคัญ จานชามช้อนพลาสติกเก่าๆ ขวดพลาสติดน้ำอัดลมที่กินหมดแล้ว วางของเหล่านี้ไว้ข้างๆกองทราย ที่เหลือพวกเขาจัดการเอง
เกิดประโยชน์ทันที 9 ประการ
1.การเล่นกองทรายกับน้ำเป็นการเล่นที่มีเสรีภาพที่สุดในโลก คุณพ่อคุณแม่ปล่อยเขาเล่นอย่างอิสระ(Free Play) อย่าไปช่วยหรือออกความคิดเห็น ปล่อยเขาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนตามสบาย ความเป็นอิสระประกอบกับวัสดุที่ไม่มีขอบเขต เช่น ทรายและน้ำ จะช่วยให้เขาคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความคิดสร้างสรรค์ในเด็กเล็กเราเรียกว่า Initiative จะทำให้เซลล์ประสาทในสมองยืดแขนงประสาทออกไปแตะและเชื่อมต่อกับเซลล์ประสาทตัวอื่นๆ เกิดเป็นเครือข่ายใยประสาทนับล้านล้านตัว นี่คือวิธีกระตุ้นและเตรียมความพร้อมสมองของลูกเล็กที่ดีที่สุดในโลก และราคาถูกที่สุด
2.สำหรับเด็กซน เด็กดื้อ รวมทั้งเด็กสมาธิสั้น(ซึ่งเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) การปล่อยเขาไว้กับกองทรายและน้ำอย่างเสรีช่วยระบายพลังส่วนเกินได้ดียิ่ง มีข้อแม้ว่านี่คือเวลาและสถานที่ของเขา คุณพ่อคุณแม่กรุณาอย่ายุ่ง ท่านลองทำสักพักเด็กจะดื้อน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
3.หากมีพี่น้องหรือเด็กเล็กสัก 1-2 คนเล่นด้วย พวกเขาจะเรียนรู้วิธีเล่นด้วยกันโดยธรรมชาติ ช่วยกันคิดสร้างสรรค์วิธีเล่น ดีกว่านั้นคือพวกเขาเรียนรู้วิธีแบ่งพื้นที่เล่น รู้จักแบ่งปัน และรู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่นโดยสามารถลองผิดลองถูกได้ตามสบาย จะตบตีกันบ้างเดี๋ยวก็ดีกันเอง
4.ได้ฝึกภาษา ระหว่างที่เด็ก 2 คนหรือมากกว่าเล่นด้วยกัน เขาจะพูดกันหรือพูดคนเดียวอย่างแน่นอน การพูดคือการฝึกใช้ภาษา วัตถุที่จับต้องได้มิใช่เรื่องยาก การเรียกชื่ออุปกรณ์การเล่นเป็นของหมูๆ แต่ที่ดีกว่านี้คือคำพูดที่เป็นนามธรรมหรือวลีที่เราๆใช้กันในชีวิตประจำวัน คำหรือวลีเหล่านี้จะปรากฏบนกองทรายและถังน้ำเสมอ ซึ่งปรากฏมากและบ่อยกว่าการเขี่ยแท็บเล็ตคนเดียวอย่างแน่นอน “ขอหน่อย” “อย่าทำ” “ไม่เอา” “อยู่นิ่งๆ” “พี่ว่านะ...” “ชั้นก็อยู่หมู่บ้านสัมมากร” เป็นต้น
5.พัฒนาการทางภาษา(language development)และการเล่นสมมติ(role play)เป็นของสองสิ่งที่พัฒนาด้วยกันและส่งเสริมกันและกันเสมอ ยิ่งพัฒนาทางภาษามากก็คิดบทบาทสมมติได้มาก ยิ่งเล่นสมมติมากภาษายิ่งรุดหน้าขึ้นไปอีก สมมติเป็นครู สมมติเป็นหมอ สมมติเป็นแม่ครัว คุณพ่อคุณแม่นั่งใกล้ๆในระยะที่ได้ยินพวกเขาคุยกัน แล้วท่านจะมีความสุข
6.แม้ว่าระหว่างการเล่นเราจะให้อิสระเต็มที่ สกปรกกันได้ตามสบาย แต่เสรีภาพและความสกปรกนั้นจะมีขอบเขต คุณพ่อคุณแม่ต้องกำหนดพื้นที่เล่นให้ชัดเจนและห้ามออกนอกเขต เช่น ไม่ย่ำเท้าที่สกปรกขึ้นบ้าน ไม่ขนทรายออกนอกบริเวณหรือขนขึ้นบ้าน นอกจากนี้ยังกำหนดเวลาเล่นที่ชัดเจน ตอนเย็นวันธรรมดาให้เล่นถึงกี่โมง ฟ้ามืดแล้วประมาณกี่โมงต้องเลิก กติกาเช่นนี้ตกลงกันให้เรียบร้อยแล้วปฏิบัติ เสาร์อาทิตย์ให้เล่นวันละสองรอบๆละกี่ชั่วโมงก็ว่าไป ด้วยวิธีนี้นอกจากเขาได้ความคิดสร้างสรรค์จากเสรีภาพที่ให้แล้ว เขายังจะได้วินัยและการควบคุมตนเองให้อยู่ภายใต้กฎ กติกา มารยาทของสังคมอีกด้วย รับรองว่าดีกว่าเล่นเกมเยอะ
7.บนกองทราย เขาต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทั้งแขนขา ยืนทรงตัว ย่ำบนทราย ตักทราย ออกแรงต้นแขนงัดทรายขึ้นมา เหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่แข็งแรง กล้ามเนื้อมัดใหญ่แข็งแรงจะส่งผลกระทบถึงพัฒนาการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Autonomy คือความมั่นใจว่าเราก็ทำได้ นอกจากคุมฉี่คุมอึได้แล้ว ยังคุมแขนขาได้อีกด้วย เก่งอะไรเช่นนั้น ในทิศทางตรงข้าม เด็กเล็กที่ยังคุมอึคุมฉี่ได้ไม่ดีนัก ปล่อยให้เล่นกองทรายและน้ำไปสักพัก แล้วท่านจะพบว่าเขาคุมฉี่และอึได้ดีขึ้น
