ตากเมืองเด็ก

ขายสินค้า ของใช้ เด็ก ตั้งแต่แรกเกิ? ขายของใช้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด รวมไปถึงของเล่นมีตั้งแต่เด็กแรกเกิดรวมไปถึงเด็กโตของเล่นเสริมพัฒนาการต่างๆ

26/10/2019

Parents One

👶🏻👻หลอกลูกให้กลัวบ่อยๆ ยิ่งส่งผลร้ายกับลูกจริงหรือไม่? 🚫☹️
ตอนเด็กๆ เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดเสมอเวลาที่เราดื้อไม่ยอมทำตามคำสั่ง เช่น ดื้อดีนักเดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลย หรือระวังผีหลอกนะ จนตอนนี้โตขึ้นมาเราก็ยังใช้วิธีนี้หลอกเด็ก ลูกๆ หลานๆ กันต่อมา
❌ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการหลอกลูก หรือขู่ให้เขากลัวนนั้นเป็นวิธีที่ผิด และความกลัวก็จะติดตัวเขามาจนโตจนแก้ไม่หาย งั้นเรามาดูวิธีการที่ถูกต้องกันดีกว่าหากเด็กๆ ไม่ยอมทำตามต้องทำอย่างไร
💖อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.parentsone.com/fool-kids-more-harmful/
-----------------
🌟ติดตามพวกเราได้ที่
📌Facebook : Parents One
📌Twitter : twitter.com/ParentsOne
📌WebSite : www.parentsone.com
📌Instagram : instagram.com/parentsone/
📌Youtube : https://www.youtube.com/c/parentsone

04/10/2019

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

น้องอายุ 15 ปี แต่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับชั้นปีที่2 - “คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการเลี้ยงดูในลักษณะที่ว่า ตอนหนูแรกเกิดได้เพียง 3 เดือน คุณแม่จะจัดหาของเล่นเสริมพัฒนาการของเด็กวัย 6 เดือนมาให้เล่น พอหนูเข้า 6 เดือน คุณแม่ก็จัดหาของเล่นเสริมพัฒนาการวัย 9 เดือนมาให้ โดยที่คุณแม่ไม่รอให้หนูอายุครบตามเกณฑ์”

เด็กหญิงจบ ป.6 สอบได้มหา’ลัยดัง ไม่ต้องเรียนมัธยม พูดได้ 5 ภาษา พ่อแม่ไม่ได้เก่ง ชนะการแข่งขันเวทีระดับโลก เธอทำได้อย่างไร

04/10/2019

คุณแม่มาฟังเร็วๆจ้าาา

ช่วงนี้หลินกำลังอินกับการให้ลูกดูดเต้าเลยค่ะ เพราะเพิ่งคลอดตัวเล็กออกมา ข้อมูลอันนี้ดี ดูแล้วเข้าใจง่ายเลยเอามาแชร์ให้อ่านกันค่า กดตามดูทีละรูปเลยน๊า

12/09/2019

❤️❤️

ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นความหวังให้ใคร
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเดินตามรอยเท้าใคร
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นตัวแทนของเรา
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตแทนเราในเส้นทางที่เราหวัง

ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้เรา
ลูกไม่ได้เป็นถ้วยรางวัลให้เราเอาไว้อวดใคร
ลูกไม่ได้เป็นของมีค่าให้เราเอาไว้ประดับ
ลูกไม่ได้เป็นใบประกาศนียบัตรในความเป็น’พ่อแม่ที่ดี’ของเรา

ลูกไม่ได้เกิดมา...
***ให้เราขีดเส้นทางเดินให้***
เสียสละทำให้ทุกอย่าง
ปัดเป่าปัญหาและอุปสรรค
สร้างเส้นทางเดินที่สวยหรูไม่มีความลำบากให้
หรือ
แม้กระทั่งผลักดันให้ถึงที่สุดที่’เรา’ตั้งความหวังไว้

แต่ลูกเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตในเส้นทางที่ลูกเลือก
ลูกเกิดมาเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเราและสังคม
ลูกเกิดมาเพื่อทำผิดพลาดและใช้เป็นบทเรียน
ลูกเกิดมาเพื่อกล้าที่จะทำ ไม่กลัวที่จะล้ม และลุกขึ้นสู้ต่อไป

หน้าที่เราพ่อแม่คือ
ปลูกฝังทัศนคติดีๆให้ลูก
ปลูกฝังความกล้าและความมั่นใจในตัวเองให้ลูก
สร้างระเบียบวินัยในวัยเยาว์เพื่อเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิต
ใส่คุณธรรมและความดีในหัวใจลูก
เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตให้ลูกเห็น

รักษาเยียวยาความผิดหวังในชีวิตตัวเอง (ถ้ามี)
ลดการคาดหวังจากชีวิตลูก

แล้วถอยออกมาดูลูกใช้ชีวิตเองบ้าง

#แม่เอ๋เพจเลี้ยงลูกให้คิดเป็น

เป็นการยากมากที่จะเลี้ยงลูกโดยไม่มีความ’คาดหวัง’ใดๆ แต่เตือนใจตัวเองบ่อยๆ เพื่อจะได้ไม่ไป’ผลัก’และ’ดัน’จนลูกหมดโอกาสที่จะค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ เพราะ #ชีวิตเป็นของลูกไม่ใช่เป็นของใคร

บทความเก่าเอามาเผยแพร่อีกครั้งค่ะ ^^

27/08/2019

ครูน้ำฝน นักกิจกรรมบำบัดเด็ก

10 พฤติกรรมเผลอทำร้ายลูกทางอ้อม
บางทีพ่อแม่ทำไปโดยความไม่รู้ มาป้องกันดีกว่าค่ะ ^^

รวบรวมจากที่ครูฝนเจอมาหลายๆเคสที่ฝึกมานะคะ
เวลาเราได้สัมภาษณ์ ซักถามประวัติ มักจะเจอแบบ
คล้ายๆกัน จะไม่พ้นปัญหาเหล่านี้เท่าไหร่

