See You Again Trip
ตำแหน่งใกล้เคียง บริการขนส่ง
ธัญบุรี, Thanyaburi
, Lam Luk Ka
Bangkok 12130
ถนนเลียบคลองห้า ตำบลคลองห้า, Khlong Luang
บึงยี่โถ ธัญบุรี, Pathum Rat
Amphoe Lam Luk Ka 12150
69/13
Bangkok 12150
ถนน รังสิต-นครนายก
Bangkok
Bangkok 12130
Moo, Ban Ao Nang
ม. 4 ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิ, Bang Pa-in
หมู่ที่ 5 ถนนพหลโยธิน, Bangkok
Bangkok 10220
ตำแหน่งใกล้เคียง แท็กซี่
Thanyaburi 12110
หมู่4 หมู่บ้านเบญจทรัพย์
Bangkok 12110
หมู่ 21 ตำบลลำลูกกา, Amphoe Lam Luk Ka
ปทุม, Bangkok
Bangkok 10220
TRAVEL TILL I DIE

See You Again ►ร้านลุงช่วย ข้ามต้มเจ้าเก่า แห่งพิษณุโลก
ขึ้นเขาไม่รุ่ง มุ่งร้านข้าวต้มบ้างงง
See You Again คลิปนี้พามากินร้านที่อร่อยและถูกชิบบบบ
หลังจากลงมาจากภูสอยดาว ก็ตัดสินใจกันว่าจะกลับ กทม โดยรถไฟ และต้องนั่งกันที่ พิษณุโลก ระหว่างรอนั้น จึงต้องหาร้านอาหารกินกัน และร้านลุงช่วย ข้ามต้มเจ้าเก่า นี่เองที่ได้รับคำแนะนำมาจากคนย่านนั้น !!!
#พิษณุโลก #ร้านลุงช่วยข้าวต้มเจ้าเก่า
See You Again ►ร้านลุงช่วย ข้ามต้มเจ้าเก่า แห่งพิษณุโลก See You Again คลิปนี้พามากินร้านที่อร่อยและถูกชิบบบบ หลังจากลงมาจากภูสอยดาว ก็ตัดสินใจกันว่าจะกลับ กทม โดยรถไฟ แ.....

See You Again EP5 ►ภูสอยดาว : อุตรดิษถ์ 【21-22 August 2022 】
ฝากงานดองครับบบบ
ปกติเดินถ่ายรูปก็ลำบากแล้ว รอบนนี้หาเรื่องถ่ายคลิปด้วย
See You Again EP5 ►ภูสอยดาว : อุตรดิษถ์ 【21-22 August 2022 】
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
#ภูสอยดาว #อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว #อุตรดิษถ์
See You Again EP5 ►ภูสอยดาว : อุตรดิษถ์ 【21-22 August 2022 】 VDO Highlight - ฝากกด Subscribe กด กระดิ่ง ด้วยนะครับSee You Again EP5 ►ภูสอยดาว : อุตรดิษถ์ 【21-22 August 2022 】ทริปนี้ไปกับเพื่อนอีก 3 คน แบบนั่งร.....