8.บนกองทราย เขาต้องใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กระหว่างนิ้วมือสิบนิ้วอย่างเป็นอิสระ กล้ามเนื้อบริเวณนี้มีมากกว่าร้อยมัดเพื่อเตรียมให้มนุษย์สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะที่สัตว์อื่นทำไม่ได้ ยิ่งสิบนิ้วเคลื่อนไหวได้อย่างละเอียดและมีเสรีภาพไปได้ทุกทิศทางมากเท่าไร สมองส่วนที่รับผิดชอบนิ้วมือทั้งสิบซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางมากจะทวีขนาดและปริมาณข่ายใยประสาทมากยิ่งขึ้นและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เด็กเล็กจะไม่เพียงมีนิ้วมือทั้งสิบพร้อมใช้งานศิลปะ แต่สมองที่พัฒนาตามความสามารถของนิ้วมือทั้งสิบส่งผลให้ไอคิวสูงขึ้นไปอีก เพราะไอคิวมิใช่ดัชนีวัดความฉลาด ไอคิวเป็นดัชนีวัดความสามารถในการปรับตัว
9.สิบนิ้วแคล่วคล่อง ข่ายใยประสาทในสมองยิ่งคล่องแคล่ว เปรียบเสมือนตรอกซอกซอยที่สานเป็นร่างแหไม่สิ้นสุด รถจะติดหรือชีวิตมีอุปสรรคเช่นไร ลูกของเราก็หาซอยเข้าหรือรู้วิธีเอาตัวรอดได้เสมอ
เทียบกับคัดไทยซึ่งพัฒนากล้ามเนื้อนิ้วได้บางมัดแต่ทำลายหลายมัด หรือใช้นิ้วเพียงสองนิ้วเขี่ยแท็บเล็ต การปล่อยลูกๆเล่นกองทรายมีประโยชน์มากกว่ามาก
อย่าลืม เมื่อหมดเวลาเล่น เขาต้องอาบน้ำ ระหว่างเล่นเป็นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามบ่นเรื่องความสกปรก อย่าลืมว่ากติกาคือนั่นเป็นเวลาอิสระ และเราเคารพกติกาให้เขาดู พอถึงเวลาหยุดเล่น เขาจะเคารพกติกาให้เราดู คือไปอาบน้ำ กติกาสังคมมิได้เกิดจากการสั่งสอน แต่เกิดจากการทำให้ดู
กองทราย 1 กอง กำไรหลายเท่าตัว
Mama Expert Thailand
กอดนั้นสำคัญไฉน??? ตามไปอ่านข้างล่างนี้กันเลยจ้าา พ่อแม่ทั้งหลาย
กอดแบบไหน สื่อรักภาษากาย
ให้ลูกน้อยแต่ละวัยรับรู้ได้
www.mamaexpert.com/posts/content-977
ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่านะคับ
เพื่อนแอดมินที่แคนาดาประสบอุบัติเหตุ เด็กปลอดภัยเพราะนั่งคาร์ซีท ตำรวจที่แคนาดาเช็คเสมอนะคะว่าพ่อแม่เด็กคาด belt ให้ลูกแน่นหรือป่าว คนไทยบางคนให้ลูกนั่งคาร์ซีท แต่มักทำ belt หลวมๆ ก็ไม่ถูกต้องนะคะ ลองนึกดูถ้าเด็กในรถคันนี้นั่งคาร์ซีทแต่พ่อแม่คาด belt ให้ลูกหลวมๆ คงไม่ต้องพูดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก
ฝึกให้ลูกนั่งคาร์ซีท ปลอดภัยกับชีวิตดีกว่าค่ะ เราคาดการ์ณอุบัติเหตุไม่ได้ ไม่มีหรอกค่ะเด็กไม่นั่ง จากประสบการ์ณตัวเองลูกสองคน คนเล็กร้องไห้งอแง ปล่อยให้ร้องเลย 3 วันทนฟังคนเล็กร้องไห้ และเธอก็เลิกร้อง นั่งแต่โดยดี
ไม่มีเด็กคนไหนตายเพราะร้องไห้ค่ะ แต่เด็กอาจตายถ้ารถชนแล้วไม่นั่งคาร์ซีท
Photos from ตากเมืองเด็ก's post
รถขาไข มีเสียงดนตรี
เพย์เพนๆตัวนี้ก้อลดราคานะจ๊สนใจทักมาสอบถามกันได้เรย
มีโปรลดราคาอยู่นะจร๊จากปกติ7950บาทลดสุดๆ50%จากราคาป้ายเรยนะมาสอบถามกันได้คร่า
7 วิธีลดความเสี่ยงจากการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)
คุณกังวลกับการที่จะปกป้องลูกน้อยให้ห่างจากอันตรายทั้งปวงหรือไม่ เรามี 7 วิธีที่ช่วยลดอัตราความเสี่ยงจาก SIDS ที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในเด็กทารกหลับไม่ตื่นในเด็กทารก SIDS
ลดความเสี่ยงจากการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)
SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) หรืออาการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก เมืองไทยเรียกว่าโรคไหลตายในทารก คร่าชีวิตเด็กกว่าสามพันคนต่อปี เด็กที่เป็นเหยื่อของ SIDS นี้มักเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงดี พ่อแม่เอาลูกเข้านอนแต่ลูกก็หลับไม่ตื่นอีกเลย เป็นการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ เรื่องเลวร้ายนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเวลา
