โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบ

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองหญ้าปล้องขอขอบคุณ บริษัทกรีนพลัสเฮลท์แคร์จำกัด ที่สนับสนุนเจลแอลกอฮอล์และสเปร์แอลกอฮอล์ขนาดต่างๆให้แก่สถานบริการเพื่อใช้งานในช่วงมีการแพร่ระบาดCivic-19
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยคุ้มครองให้ท่านและพนักงาน มีสุขภาพแข็งแรง กิจการรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปค่ะ🙏🙏🙏

ขอเชิญร่วมบริจาคเงิน เพื่อซื้อที่ดินและพัฒนา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองหญ้าปล้อง เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยและประชาชนผู้รับบริการครับ ที่ดินขนาด 5 งาน 45 ตารางวา เป็นเงิน 270000 บาท 📌โดยที่เงินทุกบาทที่ท่านบริจาคจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
ขออนุโมทนาบุญทุกท่านครับ🙏🙏🙏

เชิญผู้รับบริการร่วมกันปลูกความดี ถวายพ่อหลวงของเรากันนะค่ะ

กิจกรรม Life and learn เรียนรู้การใช้ชีวิตผู้ป่วยวิกฤติเบาหวาน............. เพื่อเตือนสติในผู้ป่วยเบาหวานให้มีความระวังในการดูแลตนเอง ป้องกันการเกิดเหตุอันนำซึ่งความพิการในอนาคต

ช่วงนี้ต้องระวังลูกหลานกันด้วยนะค่ะ......

teenee.com

เข้าใจง่ายมาก........ อ่านเสร็จอย่าลืมสำรวจรอบๆๆบ้านนะค่ะ

teenee.com

อาหารว่างของหนองหญ้าปล้องค่ะ สวย เริด เชิด

กิจกรรมวันผู้สุงอายุ 2557 วัดสังฆาราม ^^

นพ.ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์ นายกสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ กล่าวว่า

เอสพีเอฟ ที่เขียนอยู่บนผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดนั้น จะแสดงถึงค่าระยะเวลาในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี เช่น สมมุติผิวหนังทนแดดได้นาน 10 นาที แล้วเกิดผิวแดง หากเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า เอสพีเอฟ 35 ก็จะช่วยให้ผิวทนแดดได้นานขึ้น 35 เท่าหรือนานถึง 350 นาที ส่วนค่า “พีเอ” มีด้วยกัน 3 ระดับ คือ พีเอ+, พีเอ++ และ พีเอ+++ โดยระดับการปกป้องรังสียูวีเอ มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องหมาย + ที่เพิ่มขึ้น

"ลักษณะของกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยให้สาวๆ ตัดสินใจเลือกซื้อครีมกันแดด โดยหากต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เช่น ตีกอล์ฟ เล่นเทนนิส ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า เอสพีเอฟ 30-50 แต่หากจะออกไปโต้ลมคลื่นคลายร้อนในทะเล ควรเลือกครีมกันแดดที่มี เอสพีเอฟ 50 ขึ้นไป และมีค่า พีเอ+++ เนื่องจากน้ำทะเลและทรายจะสะท้อนรังสียูวี ที่ส่งผลให้ผิวถูกทำร้ายได้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ครีมกันแดดเกิดประสิทธิสูงสุดคือ ควรทาครีมก่อนออกเจอแสงแดดประมาณ 20 นาที และเมื่อผิวหนังถูกแสงแดดสักระยะควรทาครีมกันแดดซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการปกป้องผิวพรรณที่ดียิ่งขึ้น แต่หากเป็นกิจกรรมทางน้ำ ต้องหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำทุกครั้งก่อนลงน้ำ เพื่อให้ผิวได้รับการดูแลอยู่ตลอดเวลา” นพ.ธาดา กล่าว

ความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพ

กินไข่ดาวไม่สุก ระวัง !