เลยอยากเอามาฝากพ่อแม่ไว้อ่านป้องกันไว้ก่อนค่ะ

#พัฒนาการเด็ก
#พ่อแม่
#นักกิจกรรมบำบัด

18/08/2019

สารพันปัญหาการเลี้ยงลูก

“ #ขู่ลูก” #ไม่ใช่เรื่องดี #ส่งผลเสียต่อพัฒนาการ 😖😫

“การขู่ลูก” เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่หลายๆ บ้านมักนำออกมาใช้ ในตอนที่ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง ทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งก็มีที่ขู่ไปแล้วพ่อแม่รู้สึกว่าได้ผล เพราะลูกหยุดทำสิ่งนั้นๆ และหันกลับมาเชื่อฟัง แต่แท้จริงแล้ว...ผลลัพธ์จากการขู่ทำให้ลูกขาดความเชื่อใจในตัวพ่อแม่ และมีผลเสียต่อจิตใจของลูกระยะยาว

เพราะ การขู่ลูก ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง การที่ลูกเชื่อฟังในตอนแรกเกิดมาจากความหวาดกลัวในคำขู่ต่างๆ แน่นอนว่าการเลี้ยงลูกโดยใช้ความหวาดกลัวเป็นตัวประกันความรู้สึกนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี อีกทั้งยังเป็นเป็นการปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ที่ส่งร้ายต่อการดำเนินชีวิต และขัดขว้างพัฒนาการไว้อย่างรุนแรงอีกด้วย เรามาให้ความสำคัญเรื่องนี้กันนะคะ😊

15/08/2019

Photos from ตากเมืองเด็ก's post

13/08/2019

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

เล่นดินทราย ดีอย่างไร
เผยแพร่ครั้งแรกเพจสถาบันพัฒนาการเรียนรู้ทักษะศตวรรษที่21 ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสารVmag
หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกฉลาด แล้วไม่รู้จะทำอะไรกับลูกเล็ก หรือไม่รู้จะจัดการความซนความดื้อของลูกหลานอย่างไรดี แม้กระทั่งหากรู้สึกว่าลูกหลานออกจะเฉื่อยๆไม่ทำอะไร คำแนะนำคือซื้อทรายให้เขาเล่นสักกอง

วางถังน้ำไว้ข้างๆสักถัง จะมีอุปกรณ์เล่นทรายหรือไม่ไม่สำคัญ จานชามช้อนพลาสติกเก่าๆ ขวดพลาสติดน้ำอัดลมที่กินหมดแล้ว วางของเหล่านี้ไว้ข้างๆกองทราย ที่เหลือพวกเขาจัดการเอง

เกิดประโยชน์ทันที 9 ประการ

1.การเล่นกองทรายกับน้ำเป็นการเล่นที่มีเสรีภาพที่สุดในโลก คุณพ่อคุณแม่ปล่อยเขาเล่นอย่างอิสระ(Free Play) อย่าไปช่วยหรือออกความคิดเห็น ปล่อยเขาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนตามสบาย ความเป็นอิสระประกอบกับวัสดุที่ไม่มีขอบเขต เช่น ทรายและน้ำ จะช่วยให้เขาคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความคิดสร้างสรรค์ในเด็กเล็กเราเรียกว่า Initiative จะทำให้เซลล์ประสาทในสมองยืดแขนงประสาทออกไปแตะและเชื่อมต่อกับเซลล์ประสาทตัวอื่นๆ เกิดเป็นเครือข่ายใยประสาทนับล้านล้านตัว นี่คือวิธีกระตุ้นและเตรียมความพร้อมสมองของลูกเล็กที่ดีที่สุดในโลก และราคาถูกที่สุด

2.สำหรับเด็กซน เด็กดื้อ รวมทั้งเด็กสมาธิสั้น(ซึ่งเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) การปล่อยเขาไว้กับกองทรายและน้ำอย่างเสรีช่วยระบายพลังส่วนเกินได้ดียิ่ง มีข้อแม้ว่านี่คือเวลาและสถานที่ของเขา คุณพ่อคุณแม่กรุณาอย่ายุ่ง ท่านลองทำสักพักเด็กจะดื้อน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

3.หากมีพี่น้องหรือเด็กเล็กสัก 1-2 คนเล่นด้วย พวกเขาจะเรียนรู้วิธีเล่นด้วยกันโดยธรรมชาติ ช่วยกันคิดสร้างสรรค์วิธีเล่น ดีกว่านั้นคือพวกเขาเรียนรู้วิธีแบ่งพื้นที่เล่น รู้จักแบ่งปัน และรู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่นโดยสามารถลองผิดลองถูกได้ตามสบาย จะตบตีกันบ้างเดี๋ยวก็ดีกันเอง

4.ได้ฝึกภาษา ระหว่างที่เด็ก 2 คนหรือมากกว่าเล่นด้วยกัน เขาจะพูดกันหรือพูดคนเดียวอย่างแน่นอน การพูดคือการฝึกใช้ภาษา วัตถุที่จับต้องได้มิใช่เรื่องยาก การเรียกชื่ออุปกรณ์การเล่นเป็นของหมูๆ แต่ที่ดีกว่านี้คือคำพูดที่เป็นนามธรรมหรือวลีที่เราๆใช้กันในชีวิตประจำวัน คำหรือวลีเหล่านี้จะปรากฏบนกองทรายและถังน้ำเสมอ ซึ่งปรากฏมากและบ่อยกว่าการเขี่ยแท็บเล็ตคนเดียวอย่างแน่นอน “ขอหน่อย” “อย่าทำ” “ไม่เอา” “อยู่นิ่งๆ” “พี่ว่านะ...” “ชั้นก็อยู่หมู่บ้านสัมมากร” เป็นต้น

5.พัฒนาการทางภาษา(language development)และการเล่นสมมติ(role play)เป็นของสองสิ่งที่พัฒนาด้วยกันและส่งเสริมกันและกันเสมอ ยิ่งพัฒนาทางภาษามากก็คิดบทบาทสมมติได้มาก ยิ่งเล่นสมมติมากภาษายิ่งรุดหน้าขึ้นไปอีก สมมติเป็นครู สมมติเป็นหมอ สมมติเป็นแม่ครัว คุณพ่อคุณแม่นั่งใกล้ๆในระยะที่ได้ยินพวกเขาคุยกัน แล้วท่านจะมีความสุข