สาเหตุการเกิด SIDS
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิด SIDS คืออะไร สิ่งที่เรารู้คือเด็กจะหยุดหายใจและไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองตื่นตัวจนกลับมาหายใจได้อีกครั้ง SIDS มักเกิดขึ้นในเด็กอายุระหว่าง 2-4 เดือน แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุมากกว่าหนึ่งขวบ 3 ใน 5 เกิดขึ้นกับเด็กผู้ชาย และเด็กที่เสี่ยงกับการเสียชีวิตจาก SIDS คือ เด็กที่คลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวน้อย หรือมีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่
หลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)สิ่งที่ช่วยเลี่ยงการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)สิ่งเหล่านี้คือ 7 อย่างที่พ่อแม่ควรระลึกไว้เพื่อป้องกันลูกน้อยจาก SIDS
1. ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กล่าวว่า ควรให้เด็กนอนหงาย เพราะเด็กจะสามารถหายใจเอาอากาศที่มีปริมาณออกซิเจนได้มากกว่าเด็กที่นอนคว่ำ แต่ในสองสามปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเด็กควรนอนคว่ำเพื่อป้องกันการสำลักน้ำลายเข้าไปในปอดขณะนอนหลับซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดSIDS
2. ต้องแน่ใจว่าเด็กได้นอนบนที่นอนที่แข็งพอ
3. อย่าให้ลูกนอนบนที่นอนที่อ่อนยวบ ย้ายตุ๊กตาและผ้าห่มที่หลวมจนเกินไปออกจากเตียงเวลาที่ลูกหลับ ให้ใช้ผ้าห่มที่สามารถหายใจผ่านได้เพื่อป้องกันเวลาที่ลูกนอนแล้วผ้าห่มมาคลุมหน้า หากคุณต้องการใช้แผ่นกันชนรอบเตียงลูก ควรใช้ผ้าที่ทอเหมือนผ้าตาข่ายที่สามารถหายใจผ่านได้ ต้องแน่ใจว่าแผ่นกันชนเตียงติดตั้งแบบสอดเข้าและออกสลับกันรอบลูกกรงเตียงเพื่อทำให้มันแน่นและมั่นคงไม่หลุดลงมาคลุมหน้าลูกน้อย
4. ห้องนอนลูกควรมีอุณหภูมิที่เย็นพอ ไม่อุ่นหรืออบอ้าวจนเกินไป เพราะอากาศร้อนอบอ้าวจะทำให้หายใจได้ลำบากขึ้น
5. ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์อย่างแน่ชัด แต่ผลวิจัยบางอันชี้ให้เห็นว่านมจากเต้าของแม่สามารถลดความเสี่ยงของ SIDS ได้ นมแม่เป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพดีของลูกน้อยในหลาย ๆ ด้าน เพราะฉะนั้นแม้ไม่ได้รับการพิสูจน์ ก็ไม่มีอะไรเสียหายที่จะให้ลูกกินนมจากเต้า
6. อย่าให้ลูกมานอนเตียงเดียวกับคุณ มีสิ่งปกคลุมหลายอย่างที่ใหญ่ไปสำหรับลูกน้อยซึ่งมันจะเพิ่มความเสี่ยงที่เครื่องนอนจะมาทับหรือคลุมลูกคุณได้
7. ให้ลูกน้อยของคุณใช้จุกนมปลอมเพื่อการนอนหลับอย่างสบาย การดูดจุกนมจะช่วยให้การหายใจสม่ำเสมอ
มันสามารถเกิดขึ้นได้แม้จะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีที่สุด
แม้ว่าคุณจะทำตามคำแนะนำในการป้องกัน SIDS เป็นอย่างดี ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีเด็กที่เสียชีวิตจาก SIDS แม้ว่าผู้ปกครองจะทำสิ่งทุกอย่างอย่างถูกต้อง เราหวังว่าซักวันหนึ่งเราจะทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดภาวะนี้และสามารถนำไปสู่วิธีการรักษาที่ถูกวิธี
เครดิต:TheAsianParent Thailand
รองเท้าเด็กชายก็มีจ้า
10คำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรใช้กับลูกแม้แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ทำผิดพลาดได้
แต่นี่เป็นคำพูดที่พ่อแม่ทุกคนไม่ควรพูดกับลูกเด็ดขาดบางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่อาจไม่ค่อยสนใจว่าเราพูดอะไรกับลูกบ้างแต่รู้หรือไม่ว่าเวลาเราเครียดหรือโมโหเราอาจพูดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจลูกอย่างรุนแรงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจเราควรระลึกไว้เสมอว่าผลจากการกระทำของเราอาจส่งผลต่อคนอื่นโดยที่เราคาดไม่ถึง