กินไข่สุกๆ ดิบๆ ระวังมีโทษต่อร่างกาย

อาหารที่ทำจากไข่ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ลวก ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ ไข่ยัดไส้ และอีกสารพัดเมนูไข่ คงจะคุ้นปากคนไทยเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า หากเราปรุงไข่แบบ สุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะ ไข่ดาว ไข่ลวก แทนที่จะได้ประโยชน์อาจเป็นโทษต่อร่างกาย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ อธิบายว่า ในไข่ 1 ฟอง ไข่แดงจะเป็นก้อนไขมัน ไม่มีโปรตีน แต่กลับกัน ไข่ขาวจะไม่มีไขมัน มีแต่โปรตีนอย่างเดียว ไข่ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ไม่ว่าเบอร์เล็กหรือเบอร์ใหญ่ สิ่งที่เหมือนกัน ไข่แดง ขนาดเดียวกันหมด แต่ที่ต่างกัน คือไข่ขาว ตรงนี้คนมักจะไม่ค่อยรู้

โทษของไข่ดิบ

มีคนเข้าใจว่าการกินไข่ดินวันละฟองในตอนเช้าจะรักษาเสียงได้ดี ความจริงแล้วการกินไข่ดิบ
ทำให้ร่างกายได้รับธาตุบำรุงจากไข่เพียงครึ่งเดียว
ในไข่ดิบมีโปรตีนที่เป็นปฏิชีวนะอยู่ ถ้าเรากินไข่ดิบบ่อยๆ โปรตีนชนิดปฏิชีวนะที่สะสมอยู่ในร่างกายจะขัดขวางไม่ให้ร่างกายได้รับ วิตามินB1 นอกจากนั้นถ้าไก่เป็นโรคไข่จะติดตามมาด้วย จึงอาจทำให้ผู้กินไข่ดิบติดโรคได้ จึงควรกินไข่ที่สุกเพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารทั้งหมดได้ ดังนั้น ไม่ควรกินไข่ดิบหรือไข่ครึ่งสุกครึ่งดิบเพื่อความปลอดภัยของร่างกาย ส่วนในการทอดไข่ดาวนั้น ไม่ควรทอดเพียงด้านเดียว ควรพลิกทอดทั้ง 2 ด้าน เพื่อประกันว่าได้ฆ่าเชื้อโรคหมดแล้ว

การกินไข่ดิบ หรือไข่ที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆเช่น ไข่ดาว ไข่ลวก ถ้าไข่แดงเป็นยางมะตูมอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่ากับกินไข่ขาวที่เป็นยางใส ๆ เพราะไข่ขาวจะย่อยยาก เนื่องจากไข่ขาวดิบทั้งหมดเป็น "อัลบูลมิน" ถ้าไม่สุกจะทำให้มีปัญหาเรื่องลำไส้ ไม่ค่อยย่อย ยิ่งถ้าเป็นคนแก่จะไม่มีน้ำย่อยมาย่อย "อัลบูลมิน"

นอกจากนี้การกินแต่ไข่ขาวเพียงอย่างเดียว เพราะกลัวไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง จะทำให้โปรตีนในไข่ขาวตัวหนึ่ง ชื่อ "อะวิดิน" ไปจับกับ "ไบโอติน" ในร่างกาย ซึ่ง "ไบโอ ติน" เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นผม และสุขภาพผิว อีกทั้งการกินแต่ไข่ขาวอย่างเดียวร่างกายจะไม่ได้ "ไบโอติน" ที่อยู่ในไข่แดง แถม "อะวิดิน" ก็ไปจับกับไบโอตินอีก สรุปว่าต้องกินทั้งไข่ขาวและไข่แดง ด้วยการปรุงสุกเท่านั้น จะเป็นไข่ไก่ หรือไข่เป็ดก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรต้มดีที่สุด เพราะถ้าทอดหรือเจียว เรามักจะทอดกับน้ำมันพืช ซึ่งมีโอเมก้า 6 จะยิ่งไปต้านโอเมก้า 3 ในไข่

ด้าน นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การกินไข่สุก ๆ ดิบ ๆ ไม่ได้ให้ประโยชน์เต็มที่ แถมย่อยยาก และอาจมีเชื้อซาโมเนลลา หรือ อี.โคไล ที่ก่อโรคระบบทางเดินอาหาร และที่สำคัญอาจจะไม่ปลอดจากเชื้อไข้หวัดนก สรุปว่า กินไข่ดิบ ๆ สุก ๆ ไม่มีประโยชน์ สู้กินไข่สุกไม่ได้

ที่ผ่านมาสังคมไทยกลัวไข่มาก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด พอพูดถึงไข่ปุ๊บ มองไข่ในเชิงลบ ว่า มีคอเลสเตอรอลสูง จริงอยู่ไข่มีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากด้วย แถมราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับโปรตีนประเภทอื่น ๆ

ก่อนที่จะกินไข่ ต้องดูก่อนว่า สุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไขมันในร่างกายไม่สูง ไม่เป็นเบาหวาน ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่เป็นโรคเรื้อรังอะไร ผู้ใหญ่สามารถกินไข่ได้สัปดาห์ละ 3-4 ฟอง แต่ถ้าไขมันในเลือดสูง มีภาวะโรคอ้วน ต้องให้แพทย์แนะนำ โดยสามารถกินได้สัปดาห์ละ 1 ฟอง หรือกินเฉพาะไข่ขาว ซึ่งไม่มีคอเลส เตอรอล แต่มีโปรตีน ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบ วัยเรียน ไปจนถึงวัยอุดมศึกษา สามารถ รับประทานไข่ ได้วันละ 1 ฟอง สัปดาห์ละ 7 ฟอง เพราะต้องใช้พลัง งานสูง โดยไข่จะมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทั้ง ด้านร่างกายและ สติปัญญา

ถามว่ากินไข่อย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยหลักง่าย ๆ คือ 1.กินไข่ที่ปรุงสุกเท่านั้น 2.ควรกินไข่ไปพร้อม ๆ กับอาหารหลัก 5 หมู่ ไม่ควรกินไข่อย่างเดียว โดยเฉพาะการกินไข่ร่วมกับผักจะมีไฟเบอร์ช่วยดูดซับคอเลสเตอรอลในไข่ได้ส่วนหนึ่ง 3.ควรกินไข่ในหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายเมนู คนที่มีภาวะไขมันในร่างกายสูง ควรหันมากินไข่ต้ม ไข่ตุ๋น แทนไข่เจียวหรือไข่ดาว 4.เมื่อกินไข่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้ไขมันสูงในวันเดียวกัน เช่น กินไข่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงกินข้าวขาหมู ปลาหมึก กุ้ง 5.กินไข่แล้วออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะลดภาวะ เสี่ยงต่อคอเลสเตอรอลสูงได้.

http://www.unigang.com/Article/6568

ความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพ

"เห็ดฟาง" ทานแล้วช่วยลดไขมันในเส้นเลือด

เห็ดฟาง หรือ เห็ดบัว ภาคอีสานเรียกว่า เห็ดเฟียง มีชื่อสามัญว่า Straw Mushroom มี ถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน เห็ดฟางเป็นเห็ดที่ขึ้นตามกองฟาง ดอกตูมมีลักษณะเป็นก้อนกลมสีขาว มีเยื่อหุ้มกระเปาะคล้ายถ้วย รองรับฐานเห็ดเรียกว่า ผ้าอ้อมเห็ด เมื่อหมวกเห็ดเจริญเติบโตที่จะกางออก คล้ายร่ม ด้านบนของหมวกเห็ดจะสีเทาอ่อน หรือเทาเข้ม ผิวเรียบและอาจมีขนละเอียดคลุมอยู่บาง ๆ ก้านดอกสีขาว เนื้อในแน่น ละเอียด ออกดอกทุกฤดูกาล

เห็ดฟางนำมาปรุงอาหารได้หลายอย่าง เช่น ยำเห็ดฟาง,เห็ดฟางผัด,ต้มยำเห็ดฟางและแกงเลียงใส่เห็ดฟาง เป็นต้น นอกจากนี้ เห็ดฟางยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เพราะเห็ดฟางมีสาร Vovatoxin ช่วย ป้องกันการเจริญเติบโตของไวรัส ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดและโรคหัวใจได้ นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว

คนไทยรู้จักบริโภคอาหารจากเห็ดมานาน เนื่องจากเห็ดมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าพืชผักชนิดอื่น เพราะในการเพาะเห็ดจะไม่มีการใช้สารฆ่าแมลง วิธีการเพาะเห็ดฟางในปัจจุบันมีอยู่หลายวิธี เช่น การเพาะเห็ดฟางแบบกองสูง,การเพาะเห็ดแบบกองเตี้ย,การเพาะเห็ดฟางจากเปลือก ฝักถั่ว,การเพาะเห็ดฟางแบบโรงเรือนอุตสาหกรรม,การเพาะเห็ดฟางในถุงหรือใน กระสอบ,การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า เป็นต้น การเพาะเห็ดฟางแบบกองสูงไม่เป็นที่นิยมทำกันมากนักเพราะในการเพาะด้วยวิธี นี้ใช้เวลานาน อีกทั้งเสียเวลาในการดูแลรักษาด้วย