ภูสอยดาว : ทางชัน ฝนตก ดินสไลด์ แลกกับ หมอกและดอกหงอนนาค
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
Date: 21-22 สิงหาคม 2565
⛰⛰🌳🌳🌳🌳
ทริปนี้น้องภูชวนไป ลุยกัน 4 คน 2 วัน 1 คืน แบบเก่าๆ นั่งรถทัวร์ไป ในช่วงที่พายุฝนเข้าประเทศ ณ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ภูสอยดาว ผมตั้งตารอมานานมาก อยากไปดู ไปถ่ายรูปดง ดอกหงอนนาค ที่จะบานช่วง สิงหาคม กันยายน ณ จุดตั้งเต็นท์ลานสนภูสอยดาว ลานสนตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร จริงๆที่นี่สามารถขึ้นยอดสูงได้นะครับ ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร แต่ยอดจะเปิดให้ขึ้นช่วงพฤศจิกายน ถ้าขึ้นยอดก็ต้องมา 3 วัน 2 คืน จะได้ไม่เหนื่อยมาก ตอนนี้ก็เอาแค่ลานสนไปก่อนฮะ
---การเดินทาง---
ครั้งนี้พวกเราเดินทางโดยรถทัวร์ ขึ้นรถที่หมอชิตประมาณ 20:30 น. รถออกประมาณ 21:00 น. ถึงที่จังหวักพิษณุโลก เพื่อต่อรถสองแถวที่จองไว้ประมาณ ตี 2 ได้ พอตี 3 รถก็มารับ นั่งรถโคตรนาน น่าจะประมาณ 3 ชม. เพื่อไปช็อปปิ้งของกินเพื่อเอาขึ้นไปกินข้างบนที่ตลาดสดป่าแดง ซึ่งฝนก็ยังคงกระหน่ำไม่หยุด ตอนที่เดินที่ตลาดแม่ค้าบอกว่า น้ำป่าไหลหลากลงมา ดินไหลกั้นถนน ไม่แน่ใจว่า ภูสอยดาวจะให้ขึ้นไหม แต่ก็มาแล้วก็ไปลุ้นเอาดาบหน้าที่ทำการอุทยาน หลังจากซื้อของเสร็จก็นั่งรถต่อประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ไปที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวปรากฏว่าสามารถขึ้นได้ ก็ดำเนินการจัดการลงทะเบียน จัดการเรื่องลูกหาบ เตรียมขึ้นภูสอยดาว วันที่ผมไปเป็นวันอาทิตย์ ตอนแรกคิดว่าคนไม่เยอะๆ ไปๆมาๆ เยอะพอสมควรเลย
---เส้นทางการเดิน---
เราเริ่มเดินกันประมาณ 10:30 น. โดยมีฝนตกอยู่ตลอดเวลา ระหว่างต้องเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ข้ามน้ำตก เส้นทางที่โคตรเละเทะ เนื่องจากเมื่อวานมีฝนตกตลอดทั้งคืนจนถึงตอนเช้านี้ก็ยังตกอยู่ ก็ต้องเละแน่นอน บางช่วงเป็นดินถล่มไหลลงมากั้นเส้นทาง เดินไม่ดีก็จมไปครึ่งขาเลยทีเดียว แต่ดีตรงที่ฝนตกก็ไม่ร้อน เดินไม่เหนื่อยมาก เราต้องเดินผ่านหลายจุดพัก หลานเนิน ก็เดินเรื่อยๆไม่รีบ แต่ถึงซักที เท่าที่จับระยะได้ มันเกิน 6.5 กม.ที่เขียนไว้ที่ป้ายก่อนเดินขึ้นแน่นอน เส้นทางการเดิน เป็นเนินซึม สลับกับเนินสูง และทางชัน มีแค่บางช่วงที่เป็นทางราบ เดินไม่ยากมาก มือใหม่เดินได้นะ แต่ก็ต้องอึดนิดนึง มีเนินโหดสุดน่าจะเป็น เนินมรณะ ที่เป็นเนินสุดท้ายที่เป็นทางชันยาว ก่อนถึงลานสน จุดถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิต ผมเดินถึงประมาณ 16:20 นาที ใช้เวลาไปประมาณ 6 ชม.
พอขึ้นมาถึงก็อลังการณ์งานหมอก และดอกหงอนนาคเลยครับ น้องๆบานรอเราอยู่แม้จะเย็นแล้วก็ตาม ก็รีบถ่ายรูป ก่อนที่จะเดินไปอีกประมาณ 3-400 เมตรไปยังจุดตั้งเต็นท์ ตอนที่ผมถึงฝนก็เริ่มหยุดแล้ว โดยทั้งเย็นและกลางคืนมีแต่หมอก ช่วงดึกลมแรงหนาวหน่อย ด้านบนจุดกางเต็นท์มีห้องน้ำให้ใช้นะครับ น้ำก็ไปเช่ากระป๋องไปตักเอาเข้าห้องน้ำกันเอง
ตอนเช้าเจ้าหน้าที่แนะนำให้เริ่มเดินไปทางด้านหลังที่ทำการของเจ้าหน้าที่ด้านบน ให้เดินไปทางซ้ายตลอดตามทาง ถือเป็นเช้าที่โชคดีที่ฟ้าเปิด แดดมานิดหน่อย วิวด้านหลังที่สวยมาก เดินเลาะซ้ายมาเรื่อยๆก็จะเจอหมุดประเทศไทย-ลาว เดินต่อไปอีกจะเจอทุ่งดอกหงอนนนาค สวยๆเลย เราก็เดินซ้ายไปเรื่อยครับ ตามป้ายก็จะมีบอก โดยมันวนกลับมาที่จุดตั้งเต็นท์เราเหมือนเดิม
---สรุป---
ภูสอยดาว เป็นอีกที่ๆไม่ควรพลาดเป็นที่ยอดฮิต ด้วยลานสนที่โคตรสวย ดอกหงอนนาคสีม่วงอ่อนๆ หมอกกระจาย มีโอกาสก็จะไปอีก อยากไปขึ้นยอด 2,102 เมตร ที่เขาว่ากันว่าโหด ด้านบนมีสัญญาณมือถือบางค่าย ผมใช้ true มีอยู่บ้างบางจุด AIS ได้ยินว่าพอมีอยู่ แต่ Dtac ดูเงียบสนิท และใครที่จะไปก็เตรียมอุปกรณ์กันฝนไปด้วยนะ เพราะฝนตกได้ทุกเวลา อย่างวันที่พวกเราไปหนักเลย เราโชคดีพอสมควรที่เป็นชุดสุดท้ายที่ได้ขึ้นไปก่อนอุทยานจะปิดเพื่อความปลอดภัยและซ่อมแซมทางเดินที่โดนน้ำพัดไปบ้าง บางจุดเละเทะสุดๆ เพราะเป็นช่วงมีพายุเข้า ก่อนจะเปิดอีกครั้งก็ติดตามที่เพจ อุทยานได้เลยครับ
see you again นะภูสอยดาว จะไปขึ้นยอดเว้ยยย
ขอขอบคุณ: น้องภู น้องเก๋ และคุณสุเมธ ที่โดนพาไปทรมานขา และน้องกุ้ง น้องปู เพื่อนร่วมทาง และก็พี่…เอิ่มจำชื่อไม่ได้ (ขออภัยครับพี่) ที่เอื้อเฟื้ออาหารด้านบน ทำอาหารให้ทานอีกด้วย เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
#ภูสอยดาว
#อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
#อุตรดิตถ์