ล้อเลียน
นี่เป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาดสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เราไม่ควรล้อเลียนหรือเรียกลูกด้วยชื่ออื่น ๆ ที่อาจทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจให้เขา เช่น อ้วน แห้ง สิว ฯลฯ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หยุดกวนซะที
บางครั้งผู้ปกครองอาจต้องการเวลานอก แต่ถ้าคุณบอกลูกว่าอย่ามายุ่งกับคุณบ่อย ๆ เข้า พวกเขาก็อาจไม่คุยกับคุณอีกต่อไป เด็ก ๆ ควรเรียนรู้ว่าบางครั้งคุณก็ต้องการเวลาพักบ้าง พยายามอธิบายให้ลูกฟังก่อนที่จะระเบิดใส่พวกเขาว่าคุณขอเวลาทำธุระส่วนตัวสัก 2-3 นาที
ต่อว่าตลอดเวลา
การบอกลูกว่าเขาซุ่มซ่ามหรือนิสัยไม่ดีไม่ได้ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจหรือรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดกับเขาโดยตรงก็ตาม เด็ก ๆมักเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยินโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้นสุดท้ายพวกเขาก็จะเชื่อว่าพวกเขาแย่อย่างที่คุณพูดจริง ๆ
สั่งให้เก็บอารมณ์
เรามักพยายามปกป้องลูกโดยการบอกเขาว่าไม่ต้องเศร้าหรือไม่ต้องกลัวแต่บางครั้งการบอกไม่ให้เขารู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้อาจเป็นการสื่อให้เขารู้สึกว่าอารมณ์และความรู้สึกของเขานั้นไม่สำคัญพยายามบอกลูกว่าไม่เป็นไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น และคุณจะคอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขาเสมอ
เปรียบเทียบกับพี่น้อง
พ่อแม่ไม่ควรเปรียบเทียบลูกคนหนึ่งกับลูกอีกคนเราควรเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันและคุณก็รักที่พวกเขาแตกต่างกันการพูดเปรียบเทียบพี่น้องจะทำให้พวกเขาเกลียดกันพยายามทำให้ลูกรู้ว่าพวกเขาพิเศษกันคนละแบบปรี๊ดใส่
การบอกลูกว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกทำอย่างนั้น” หรือ “น่าจะฉลาดกว่านี้” จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจ เขาจะโตขึ้นโดยรู้สึกว่าทำอะไรก็ผิดและก็ไม่มีวันทำอะไรถูกสักอย่าง พยายามพูดกับลูกดี ๆ แทนที่จะพูดกระโชกโฮกฮากตลอดเวลา
ลงไม้ลงมือการตี หรือการลงโทษหนัก ๆ อาจไม่ส่งผลดีเสมอไปมันอาจใช้ได้ผลแค่ในช่วงแรก แต่สุดท้ายมันก็จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
ขู่ด้วยประโยคเดิมๆเช่น“เดี๋ยวรอให้พ่อรู้ก่อนเถอะ”ปัญหาก็คือเมื่อเด็กๆโตขึ้นเขาก็จะรู้ว่าคุณก็แค่ขู่ไปอย่างนั้นโดยไม่ทำอะไรและเขาก็จะไม่ฟังคุณ
ชมพร่ำเพรื่อ
เด็ก ๆ ควรได้รับคำชมบ้าง แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา คำชมควรถูกสงวนไว้สำหรับวาระสำคัญเท่านั้น ถ้าคุณชมลูกบ่อยเกินไปมันจะกลายเป็นไร้ความหมายและเด็กๆจะคิดว่าพวกเขาสมควรได้รับคำชมสำหรับทุกๆอย่างที่ทำก็เพราะแม่สั่งให้ทำแม้คุณจะเป็นพ่อแม่และเราก็ควรสอนให้ลูกฟังในสิ่งที่เราพูดแต่เราก็ควรอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่ก็ส่วนใหญ่ ไม่ใช่สักแต่พูดว่า “ก็เพราะแม่สั่งให้ทำ” ไม่เช่นนั้นเด็กก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำตามที่คุณบอก
เครดิต:TheAsianParent Thailand
รองเทเาเด็กๆเราก็มีจร้าแวะมากันนะ
ทำอย่างไรไม่ให้ลูกน้อยหัวแบนอีกหนึ่งเรื่องกังวลของพ่อแม่มือใหม่คงหนีไม่พ้นเรื่องอยากให้ลูกหัวสวยหัวทุยหัวไม่แบนแต่ปัจจุบันเด็กหัวแบนกันมากขึ้นเนื่องจากทางการแพทย์แล้วแนะนำ