จึงได้หยิบยกการเพาะเห็ดฟางด้วยวิธีง่าย ๆ และใช้พื้นที่น้อยในการเพาะสามารถทำได้ทุกครัวเรือน การเพาะเห็ดในตะกร้าเป็นการเพาะเห็ดฟางอย่างง่าย ลดรายจ่ายด้านอาหารในครัวเรือน และสามารถทำเป็นกิจกรรมเสริมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจได้ หรือทำเป็นอาชีพเสริม วัสดุที่ใช้เพาะก็สามารถใช้วัสดุเศษเหลือในไร่นาได้เกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับการเพาะเห็ดฟางแบบอื่น ๆ แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ สามารถนำก้อนเชื้อเห็ดถุงที่เก็บดอกหมดแล้วทั้งเห็ดขอนขาว เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม มาเป็นวัสดุเพาะได้อีกด้วย

http://home.kku.ac.th/

วัน "เบาหวาน" ครบวงจร

ตรวจตาผู้สุงอายุ^^

กีฬาาอสม.2557 ^^

ความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพ

ระวังอาหารเหล่านี้หากกำลังลดน้ำหนัก

ในขณะที่กำลังลดน้ำหนักหลายคนคงนึกถึงอาหารประเภทสุขภาพ ผัก ผลไม้ หรือหลีกเลี่ยงแป้งเนื่องจากเข้าใจว่าอาหารที่ไม่มีแป้งนี้เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำและจะช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่แท้ที่จริงแล้วยังมีอาหารที่ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารสุขภาพที่ทำมาจากผัก ผลไม้ หรือเป็นอาหารที่ไม่มีข้าวแป้ง แต่กลับเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและทำให้การลดน้ำหนักยากขึ้นกว่าเดิม อาหารที่ควรระวังได้แก่

สมู้ทตี้ เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ทำมาจากน้ำผลไม้ปั่นอาจมีการเติมเนื้อผลไม้สด รวมกับนมหรือโยเกิร์ตด้วย บางครั้งมีการเติมน้ำเชื่อม น้ำผึ้ง ผลไม้กระป๋อง เพิ่มเติมอีกจึงทำให้พลังงานที่ได้จากสมู้ทตี้อาจสูงเท่ากันกับข้าวผัด 1 จาน หรือประมาณ 350-500 แคลอรีต่อหนึ่งแก้วปกติ และคนส่วนใหญ่มักจะชอบรับประทานสมู้ทตี้เป็นของว่างจึงทำให้ได้รับพลังงานสูง อาจเปลี่ยนเป็นผลไม้สดแทนหรือทำสมู้ทตี้โดยไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มเติมและเน้นผลไม้สดใส่แทนผลไม้กระป๋อง ถ้าหากว่าอยากจะรับประทานสมู้ทตี้ก็ลองแบ่งกับเพื่อนและใช้แก้วขนาดเล็กลงแทนเพื่อลดปริมาณแคลอรีที่จะได้รับเข้าสู่ร่างกาย

น้ำสลัด ดูเหมือนว่าสลัดผักจะเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก แต่ทราบหรือไม่ว่าในน้ำสลัดโดยเฉพาะชนิดข้นส่วนใหญ่แล้วเต็มไปด้วย ไขมันและน้ำตาล ที่มาจากมายองเนส นมข้นหวาน น้ำตาล ชีส ไข่ น้ำเชื่อมและอื่นๆ เช่นน้ำสลัดครีม น้ำสลัดซีซาร์ น้ำสลัดแรนซ์ หรือน้ำสลัดนมข้นหวาน ในน้ำสลัดชนิดใสก็จะมีส่วนประกอบของน้ำมันเช่นน้ำมันพืช น้ำมันมะกอก น้ำมันงา อาจมีการเติมน้ำส้มสายชู ซีอิ๊ว น้ำตาล เพื่อเพิ่มรสชาติ พลังงานที่ได้จากน้ำสลัด 1 ช้อนชา ขึ้นอยู่กับส่วนผสมแต่ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระหว่าง 50-100 แคลอรีซึ่งโดยทั่วไปแล้วต่อสลัด 1 จานเรามักจะใส่น้ำสลัดกัน 3-5 ช้อนชาหรือในบางคนอาจจะมากกว่านั้น ซึ่งหากเปรียบเทียบพลังงานแล้วสลัด 1 จานจะมีพลังงานไม่แตกต่างจากข้าวผัดหรือก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม ดังนั้นหากต้องการที่จะลดน้ำหนักโดยการรับประทานสลัดแล้วควรที่จะดูปริมาณของน้ำสลัดด้วยหรือเปลี่ยนเป็นน้ำยำแทนจะดีกว่า