6.แม้ว่าระหว่างการเล่นเราจะให้อิสระเต็มที่ สกปรกกันได้ตามสบาย แต่เสรีภาพและความสกปรกนั้นจะมีขอบเขต คุณพ่อคุณแม่ต้องกำหนดพื้นที่เล่นให้ชัดเจนและห้ามออกนอกเขต เช่น ไม่ย่ำเท้าที่สกปรกขึ้นบ้าน ไม่ขนทรายออกนอกบริเวณหรือขนขึ้นบ้าน นอกจากนี้ยังกำหนดเวลาเล่นที่ชัดเจน ตอนเย็นวันธรรมดาให้เล่นถึงกี่โมง ฟ้ามืดแล้วประมาณกี่โมงต้องเลิก กติกาเช่นนี้ตกลงกันให้เรียบร้อยแล้วปฏิบัติ เสาร์อาทิตย์ให้เล่นวันละสองรอบๆละกี่ชั่วโมงก็ว่าไป ด้วยวิธีนี้นอกจากเขาได้ความคิดสร้างสรรค์จากเสรีภาพที่ให้แล้ว เขายังจะได้วินัยและการควบคุมตนเองให้อยู่ภายใต้กฎ กติกา มารยาทของสังคมอีกด้วย รับรองว่าดีกว่าเล่นเกมเยอะ

7.บนกองทราย เขาต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทั้งแขนขา ยืนทรงตัว ย่ำบนทราย ตักทราย ออกแรงต้นแขนงัดทรายขึ้นมา เหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่แข็งแรง กล้ามเนื้อมัดใหญ่แข็งแรงจะส่งผลกระทบถึงพัฒนาการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Autonomy คือความมั่นใจว่าเราก็ทำได้ นอกจากคุมฉี่คุมอึได้แล้ว ยังคุมแขนขาได้อีกด้วย เก่งอะไรเช่นนั้น ในทิศทางตรงข้าม เด็กเล็กที่ยังคุมอึคุมฉี่ได้ไม่ดีนัก ปล่อยให้เล่นกองทรายและน้ำไปสักพัก แล้วท่านจะพบว่าเขาคุมฉี่และอึได้ดีขึ้น

8.บนกองทราย เขาต้องใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กระหว่างนิ้วมือสิบนิ้วอย่างเป็นอิสระ กล้ามเนื้อบริเวณนี้มีมากกว่าร้อยมัดเพื่อเตรียมให้มนุษย์สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะที่สัตว์อื่นทำไม่ได้ ยิ่งสิบนิ้วเคลื่อนไหวได้อย่างละเอียดและมีเสรีภาพไปได้ทุกทิศทางมากเท่าไร สมองส่วนที่รับผิดชอบนิ้วมือทั้งสิบซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางมากจะทวีขนาดและปริมาณข่ายใยประสาทมากยิ่งขึ้นและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เด็กเล็กจะไม่เพียงมีนิ้วมือทั้งสิบพร้อมใช้งานศิลปะ แต่สมองที่พัฒนาตามความสามารถของนิ้วมือทั้งสิบส่งผลให้ไอคิวสูงขึ้นไปอีก เพราะไอคิวมิใช่ดัชนีวัดความฉลาด ไอคิวเป็นดัชนีวัดความสามารถในการปรับตัว

9.สิบนิ้วแคล่วคล่อง ข่ายใยประสาทในสมองยิ่งคล่องแคล่ว เปรียบเสมือนตรอกซอกซอยที่สานเป็นร่างแหไม่สิ้นสุด รถจะติดหรือชีวิตมีอุปสรรคเช่นไร ลูกของเราก็หาซอยเข้าหรือรู้วิธีเอาตัวรอดได้เสมอ

เทียบกับคัดไทยซึ่งพัฒนากล้ามเนื้อนิ้วได้บางมัดแต่ทำลายหลายมัด หรือใช้นิ้วเพียงสองนิ้วเขี่ยแท็บเล็ต การปล่อยลูกๆเล่นกองทรายมีประโยชน์มากกว่ามาก

อย่าลืม เมื่อหมดเวลาเล่น เขาต้องอาบน้ำ ระหว่างเล่นเป็นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามบ่นเรื่องความสกปรก อย่าลืมว่ากติกาคือนั่นเป็นเวลาอิสระ และเราเคารพกติกาให้เขาดู พอถึงเวลาหยุดเล่น เขาจะเคารพกติกาให้เราดู คือไปอาบน้ำ กติกาสังคมมิได้เกิดจากการสั่งสอน แต่เกิดจากการทำให้ดู
กองทราย 1 กอง กำไรหลายเท่าตัว

12/08/2019
09/08/2019

Mama Expert Thailand

กอดนั้นสำคัญไฉน??? ตามไปอ่านข้างล่างนี้กันเลยจ้าา พ่อแม่ทั้งหลาย

กอดแบบไหน สื่อรักภาษากาย
ให้ลูกน้อยแต่ละวัยรับรู้ได้
www.mamaexpert.com/posts/content-977

06/08/2019

ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่านะคับ

เพื่อนแอดมินที่แคนาดาประสบอุบัติเหตุ เด็กปลอดภัยเพราะนั่งคาร์ซีท ตำรวจที่แคนาดาเช็คเสมอนะคะว่าพ่อแม่เด็กคาด belt ให้ลูกแน่นหรือป่าว คนไทยบางคนให้ลูกนั่งคาร์ซีท แต่มักทำ belt หลวมๆ ก็ไม่ถูกต้องนะคะ ลองนึกดูถ้าเด็กในรถคันนี้นั่งคาร์ซีทแต่พ่อแม่คาด belt ให้ลูกหลวมๆ คงไม่ต้องพูดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก

ฝึกให้ลูกนั่งคาร์ซีท ปลอดภัยกับชีวิตดีกว่าค่ะ เราคาดการ์ณอุบัติเหตุไม่ได้ ไม่มีหรอกค่ะเด็กไม่นั่ง จากประสบการ์ณตัวเองลูกสองคน คนเล็กร้องไห้งอแง ปล่อยให้ร้องเลย 3 วันทนฟังคนเล็กร้องไห้ และเธอก็เลิกร้อง นั่งแต่โดยดี

ไม่มีเด็กคนไหนตายเพราะร้องไห้ค่ะ แต่เด็กอาจตายถ้ารถชนแล้วไม่นั่งคาร์ซีท

03/08/2019

Photos from ตากเมืองเด็ก's post

03/08/2019

รถขาไข มีเสียงดนตรี

31/01/2017

เพย์เพนๆตัวนี้ก้อลดราคานะจ๊สนใจทักมาสอบถามกันได้เรย

30/01/2017

มีโปรลดราคาอยู่นะจร๊จากปกติ7950บาทลดสุดๆ50%จากราคาป้ายเรยนะมาสอบถามกันได้คร่า

30/12/2016

7 วิธีลดความเสี่ยงจากการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)