ให้เด็กทารกนอนหงายมากกว่านอนคว่ำ เพื่อป้องกันภาวะ SIDS (Sudden Infant DeathSyndrome)หรือโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตขณะนอนหลับทำอย่างไรไม่ให้ลูกน้อยหัวแบนอีกหนึ่งเรื่องกังวลของพ่อแม่มือใหม่คงหนีไม่พ้นเรื่องลูกอยากให้ลูกหัวสวย หัวทุย หัวไม่แบน แต่ปัจจุบันเด็กหัวแบนกันมากขึ้นเนื่องจากทางการแพทย์แล้วแนะนำให้เด็กทารกนอนหงายมากกว่านอนคว่ำ เพื่อป้องกันภาวะ SIDS (SuddenDeathSyndrome)หรือโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตขณะนอนหลับสาเหตุของการหัวแบนเนื่องมาจากกระดูกของเด็กแรกเกิดเป็นกระดูกที่มีความอ่อนหากนอนทับอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดเวลาก็จะทำให้กะโหลกศีรษะของเด็กแบนได้อย่างไรก็ดีภาวะหัวแบนไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด (ส่งผลกับความสวยงามของรูปศีรษะเท่านั้น)
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากให้ลูกหัวแบนมีคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
วิธีป้องกันลูกหัวแบน
1.จัดท่านอนให้ลูกตะแคงข้างสลับข้างไปมาซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
2.ให้ลูกนอนคว่ำหัวสวยแน่นอนแต่ก็ค่อนข้างอันตรายในเด็กสามเดือนแรกเพราะอาจทำให้เด็กขาดอากาศหายใจถ้าจับลูกนอนคว่ำพ่อแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดอย่าให้มีหมอนหรือสิ่งของอื่นๆ อุดจมูกลูก
3.ถ้าลูกไม่ยอมนอนคว่ำให้หาหมอนหลุมมาให้ลูกนอน
4.ช่วงที่ลูกตื่นอย่าให้ลูกอยู่ในท่านอนหงายเพียงอย่างเดียวให้ลูกอยู่ในท่าอื่นๆด้วยเช่นคว่ำชันนคอตะแคงหรืออุ้มลูกขึ้นมาแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
5.ไม่ควรให้นอนในคาร์ซีทหรือรถเข็นเด็กนานเกินไป
6.การอุ้มลูกก็ควรสลับข้างไปมาซ้ายขวาเช่นกัน
7.ถ้าจะอุ้มลูกไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือพาออกไปข้างนอก ก็ควรใช้เป้อุ้มเด็ก เพื่อให้คอและหัวของลูกเป็นอิสระ
เครดิต:TheAsianParent Thailand
ชุดนอนแขนยาวขายาวตเาปวะมาดูกันนะหนาวแล้วๆ
7ความผิดพลาดในรอบปีที่พ่อแม่พลาดไปบั้นทอนความสำเร็จลูก
พ่อแม่ทุกคนมีความตั้งใจแน่วแน่ต่อการเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จแต่ก็ยังมีความผิดพลาดที่สำคัญหลายประการที่อาจเป็นการลดความมั่นใจของลูกตั้งแต่ในวัยเด็กและกลายเป็นการบั่นทอนโอกาสที่ลูกๆจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวในอนาคตของเขาได้นะเราทุกคนต่างทราบดีว่าไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างแม้กระทั่งบทบาทในการเป็นพ่อแม่ ถ้านี่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นำมาปรับให้ดีขึ้นเพื่อลูกของเรากันเถอะ
ความผิดพลาดของพ่อแม่
#1เราไม่เปิดโอกาสให้ลูกมีประสบการณ์ที่เสี่ยงบ้าง
โลกสมัยนี้อยู่ยากทุกย่างก้าวของลูกพ่อแม่จึงต้องขอ“ปลอดภัยไว้ก่อน”ดังนั้นเราจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ปกป้องพวกเขาแต่การที่เราป้องกันลูกจากความเสี่ยงทุกอย่างมันอาจจะส่งผลในทางตรงกันข้ามก็ได้นะ
นักจิตวิทยาในยุโรปได้มีการค้นพบว่าถ้าเด็ก ๆ ไม่เคยได้ออกเล่นข้างนอกหรือไม่เคยได้รับประสบการณ์หกล้มจนได้แผลเลยพวกเขาจะกลายเป็นเด็กที่ชอบหวาดกลัวดังนั้นเด็กๆจึงจำเป็นที่จะต้องมีโอกาสหกล้มบ้างเพื่อที่จะเรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาถ้าพ่อแม่กันความเสี่ยงต่างๆออกจากชีวิตลูกไปหมดโตขึ้นลูกก็อาจกลายเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างและไม่รู้จักที่จะความเคารพในตัวเองได้นะ
#2 เราเข้าไปช่วยลูกเร็วเกินไป
เมื่อพ่อแม่เข้าไปช่วยเหลือลูกอย่างรวดเร็วเกินไป และทนุถนอมพวกเขามากเกินไปด้วยการ “ช่วยเหลือ”ไปซะทุกอย่างมันก็เหมือนเราได้พรากสิ่งจำเป็นสำหรับลูกในการที่เขาจะรู้จักแก้หรือต่อสู้กับปัญหาด้วยตนเองดังนั้นควรให้ลูกได้ทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองโดยปราศจากความช่วยบ้างเพราะการเข้าไปช่วยและจัดการปัญหาต่างๆให้กับพวกเขาจะกลายเป็นการปิดกั้นลูกจากการที่จะเติบโตและกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถในอนาคตได้