นมไขมันต่ำหรือไอศกรีมไขมันต่ำ แม้ว่าคำว่าไขมันต่ำจะดูเหมือนมีปริมาณไขมันที่น้อยกว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบพลังงานแล้วจะพบว่ามีพลังงานที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ในนมเต็มส่วน 1 ถ้วยจะให้พลังงาน 150 แคลอรี ไขมัน 8 กรัม น้ำตาล 12 กรัม นมไขมันต่ำ 1 ถ้วยให้พลังงาน 130 แคลอรี ไขมัน 5 กรัม น้ำตาล 12 กรัม พลังงานที่ได้จะแตกต่างกันเพียง 20 แคลอรีหรือเทียบได้กับลูกอม 1 เม็ด ซึ่งคนจะเข้าใจผิดว่านมหรือไอศกรีมไขมันต่ำให้พลังงานต่ำกว่ากินแล้วไม่อ้วนทำให้กินเกินและทำให้อ้วนได้
เกาเหลาหมู-เนื้อตุ๋น ใส่กระเทียมเจียว อาหารประเภทเกาเหลา ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีแป้งและจะช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ที่หลายคนไม่รู้คือ เกาเหลาหมู-เนื้อตุ๋นนั้น ทำมาจากการนำเนื้อหมูหรือเนื้อวัวมาเคี่ยว ดังนั้นในน้ำซุปอาจจะมีไขมันอยู่มาก บวกกับความเค็มของน้ำซุปอาจทำให้ร่างกายเกิดการกักเก็บน้ำทำให้น้ำหนักขึ้นได้ ดังนั้นอาจเลือกเกาเหลาลูกชิ้นน้ำใสแทนและใส่ผักเยอะก็จะช่วยลดพลังงานที่ได้จากเกาเหลาลงได้

ผลไม้แห้ง เนื่องจากกระบวนการแปรรูปอาหาร ผลไม้แห้งจะมีขนาดและปริมาณที่น้อยกว่าผลไม้สด แต่จะมีน้ำตาลที่สูงกว่า แม้ผลไม้แห้งจะมีประโยชน์ทางโภชนาการเช่นมีวิตามินสูง มีใยอาหารสูง แต่ในช่วงที่ต้องการลดน้ำหนักอาจจะไม่เหมาะสมเนื่องจากปริมาณที่น้อยอาจทำกินได้มากและให้พลังงานที่สูงกว่า ในช่วงลดน้ำหนักควรเลือกผลไม้สดที่น้ำตาลน้อยมากกว่า เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะม่วงดิบ แตงโม เป็นต้น

ในช่วงที่ลดน้ำหนักร่างกายได้รับพลังงานลดลงแต่ควรให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ควรรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ในแต่ละมื้อ เพื่อให้ร่างกายไม่อ่อนแอ และที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในบางครั้งความกระหายน้ำจะทำให้ความรู้สึกหิวมากกว่าปกติและทำให้กินมากกว่าที่ควรกิน ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล
http://www.manager.co.th/

พา อสม มาดูงาน อสม ดีเด่นระดับชาติ ครับบบ

อย่าปล่อยให้สมองทำงานหนักเกินนะครับบบ

เยี่ยมบ้านผู้พิการ ^^

เที่ยงแล้ว ทานอาหารเพื่อสุขภาพ ตามธงโภชนา นะครับบ

เพื่อสุขภาพที่ดี ไม่ควรทานอาหารหลัง 18.00 น. นะครับบ ^^

เยี่ยมหลังคลอดจร้า .....น่ารักจุงเบย

"ตด" บ่งบอกถึงสภาวะลำไส้และระบบทางเดินอาหาร ด้วยนะคร้าฟฟ

อบรมอสม.เชี่ยวชาญ ^^

EPI dayyy^^

กิจกรรมงานวันอสม.207 ^^

แหม๋

ดูที่ฉลาก!!!

อย่าปล่อยให้พฤติกรรมการบริโภค มาทำร้ายสุขภาพของคุณ!!!

มาร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพื่อสุขภาพที่ดีกันนะครับ

ดูแลสุขภาพกันนะครับ