คุณกังวลกับการที่จะปกป้องลูกน้อยให้ห่างจากอันตรายทั้งปวงหรือไม่ เรามี 7 วิธีที่ช่วยลดอัตราความเสี่ยงจาก SIDS ที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในเด็กทารกหลับไม่ตื่นในเด็กทารก SIDS
ลดความเสี่ยงจากการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)

SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) หรืออาการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก เมืองไทยเรียกว่าโรคไหลตายในทารก คร่าชีวิตเด็กกว่าสามพันคนต่อปี เด็กที่เป็นเหยื่อของ SIDS นี้มักเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงดี พ่อแม่เอาลูกเข้านอนแต่ลูกก็หลับไม่ตื่นอีกเลย เป็นการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ เรื่องเลวร้ายนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเวลา

สาเหตุการเกิด SIDS

ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิด SIDS คืออะไร สิ่งที่เรารู้คือเด็กจะหยุดหายใจและไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองตื่นตัวจนกลับมาหายใจได้อีกครั้ง SIDS มักเกิดขึ้นในเด็กอายุระหว่าง 2-4 เดือน แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุมากกว่าหนึ่งขวบ 3 ใน 5 เกิดขึ้นกับเด็กผู้ชาย และเด็กที่เสี่ยงกับการเสียชีวิตจาก SIDS คือ เด็กที่คลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวน้อย หรือมีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่
หลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)สิ่งที่ช่วยเลี่ยงการหลับไม่ตื่นในเด็กทารก (SIDS)สิ่งเหล่านี้คือ 7 อย่างที่พ่อแม่ควรระลึกไว้เพื่อป้องกันลูกน้อยจาก SIDS

1. ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กล่าวว่า ควรให้เด็กนอนหงาย เพราะเด็กจะสามารถหายใจเอาอากาศที่มีปริมาณออกซิเจนได้มากกว่าเด็กที่นอนคว่ำ แต่ในสองสามปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเด็กควรนอนคว่ำเพื่อป้องกันการสำลักน้ำลายเข้าไปในปอดขณะนอนหลับซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดSIDS

2. ต้องแน่ใจว่าเด็กได้นอนบนที่นอนที่แข็งพอ

3. อย่าให้ลูกนอนบนที่นอนที่อ่อนยวบ ย้ายตุ๊กตาและผ้าห่มที่หลวมจนเกินไปออกจากเตียงเวลาที่ลูกหลับ ให้ใช้ผ้าห่มที่สามารถหายใจผ่านได้เพื่อป้องกันเวลาที่ลูกนอนแล้วผ้าห่มมาคลุมหน้า หากคุณต้องการใช้แผ่นกันชนรอบเตียงลูก ควรใช้ผ้าที่ทอเหมือนผ้าตาข่ายที่สามารถหายใจผ่านได้ ต้องแน่ใจว่าแผ่นกันชนเตียงติดตั้งแบบสอดเข้าและออกสลับกันรอบลูกกรงเตียงเพื่อทำให้มันแน่นและมั่นคงไม่หลุดลงมาคลุมหน้าลูกน้อย

4. ห้องนอนลูกควรมีอุณหภูมิที่เย็นพอ ไม่อุ่นหรืออบอ้าวจนเกินไป เพราะอากาศร้อนอบอ้าวจะทำให้หายใจได้ลำบากขึ้น

5. ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์อย่างแน่ชัด แต่ผลวิจัยบางอันชี้ให้เห็นว่านมจากเต้าของแม่สามารถลดความเสี่ยงของ SIDS ได้ นมแม่เป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพดีของลูกน้อยในหลาย ๆ ด้าน เพราะฉะนั้นแม้ไม่ได้รับการพิสูจน์ ก็ไม่มีอะไรเสียหายที่จะให้ลูกกินนมจากเต้า

6. อย่าให้ลูกมานอนเตียงเดียวกับคุณ มีสิ่งปกคลุมหลายอย่างที่ใหญ่ไปสำหรับลูกน้อยซึ่งมันจะเพิ่มความเสี่ยงที่เครื่องนอนจะมาทับหรือคลุมลูกคุณได้

7. ให้ลูกน้อยของคุณใช้จุกนมปลอมเพื่อการนอนหลับอย่างสบาย การดูดจุกนมจะช่วยให้การหายใจสม่ำเสมอ

มันสามารถเกิดขึ้นได้แม้จะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีที่สุด

แม้ว่าคุณจะทำตามคำแนะนำในการป้องกัน SIDS เป็นอย่างดี ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีเด็กที่เสียชีวิตจาก SIDS แม้ว่าผู้ปกครองจะทำสิ่งทุกอย่างอย่างถูกต้อง เราหวังว่าซักวันหนึ่งเราจะทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดภาวะนี้และสามารถนำไปสู่วิธีการรักษาที่ถูกวิธี

เครดิต:TheAsianParent Thailand

29/12/2016

รองเท้าเด็กชายก็มีจ้า

27/12/2016

10คำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรใช้กับลูกแม้แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ทำผิดพลาดได้

แต่นี่เป็นคำพูดที่พ่อแม่ทุกคนไม่ควรพูดกับลูกเด็ดขาดบางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่อาจไม่ค่อยสนใจว่าเราพูดอะไรกับลูกบ้างแต่รู้หรือไม่ว่าเวลาเราเครียดหรือโมโหเราอาจพูดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจลูกอย่างรุนแรงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจเราควรระลึกไว้เสมอว่าผลจากการกระทำของเราอาจส่งผลต่อคนอื่นโดยที่เราคาดไม่ถึง

ล้อเลียน
นี่เป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาดสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เราไม่ควรล้อเลียนหรือเรียกลูกด้วยชื่ออื่น ๆ ที่อาจทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจให้เขา เช่น อ้วน แห้ง สิว ฯลฯ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

หยุดกวนซะที
บางครั้งผู้ปกครองอาจต้องการเวลานอก แต่ถ้าคุณบอกลูกว่าอย่ามายุ่งกับคุณบ่อย ๆ เข้า พวกเขาก็อาจไม่คุยกับคุณอีกต่อไป เด็ก ๆ ควรเรียนรู้ว่าบางครั้งคุณก็ต้องการเวลาพักบ้าง พยายามอธิบายให้ลูกฟังก่อนที่จะระเบิดใส่พวกเขาว่าคุณขอเวลาทำธุระส่วนตัวสัก 2-3 นาที