#3 เราชื่นชมลูกง่ายเกินไป
เมื่อเราใช้วิธีชื่นชมลูกง่ายๆและเพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่แย่ๆอาจทำให้เด็กๆรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษแต่ในที่สุดเด็กๆก็จะสังเกตว่ามีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่คิดว่าพิเศษเมื่อไม่มีคนอื่นที่มาคอยชื่นชมเขาเลยมันอาจจะทำให้ลูกรู้สึกดีในช่วงหนึ่งผลลัพธ์ก็คือมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงซึ่งจะกลายเป็นว่าเด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ที่จะใช้เล่ห์กล คุยโม้โอ้อวด และโกหกเพื่อหลีกหนีจากความจริงกลายเป็นเด็กที่ไม่รู้จักยอมรับความจริงและความผิดหวังหากที่เรื่องที่เขาไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันได้
#4เราปล่อยให้การตามใจเข้ามาขัดขวางโอกาสในการสอนสิ่งดีๆ
ลูก ๆ ของเราจะก้าวข้ามผ่านความผิดหวังได้ แต่พวกเขาไม่อาจก้าวข้ามผลของการถูกตามใจจากพ่อแม่ไปได้เลยถ้าหากพวกคุณไม่เคยพูดคำว่า“ไม่”หรือ“ยังไม่ใช่ตอนนี้”และปล่อยให้พวกเขาได้พยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการด้วยตัวเองมันเป็นการเสียโอกาสที่จะได้ทำให้ลูกได้เห็นว่าความสำเร็จนั้นมันขึ้นอยู่กับการกระทำด้วยตัวเองและเป็นสิ่งที่ดีพึงระวังต่อเงื่อนไขที่พวกคุณจะให้กับลูก เช่น ให้รางวัลเมื่อสอบได้ดี ลูกจะได้รับรางวัลที่เป็นวัตถุแต่ไม่ได้ประสบการณ์จากแรงกระตุ้นหรือความรักอันไร้เงื่อนไขของคุณ
#5เราไม่เคยแชร์ความผิดพลาดของตัวเองในอดีตให้ลูกฟัง
เมื่อเด็กๆโตขึ้นเขาจะต้องพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเองเราในฐานะพ่อแม่ก็ควรปล่อยให้ลูกได้ทำสิ่งเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่คอยช่วยชี้นำพวกเขานะลองแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดที่พวกคุณเคยทำเมื่อตอนอายุเท่าลูกในอดีตดูซิเพื่อพวกเขาจะได้เรียนรู้และเลือกทางที่ดีกว่าคุณได้แบ่งปันเรื่องราวที่พวกคุณเคยเผชิญกับปัญหาหรือความผิดพลาดแล้วบอกลูกว่าคุณได้ทำอย่างไรและได้บทเรียนอะไรจากสิ่งเหล่านั้นเพราะพ่อแม่ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลกับลูกเท่านั้นแต่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกด้วย
#6เราเข้าใจผิดในเรื่องที่คิดว่าลูกเป็นเด็กตลอดเวลา
มันไม่มีเวทมนต์“ความรับผิดชอบตามอายุ”หรือ แนวทางการพิสูจน์ว่าสติปัญญาตามวัยนั้นใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเด็กพร้อมสำหรับการผจญภัยในโลกกว้างเมื่อไหร่วิธีที่ดีคือการสังเกตเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกับลูกถ้าเห็นพวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้มากกว่าลูกของคุณ แสดงว่าบางทีคุณอาจจะให้อิสระและโอกาสกับลูกของคุณช้าเกินไป
#7 เราไม่ได้ปฏิบัติตามในสิ่งที่สอนลูกไป
ในฐานะของพ่อแม่มันเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิตในแบบที่เราอยากให้ลูกได้เป็นในอนาคตเป็นคนที่ชี้นำการดำเนินชีวิตที่ต้องมีความเชื่อถือและมีส่วนรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำดังนั้นพวกคุณจึงควรระวังในเรื่องพฤติกรรมที่มองดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการทำอะไรแบบขอไปทีเพราะถ้าคนอื่นสังเกตเห็นลูกของคุณก็จะสังเกตเห็นเช่นกันดังนั้นการแสดงให้ลูกเห็นความเป็นแบบอย่างที่ดีเช่นการให้ลูกได้รู้ความหมายของการเสียสละหรือรู้จักช่วยเหลือผู้คนลูกๆก็จะจดจำและทำในสิ่งเดียวกันนี้เมื่อเขาโตขึ้นจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมเช่นเดียวกับพ่อแม่
เครดิต: www.brightside.me
ตุ๊กตาเจ้าสาวสวยๆราคาหลักร้อยทางนี้เลยจร้าของเล่นเสรอมพัฒนาการก็มีนะแวะมาชมกันจ้า
เมื่อทารกทำท่าแบบนี้อยากบอกอะไรแม่นะ!!!
ทารกน้อยแม้จะยังไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ได้แต่ทราบไหมคะว่าทารกนั้นสื่อสารด้วยอากัปกิริยาท่าทาง และท่าทางต่างๆ เหล่านั้นยังบอกความต้องการที่แตกต่างกันอีกด้วยมาดูกันค่ะว่าแต่ละท่าทางนั้นเจ้าหนูต้องการสื่อสารอะไร ติดตามอ่าน
ท่าทาง ทารก : เมื่อทารกทำท่าแบบนี้อยากบอกอะไรแม่นะ!!!
1.เตะขาความเป็นไปได้ว่า:ลูกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สบายๆเป็นเวลาแห่งความสุขเมื่อเขาเหลือบไปเห็นอะไรที่แปลกตาสำหรับเขาเจ้าหนูอาจกำลังคิดว่านั่นคือสิ่งมหัศจรรย์เช่นเมื่อคุณแม่เปิดก๊อกน้ำมีน้ำไหลออกมาจากก๊อกการเตะขาของเขาแสดงถึงความน่าตื่นเต้นในแบบของทารกนั่นเอง
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ:การเตะขาช่วยเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อของทารกเพื่อเตรียมความพร้อมในการหัดคลานต่อไปดังนั้นหากคุณแม่เห็นว่าการกระทำอะไรก็ตามที่ทำให้เจ้าหนูรู้สึกตื่นเต้นเช่นให้ดูน้องแมวน้องหมาเจ้าหนูเตะขาเสียสูงเชียว นั่นแสดงว่าเขากำลังตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลยค่ะ
ความเป็นไปได้ 2 : ลูกอยากมีปฏิสัมพันธ์ โดยทารกค้นพบว่าการเตะขาให้กระทบกับขอบเตียงแล้วเกิดเสียงดังเป็นจังหวะเขาก็จะสนุกกับการทำจังหวะในแบบของทารกหรืออีกอย่างการเตะขาชนกับขอบเตียงทำให้คุณแม่ต้องรีบมาหาเขานั่นเองแบบนี้เจ้าหนูเรียกร้องความสนใจจากแม่ ก็หนูไม่อยากอยู่ห่างแม่นี่นา !!!
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ:จับลูกวางบนตักแล้วร้องเพลงให้ลูกฟังนอกจากลูกจะได้เตะขาไปตามจังหวะเพลงแล้วเจ้าหนูยังได้ใกล้ชิดกับคุณพ่อคุณแม่ตามที่ต้องการอีกด้วย สุขสุด ๆ ไปเลย !!!
2. เอามือปิดหูหรือปิดตา
ความเป็นไปได้ 1 : ลูกอยากชวนคุณพ่อคุณแม่เล่นจ๊ะเอ๋นะสิคะ เพราะทารกจะเรียนรู้ได้ไวว่าเกมนี้เล่นยังไงที่สำคัญมันสนุกมากสำหรับหนูโดยเฉพาะเมื่ออายุได้8–9เดือนเกมนี้ลูกจะเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุณแม่เล่นก่อนด้วยซ้ำ
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ:เอาผ้าห่มบางๆมาคลุมศีรษะลูกเพื่อให้ลูกดึงผ้าออกแล้วโผล่หน้ามาหัวเราะเฮฮากับคุณแม่ที่จะรอ“จ๊ะเอ๋”จากนั้นสลับกันบ้างให้คุณแม่เอาผ้ามาคลุมศีรษะตัวเองและให้ลูกเป็นคนดึงผ้าออก พร้อมกับบอก “จ๊ะเอ๋” ลูก รับรองหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแน่นอนค่ะ
ความเป็นไปได้2:ลูกอยากบอกว่าถึงเวลานอนของหนูแล้วนะเพราะทารกทำท่านี้ไม่ต่างกับเวลาที่ผู้ใหญ่อย่างเรารู้สึกเพลียหรือเหนื่อยมักจะเอามือลูบหน้าลูบตา
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ถ้าลูกเริ่มหาวแล้วหรือนั่งเอนไปพิงของเล่น ให้พาลูกเข้านอนค่ะพร้อมกับอ่านนิทานให้ฟังหรือเปิดเพลงบรรเลงสบายๆช่วยขับกล่อมให้เจ้าหนูนอนหลับฝันดี
3. เบือนหน้า
ความเป็นไปได้ 1 : ลูกอาจกำลังต้องการให้คุณหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นหรืออีกเหตุผลนึงคือเขาต้องการบอกว่าขอหนูเคี้ยวคำนี้ให้หมดก่อนนะแล้วแม่ค่อยป้อนต่อ
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ปล่อยให้ลูกสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวสักพักแต่ถ้าลูกยังไม่ยอมหันมาเสียที แบบนี้ต้องเบี่ยงเบนความสนใจให้หันกลับมาแล้วค่ะ
ความเป็นไปได้ 2 : คุณแม่กำลังทำให้เจ้าหนูไม่สบอารมณ์แล้วสิคะ เป็นไปได้ว่าอาจไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัว บางทีทารกก็มีโลกส่วนตัวเหมือนกันนะ ประมาณว่า ตอนนี้อยากอยู่คนเดียวค่ะแม่!!!