ต่อว่าตลอดเวลา
การบอกลูกว่าเขาซุ่มซ่ามหรือนิสัยไม่ดีไม่ได้ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจหรือรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดกับเขาโดยตรงก็ตาม เด็ก ๆมักเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยินโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้นสุดท้ายพวกเขาก็จะเชื่อว่าพวกเขาแย่อย่างที่คุณพูดจริง ๆ

สั่งให้เก็บอารมณ์
เรามักพยายามปกป้องลูกโดยการบอกเขาว่าไม่ต้องเศร้าหรือไม่ต้องกลัวแต่บางครั้งการบอกไม่ให้เขารู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้อาจเป็นการสื่อให้เขารู้สึกว่าอารมณ์และความรู้สึกของเขานั้นไม่สำคัญพยายามบอกลูกว่าไม่เป็นไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น และคุณจะคอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขาเสมอ

เปรียบเทียบกับพี่น้อง
พ่อแม่ไม่ควรเปรียบเทียบลูกคนหนึ่งกับลูกอีกคนเราควรเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันและคุณก็รักที่พวกเขาแตกต่างกันการพูดเปรียบเทียบพี่น้องจะทำให้พวกเขาเกลียดกันพยายามทำให้ลูกรู้ว่าพวกเขาพิเศษกันคนละแบบปรี๊ดใส่

การบอกลูกว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกทำอย่างนั้น” หรือ “น่าจะฉลาดกว่านี้” จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจ เขาจะโตขึ้นโดยรู้สึกว่าทำอะไรก็ผิดและก็ไม่มีวันทำอะไรถูกสักอย่าง พยายามพูดกับลูกดี ๆ แทนที่จะพูดกระโชกโฮกฮากตลอดเวลา
ลงไม้ลงมือการตี หรือการลงโทษหนัก ๆ อาจไม่ส่งผลดีเสมอไปมันอาจใช้ได้ผลแค่ในช่วงแรก แต่สุดท้ายมันก็จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
ขู่ด้วยประโยคเดิมๆเช่น“เดี๋ยวรอให้พ่อรู้ก่อนเถอะ”ปัญหาก็คือเมื่อเด็กๆโตขึ้นเขาก็จะรู้ว่าคุณก็แค่ขู่ไปอย่างนั้นโดยไม่ทำอะไรและเขาก็จะไม่ฟังคุณ

ชมพร่ำเพรื่อ
เด็ก ๆ ควรได้รับคำชมบ้าง แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา คำชมควรถูกสงวนไว้สำหรับวาระสำคัญเท่านั้น ถ้าคุณชมลูกบ่อยเกินไปมันจะกลายเป็นไร้ความหมายและเด็กๆจะคิดว่าพวกเขาสมควรได้รับคำชมสำหรับทุกๆอย่างที่ทำก็เพราะแม่สั่งให้ทำแม้คุณจะเป็นพ่อแม่และเราก็ควรสอนให้ลูกฟังในสิ่งที่เราพูดแต่เราก็ควรอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่ก็ส่วนใหญ่ ไม่ใช่สักแต่พูดว่า “ก็เพราะแม่สั่งให้ทำ” ไม่เช่นนั้นเด็กก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำตามที่คุณบอก

เครดิต:TheAsianParent Thailand

27/12/2016

รองเทเาเด็กๆเราก็มีจร้าแวะมากันนะ

26/12/2016

ทำอย่างไรไม่ให้ลูกน้อยหัวแบนอีกหนึ่งเรื่องกังวลของพ่อแม่มือใหม่คงหนีไม่พ้นเรื่องอยากให้ลูกหัวสวยหัวทุยหัวไม่แบนแต่ปัจจุบันเด็กหัวแบนกันมากขึ้นเนื่องจากทางการแพทย์แล้วแนะนำ

ให้เด็กทารกนอนหงายมากกว่านอนคว่ำ เพื่อป้องกันภาวะ SIDS (Sudden Infant DeathSyndrome)หรือโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตขณะนอนหลับทำอย่างไรไม่ให้ลูกน้อยหัวแบนอีกหนึ่งเรื่องกังวลของพ่อแม่มือใหม่คงหนีไม่พ้นเรื่องลูกอยากให้ลูกหัวสวย หัวทุย หัวไม่แบน แต่ปัจจุบันเด็กหัวแบนกันมากขึ้นเนื่องจากทางการแพทย์แล้วแนะนำให้เด็กทารกนอนหงายมากกว่านอนคว่ำ เพื่อป้องกันภาวะ SIDS (SuddenDeathSyndrome)หรือโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตขณะนอนหลับสาเหตุของการหัวแบนเนื่องมาจากกระดูกของเด็กแรกเกิดเป็นกระดูกที่มีความอ่อนหากนอนทับอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดเวลาก็จะทำให้กะโหลกศีรษะของเด็กแบนได้อย่างไรก็ดีภาวะหัวแบนไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด (ส่งผลกับความสวยงามของรูปศีรษะเท่านั้น)

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากให้ลูกหัวแบนมีคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
วิธีป้องกันลูกหัวแบน
1.จัดท่านอนให้ลูกตะแคงข้างสลับข้างไปมาซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
2.ให้ลูกนอนคว่ำหัวสวยแน่นอนแต่ก็ค่อนข้างอันตรายในเด็กสามเดือนแรกเพราะอาจทำให้เด็กขาดอากาศหายใจถ้าจับลูกนอนคว่ำพ่อแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดอย่าให้มีหมอนหรือสิ่งของอื่นๆ อุดจมูกลูก
3.ถ้าลูกไม่ยอมนอนคว่ำให้หาหมอนหลุมมาให้ลูกนอน
4.ช่วงที่ลูกตื่นอย่าให้ลูกอยู่ในท่านอนหงายเพียงอย่างเดียวให้ลูกอยู่ในท่าอื่นๆด้วยเช่นคว่ำชันนคอตะแคงหรืออุ้มลูกขึ้นมาแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
5.ไม่ควรให้นอนในคาร์ซีทหรือรถเข็นเด็กนานเกินไป
6.การอุ้มลูกก็ควรสลับข้างไปมาซ้ายขวาเช่นกัน
7.ถ้าจะอุ้มลูกไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือพาออกไปข้างนอก ก็ควรใช้เป้อุ้มเด็ก เพื่อให้คอและหัวของลูกเป็นอิสระ