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : แม้ว่าคุณแม่อยากจะอุ้ม กอดเจ้าหนูแต่ช่วงเวลานี้ปล่อยเขาไปสักพักกับของเล่นชิ้นโปรดที่จดจ่ออยู่ ปล่อยเขาเล่นสัก 10–20นาทีเวลานี้คุณแม่จะได้มีเวลาจัดเตรียมหรือทำอะไรตามต้องการแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เดี๋ยวลูกก็ร้องหาแล้วค่ะ
4. เอามือม้วนผม
ความเป็นไปได้1เจ้าตัวน้อยรู้จักวิธีที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลายแล้วหละ เพราะการทำอะไรซ้ำ ๆอย่างเอามือจับผมม้วนเล่นจะทำให้ระบบประสาทส่วนกลางของลูกทำงานช้าลง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : หากลูกไม่ถึงกับทึ้งผมตัวเองก็ปล่อยเจ้าหนูทำตามสบายเลยค่ะ
ความเป็นไปได้2:ลูกกำลังรู้สึกกังวลกับสิ่งรอบตัว อาจจะเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ แขกแปลกหน้าที่มาเยี่ยมเยียนหรือมารุมล้อมหรือเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆข้างบ้าน
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ปลอบลูก และบอกว่าไม่เป็นไรแม่อยู่ตรงนี้ใกล้ ๆ หนู เสียงที่อ่อนโยนของคุณแม่จะช่วยให้ลูกคลายความกังวลไปได้ค่ะ
5. ดึงหู
ความเป็นไปได้ 1 : อาการนี้บ่งบอกว่าหนูกลังไม่สบอารมณ์แล้วนะ หรือบ่งบอกว่ากำลังเกิดควาไม่พอดีขึ้นกับลูก เช่นนมที่ให้หนูมันร้อนเกินไปหรือหนูมีแก๊สในท้องอยากเรอจังแม่
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : คุณแม่ต้องหาสาเหตุแล้วแก้ปัญหาไปตามนั้นค่ะ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น เช่น เรอแล้วแต่ก็ยังไม่สงบลง ยังดึงหูอยู่ คุณแม่ลองสร้างบรรยากาศแห่งความสงบขึ้นมาเองนะคะ อาจจะปิดมู่ลี่หรือปิดโทรทัศน์ หรือพาไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกห้องก็จะดีไม่น้อย
ความเป็นไปได้ 2 : ลูกกำลังไม่สบายตัว เช่น ปวดท้องเจ็บคอคัดจมูกฯลฯแต่แทนที่เจ้าหนูจะจับส่วนนั้น ๆ กลายเป็นไปจับหูแทนเสียนี่
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : สังเกตอาการหรือตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ลูกเกิดความไม่สบายตัวหากลูกยังร้องไห้แสดงอาการหงุดหงิดมากๆแล้วยังหาสาเหตุไม่เจอต้องไปพบคุณหมอแล้วค่ะ
6. เหยียดแขน
ความเป็นไปได้ 1 : การเหยียดแขนพร้อมกับกางไม้กางมือเป็นสัญญาณว่า ตอนนี้หนูอารมณ์ดีจังแม่ !!
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ใช้นาทีทองให้คุ้มค่าค่ะ เช่นเมื่อลูกเคยเบื่อหรืองอแงเมื่อนั่งรถออกไปเลือกซื้อของกับคุณแม่ตอนนี้อารมณ์ดีก็พาเจ้าหนูออกไปชอปปิ้งได้เลยลูกจะรู้สึกสนุกมากขึ้นแล้วหละ
ความเป็นไปได้ 2 : ลูกกำลังหัดลุกขึ้นนั่ง การยื่นแขนออกมาเพื่อเป็นการทรงตัวนั่นเอง
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ให้ความช่วยเหลือเมื่อลูกต้องการ อาจจะเอาหมอนวางไว้รอบ ๆ ตัวลูกจะได้ไม่เกิดอันตราย หากลูกทรงตัวอยู่จะได้ไม่ล้มหัวฟาดพื้น
ท่าทางต่าง ๆ ที่ทารกแสดงออกมานั้น ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ต้องการบอกกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะเจ้าหนูอยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ การสื่อสารโดยใช้ท่าทางเป็นพัฒนาการด้านการสื่อสารของทารก หากได้รับการตอบสนองอย่างถูกต้องและเหมาะสมก็จะต่อยอดให้ทารกเกิดการเรียนรู้ต่อเนื่องต่อไป
เครดิต:หนังสือ คุณพร้อมหรือยังเพื่อลูกรัก แปลโดย ศศิวรรณ
ชิงช้ามาละจ้าสำหรับเด็กน้ำหนักไม่เกิน20ก.กมีเพลงให้ด้วยแวะมาชมกันจ้า
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
Tak
63000
เวลาทำการ
จันทร์ | 08:30 - 19:30 |
อังคาร | 08:30 - 19:30 |
พฤหัสบดี | 08:30 - 19:30 |
ศุกร์ | 08:30 - 19:30 |
เสาร์ | 08:00 - 19:30 |
อาทิตย์ | 08:00 - 19:30 |