เครดิต:TheAsianParent Thailand

26/12/2016

ชุดนอนแขนยาวขายาวตเาปวะมาดูกันนะหนาวแล้วๆ

25/12/2016

7ความผิดพลาดในรอบปีที่พ่อแม่พลาดไปบั้นทอนความสำเร็จลูก

พ่อแม่ทุกคนมีความตั้งใจแน่วแน่ต่อการเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จแต่ก็ยังมีความผิดพลาดที่สำคัญหลายประการที่อาจเป็นการลดความมั่นใจของลูกตั้งแต่ในวัยเด็กและกลายเป็นการบั่นทอนโอกาสที่ลูกๆจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวในอนาคตของเขาได้นะเราทุกคนต่างทราบดีว่าไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างแม้กระทั่งบทบาทในการเป็นพ่อแม่ ถ้านี่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นำมาปรับให้ดีขึ้นเพื่อลูกของเรากันเถอะ
ความผิดพลาดของพ่อแม่
#1เราไม่เปิดโอกาสให้ลูกมีประสบการณ์ที่เสี่ยงบ้าง
โลกสมัยนี้อยู่ยากทุกย่างก้าวของลูกพ่อแม่จึงต้องขอ“ปลอดภัยไว้ก่อน”ดังนั้นเราจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ปกป้องพวกเขาแต่การที่เราป้องกันลูกจากความเสี่ยงทุกอย่างมันอาจจะส่งผลในทางตรงกันข้ามก็ได้นะ
นักจิตวิทยาในยุโรปได้มีการค้นพบว่าถ้าเด็ก ๆ ไม่เคยได้ออกเล่นข้างนอกหรือไม่เคยได้รับประสบการณ์หกล้มจนได้แผลเลยพวกเขาจะกลายเป็นเด็กที่ชอบหวาดกลัวดังนั้นเด็กๆจึงจำเป็นที่จะต้องมีโอกาสหกล้มบ้างเพื่อที่จะเรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาถ้าพ่อแม่กันความเสี่ยงต่างๆออกจากชีวิตลูกไปหมดโตขึ้นลูกก็อาจกลายเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างและไม่รู้จักที่จะความเคารพในตัวเองได้นะ
#2 เราเข้าไปช่วยลูกเร็วเกินไป
เมื่อพ่อแม่เข้าไปช่วยเหลือลูกอย่างรวดเร็วเกินไป และทนุถนอมพวกเขามากเกินไปด้วยการ “ช่วยเหลือ”ไปซะทุกอย่างมันก็เหมือนเราได้พรากสิ่งจำเป็นสำหรับลูกในการที่เขาจะรู้จักแก้หรือต่อสู้กับปัญหาด้วยตนเองดังนั้นควรให้ลูกได้ทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองโดยปราศจากความช่วยบ้างเพราะการเข้าไปช่วยและจัดการปัญหาต่างๆให้กับพวกเขาจะกลายเป็นการปิดกั้นลูกจากการที่จะเติบโตและกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถในอนาคตได้
#3 เราชื่นชมลูกง่ายเกินไป
เมื่อเราใช้วิธีชื่นชมลูกง่ายๆและเพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่แย่ๆอาจทำให้เด็กๆรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษแต่ในที่สุดเด็กๆก็จะสังเกตว่ามีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่คิดว่าพิเศษเมื่อไม่มีคนอื่นที่มาคอยชื่นชมเขาเลยมันอาจจะทำให้ลูกรู้สึกดีในช่วงหนึ่งผลลัพธ์ก็คือมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงซึ่งจะกลายเป็นว่าเด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ที่จะใช้เล่ห์กล คุยโม้โอ้อวด และโกหกเพื่อหลีกหนีจากความจริงกลายเป็นเด็กที่ไม่รู้จักยอมรับความจริงและความผิดหวังหากที่เรื่องที่เขาไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันได้
#4เราปล่อยให้การตามใจเข้ามาขัดขวางโอกาสในการสอนสิ่งดีๆ
ลูก ๆ ของเราจะก้าวข้ามผ่านความผิดหวังได้ แต่พวกเขาไม่อาจก้าวข้ามผลของการถูกตามใจจากพ่อแม่ไปได้เลยถ้าหากพวกคุณไม่เคยพูดคำว่า“ไม่”หรือ“ยังไม่ใช่ตอนนี้”และปล่อยให้พวกเขาได้พยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการด้วยตัวเองมันเป็นการเสียโอกาสที่จะได้ทำให้ลูกได้เห็นว่าความสำเร็จนั้นมันขึ้นอยู่กับการกระทำด้วยตัวเองและเป็นสิ่งที่ดีพึงระวังต่อเงื่อนไขที่พวกคุณจะให้กับลูก เช่น ให้รางวัลเมื่อสอบได้ดี ลูกจะได้รับรางวัลที่เป็นวัตถุแต่ไม่ได้ประสบการณ์จากแรงกระตุ้นหรือความรักอันไร้เงื่อนไขของคุณ
#5เราไม่เคยแชร์ความผิดพลาดของตัวเองในอดีตให้ลูกฟัง
เมื่อเด็กๆโตขึ้นเขาจะต้องพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเองเราในฐานะพ่อแม่ก็ควรปล่อยให้ลูกได้ทำสิ่งเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่คอยช่วยชี้นำพวกเขานะลองแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดที่พวกคุณเคยทำเมื่อตอนอายุเท่าลูกในอดีตดูซิเพื่อพวกเขาจะได้เรียนรู้และเลือกทางที่ดีกว่าคุณได้แบ่งปันเรื่องราวที่พวกคุณเคยเผชิญกับปัญหาหรือความผิดพลาดแล้วบอกลูกว่าคุณได้ทำอย่างไรและได้บทเรียนอะไรจากสิ่งเหล่านั้นเพราะพ่อแม่ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลกับลูกเท่านั้นแต่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกด้วย
#6เราเข้าใจผิดในเรื่องที่คิดว่าลูกเป็นเด็กตลอดเวลา
มันไม่มีเวทมนต์“ความรับผิดชอบตามอายุ”หรือ แนวทางการพิสูจน์ว่าสติปัญญาตามวัยนั้นใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเด็กพร้อมสำหรับการผจญภัยในโลกกว้างเมื่อไหร่วิธีที่ดีคือการสังเกตเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกับลูกถ้าเห็นพวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้มากกว่าลูกของคุณ แสดงว่าบางทีคุณอาจจะให้อิสระและโอกาสกับลูกของคุณช้าเกินไป
#7 เราไม่ได้ปฏิบัติตามในสิ่งที่สอนลูกไป
ในฐานะของพ่อแม่มันเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิตในแบบที่เราอยากให้ลูกได้เป็นในอนาคตเป็นคนที่ชี้นำการดำเนินชีวิตที่ต้องมีความเชื่อถือและมีส่วนรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำดังนั้นพวกคุณจึงควรระวังในเรื่องพฤติกรรมที่มองดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการทำอะไรแบบขอไปทีเพราะถ้าคนอื่นสังเกตเห็นลูกของคุณก็จะสังเกตเห็นเช่นกันดังนั้นการแสดงให้ลูกเห็นความเป็นแบบอย่างที่ดีเช่นการให้ลูกได้รู้ความหมายของการเสียสละหรือรู้จักช่วยเหลือผู้คนลูกๆก็จะจดจำและทำในสิ่งเดียวกันนี้เมื่อเขาโตขึ้นจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมเช่นเดียวกับพ่อแม่

เครดิต: www.brightside.me

25/12/2016

ตุ๊กตาเจ้าสาวสวยๆราคาหลักร้อยทางนี้เลยจร้าของเล่นเสรอมพัฒนาการก็มีนะแวะมาชมกันจ้า

24/12/2016

เมื่อทารกทำท่าแบบนี้อยากบอกอะไรแม่นะ!!!
ทารกน้อยแม้จะยังไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ได้แต่ทราบไหมคะว่าทารกนั้นสื่อสารด้วยอากัปกิริยาท่าทาง และท่าทางต่างๆ เหล่านั้นยังบอกความต้องการที่แตกต่างกันอีกด้วยมาดูกันค่ะว่าแต่ละท่าทางนั้นเจ้าหนูต้องการสื่อสารอะไร ติดตามอ่าน
ท่าทาง ทารก : เมื่อทารกทำท่าแบบนี้อยากบอกอะไรแม่นะ!!!
1.เตะขาความเป็นไปได้ว่า:ลูกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สบายๆเป็นเวลาแห่งความสุขเมื่อเขาเหลือบไปเห็นอะไรที่แปลกตาสำหรับเขาเจ้าหนูอาจกำลังคิดว่านั่นคือสิ่งมหัศจรรย์เช่นเมื่อคุณแม่เปิดก๊อกน้ำมีน้ำไหลออกมาจากก๊อกการเตะขาของเขาแสดงถึงความน่าตื่นเต้นในแบบของทารกนั่นเอง
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ:การเตะขาช่วยเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อของทารกเพื่อเตรียมความพร้อมในการหัดคลานต่อไปดังนั้นหากคุณแม่เห็นว่าการกระทำอะไรก็ตามที่ทำให้เจ้าหนูรู้สึกตื่นเต้นเช่นให้ดูน้องแมวน้องหมาเจ้าหนูเตะขาเสียสูงเชียว นั่นแสดงว่าเขากำลังตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลยค่ะ
ความเป็นไปได้ 2 : ลูกอยากมีปฏิสัมพันธ์ โดยทารกค้นพบว่าการเตะขาให้กระทบกับขอบเตียงแล้วเกิดเสียงดังเป็นจังหวะเขาก็จะสนุกกับการทำจังหวะในแบบของทารกหรืออีกอย่างการเตะขาชนกับขอบเตียงทำให้คุณแม่ต้องรีบมาหาเขานั่นเองแบบนี้เจ้าหนูเรียกร้องความสนใจจากแม่ ก็หนูไม่อยากอยู่ห่างแม่นี่นา !!!
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ:จับลูกวางบนตักแล้วร้องเพลงให้ลูกฟังนอกจากลูกจะได้เตะขาไปตามจังหวะเพลงแล้วเจ้าหนูยังได้ใกล้ชิดกับคุณพ่อคุณแม่ตามที่ต้องการอีกด้วย สุขสุด ๆ ไปเลย !!!
2. เอามือปิดหูหรือปิดตา
ความเป็นไปได้ 1 : ลูกอยากชวนคุณพ่อคุณแม่เล่นจ๊ะเอ๋นะสิคะ เพราะทารกจะเรียนรู้ได้ไวว่าเกมนี้เล่นยังไงที่สำคัญมันสนุกมากสำหรับหนูโดยเฉพาะเมื่ออายุได้8–9เดือนเกมนี้ลูกจะเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุณแม่เล่นก่อนด้วยซ้ำ
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ:เอาผ้าห่มบางๆมาคลุมศีรษะลูกเพื่อให้ลูกดึงผ้าออกแล้วโผล่หน้ามาหัวเราะเฮฮากับคุณแม่ที่จะรอ“จ๊ะเอ๋”จากนั้นสลับกันบ้างให้คุณแม่เอาผ้ามาคลุมศีรษะตัวเองและให้ลูกเป็นคนดึงผ้าออก พร้อมกับบอก “จ๊ะเอ๋” ลูก รับรองหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแน่นอนค่ะ
ความเป็นไปได้2:ลูกอยากบอกว่าถึงเวลานอนของหนูแล้วนะเพราะทารกทำท่านี้ไม่ต่างกับเวลาที่ผู้ใหญ่อย่างเรารู้สึกเพลียหรือเหนื่อยมักจะเอามือลูบหน้าลูบตา
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ถ้าลูกเริ่มหาวแล้วหรือนั่งเอนไปพิงของเล่น ให้พาลูกเข้านอนค่ะพร้อมกับอ่านนิทานให้ฟังหรือเปิดเพลงบรรเลงสบายๆช่วยขับกล่อมให้เจ้าหนูนอนหลับฝันดี
3. เบือนหน้า
ความเป็นไปได้ 1 : ลูกอาจกำลังต้องการให้คุณหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นหรืออีกเหตุผลนึงคือเขาต้องการบอกว่าขอหนูเคี้ยวคำนี้ให้หมดก่อนนะแล้วแม่ค่อยป้อนต่อ
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ปล่อยให้ลูกสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวสักพักแต่ถ้าลูกยังไม่ยอมหันมาเสียที แบบนี้ต้องเบี่ยงเบนความสนใจให้หันกลับมาแล้วค่ะ
ความเป็นไปได้ 2 : คุณแม่กำลังทำให้เจ้าหนูไม่สบอารมณ์แล้วสิคะ เป็นไปได้ว่าอาจไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัว บางทีทารกก็มีโลกส่วนตัวเหมือนกันนะ ประมาณว่า ตอนนี้อยากอยู่คนเดียวค่ะแม่!!!
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : แม้ว่าคุณแม่อยากจะอุ้ม กอดเจ้าหนูแต่ช่วงเวลานี้ปล่อยเขาไปสักพักกับของเล่นชิ้นโปรดที่จดจ่ออยู่ ปล่อยเขาเล่นสัก 10–20นาทีเวลานี้คุณแม่จะได้มีเวลาจัดเตรียมหรือทำอะไรตามต้องการแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เดี๋ยวลูกก็ร้องหาแล้วค่ะ
4. เอามือม้วนผม
ความเป็นไปได้1เจ้าตัวน้อยรู้จักวิธีที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลายแล้วหละ เพราะการทำอะไรซ้ำ ๆอย่างเอามือจับผมม้วนเล่นจะทำให้ระบบประสาทส่วนกลางของลูกทำงานช้าลง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : หากลูกไม่ถึงกับทึ้งผมตัวเองก็ปล่อยเจ้าหนูทำตามสบายเลยค่ะ
ความเป็นไปได้2:ลูกกำลังรู้สึกกังวลกับสิ่งรอบตัว อาจจะเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ แขกแปลกหน้าที่มาเยี่ยมเยียนหรือมารุมล้อมหรือเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆข้างบ้าน
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ปลอบลูก และบอกว่าไม่เป็นไรแม่อยู่ตรงนี้ใกล้ ๆ หนู เสียงที่อ่อนโยนของคุณแม่จะช่วยให้ลูกคลายความกังวลไปได้ค่ะ
5. ดึงหู
ความเป็นไปได้ 1 : อาการนี้บ่งบอกว่าหนูกลังไม่สบอารมณ์แล้วนะ หรือบ่งบอกว่ากำลังเกิดควาไม่พอดีขึ้นกับลูก เช่นนมที่ให้หนูมันร้อนเกินไปหรือหนูมีแก๊สในท้องอยากเรอจังแม่
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : คุณแม่ต้องหาสาเหตุแล้วแก้ปัญหาไปตามนั้นค่ะ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น เช่น เรอแล้วแต่ก็ยังไม่สงบลง ยังดึงหูอยู่ คุณแม่ลองสร้างบรรยากาศแห่งความสงบขึ้นมาเองนะคะ อาจจะปิดมู่ลี่หรือปิดโทรทัศน์ หรือพาไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกห้องก็จะดีไม่น้อย
ความเป็นไปได้ 2 : ลูกกำลังไม่สบายตัว เช่น ปวดท้องเจ็บคอคัดจมูกฯลฯแต่แทนที่เจ้าหนูจะจับส่วนนั้น ๆ กลายเป็นไปจับหูแทนเสียนี่
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : สังเกตอาการหรือตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ลูกเกิดความไม่สบายตัวหากลูกยังร้องไห้แสดงอาการหงุดหงิดมากๆแล้วยังหาสาเหตุไม่เจอต้องไปพบคุณหมอแล้วค่ะ
6. เหยียดแขน
ความเป็นไปได้ 1 : การเหยียดแขนพร้อมกับกางไม้กางมือเป็นสัญญาณว่า ตอนนี้หนูอารมณ์ดีจังแม่ !!
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ใช้นาทีทองให้คุ้มค่าค่ะ เช่นเมื่อลูกเคยเบื่อหรืองอแงเมื่อนั่งรถออกไปเลือกซื้อของกับคุณแม่ตอนนี้อารมณ์ดีก็พาเจ้าหนูออกไปชอปปิ้งได้เลยลูกจะรู้สึกสนุกมากขึ้นแล้วหละ
ความเป็นไปได้ 2 : ลูกกำลังหัดลุกขึ้นนั่ง การยื่นแขนออกมาเพื่อเป็นการทรงตัวนั่นเอง
สิ่งที่คุณแม่ควรทำ : ให้ความช่วยเหลือเมื่อลูกต้องการ อาจจะเอาหมอนวางไว้รอบ ๆ ตัวลูกจะได้ไม่เกิดอันตราย หากลูกทรงตัวอยู่จะได้ไม่ล้มหัวฟาดพื้น
ท่าทางต่าง ๆ ที่ทารกแสดงออกมานั้น ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ต้องการบอกกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะเจ้าหนูอยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ การสื่อสารโดยใช้ท่าทางเป็นพัฒนาการด้านการสื่อสารของทารก หากได้รับการตอบสนองอย่างถูกต้องและเหมาะสมก็จะต่อยอดให้ทารกเกิดการเรียนรู้ต่อเนื่องต่อไป
เครดิต:หนังสือ คุณพร้อมหรือยังเพื่อลูกรัก แปลโดย ศศิวรรณ

24/12/2016

ชิงช้ามาละจ้าสำหรับเด็กน้ำหนักไม่เกิน20ก.กมีเพลงให้ด้วยแวะมาชมกันจ้า

ต้องการให้ธุรกิจของคุณ ธุรกิจ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ร้านขายเสื้อผ้า ใน Tak?
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?

วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)

รถหัดเดินปรับระดับได้สามระดับพับเก็บง่ายมีเสียงเพลงราคาน่าคบสอบถามได้จร้า
รถเข็นราคาไม่แพงจร้าราคาหลักพันแต่คุณภาพดีแน่นอนจร้าใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดถึงโตเลยนะ

เบอร์โทรศัพท์

เว็บไซต์

ที่อยู่


Tak
63000

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 19:30
อังคาร 08:30 - 19:30
พฤหัสบดี 08:30 - 19:30
ศุกร์ 08:30 - 19:30
เสาร์ 08:00 - 19:30
อาทิตย์ 08:00 - 19:30

ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก อื่นๆใน Tak (แสดงผลทั้งหมด)
Babycheeky Babycheeky
Tak, 63110

baby-cheeky for you.