ฉ่ำๆหมอกๆ และดอกหงอนนาค ที่ ภูสอยดาว ก่อนอุทยานปิดหนีพายุ
Date: 21/8/22
#ภูสอยดาว #อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

ดอยหลวงตาก : ไกล ร้อน ฝน ลม หมอก เคลือบช็อกโกแลต
อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย จังหวัดตาก
Date: 25-26 มิถุนายน 2565
⛰⛰🌳🌳🌳🌳
ห่างหายจากการเที่ยวประมาณ 2 เดือน อีกแล้ว ด้วยหลายอย่างที่ต้องทำ ครั้งนี้มีโอกาสก็เลยเอาซะหน่อยกับ ดอยหลวงตาก อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก มีความสูง 1,175 เมตร จากระดับน้ำทะเล ก่อนไปทำการบ้านนิดหน่อยโดยการดูรีวิวจากใน youtube เท่าที่ดูไม่ค่อยมีคนบ่นเรื่องความลำบากเท่าไหร่ แถมวิวสวยมาก มีจุดให้ไปดูหลายจุด คือ ดอยหลวงตาก ต้นสนเดียวดาย และม่อนนางพญา ก็เลยตัดสินใจไปได้ไม่ยากนัก ครั้งนี้เดินทางไปกับทีมงาน อีติ๋มหน้าโง่ กินปีโป้ติดคอตาย ก่อนไปก็ส่งหลักฐานบัตรประชาชน หลักฐานการฉีดวัคซีน และผลตรวจ covid-19 ก่อนตามปกติ
---การเดินทาง---
พวกเราเริ่มเดินทางโดยออกจากหมอชิตประมาณ 22:00 น. ไปถึงตลาดใกล้ๆกับคุ้มป๋าต๋อง ประมาณ ตี 3 กว่า ถือว่าใช้เวลาไม่นานมาก ก็หาซื้อเสบียง ข้าวเช้า ข้าวกลางวันเตรียมไว้เพื่อการเดินในช่วงเช้า
---เส้นทางการเดิน---
ประมาณ 6 โมงเช้า ถึงที่คุ้มป๋าต๋องก็จัดแจงจัดกระเป๋า ทำธุระส่วนตัว จัดการเรื่องลูกหาบ เมื่อเสร็จสิ้นก็เตรียมขึ้นรถกระบะ เพื่อไปยังจุดเริ่มเดิน โดยใช้เวลานั่งรถไม่ไกลมาก ประมาณ 15 นาที เราเริ่มเดินกันเวลาประมาณ 8:20 น. โดยมีพี่ เจ้าหน้าที่เป็นคนนำทางกลุ่มเรา จากการดูรีวิวและที่มีการแจ้งมาตอนแรกเลยคือจะต้องเดินข้ามน้ำ แต่พอเอาเข้าจริงตอนที่ไปคือไม่มีน้ำเลย แล้งมาก และร้อนมาก ในช่วงแรก เดินเลาะไปตามลำน้ำ เส้นทางขึ้นๆลงๆส่วนมากเป็นทางปกติ ไม่ได้มีทางชันเยอะมาก แต่พอเดินไปได้สักระยะประมาณ กิโลที่ 3 ก็จะเริ่มเป็นเนินซึม โดยจะซึมไปเรื่อยๆ จริงๆทางที่นี่ไม่ได้ยากในการเดิน แต่ด้วยอากาศที่ร้อนมากๆ และไกล ทำให้โคตรเหนื่อย เดินไปก็จะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ลูกหาบ ที่ขี่ขึ้นมาด้วย เดินมาได้สักระยะประมาณ 4-5 กิโล ก็จะเจอจุดที่เรียกกับมา เซเว่น เพราะเป็นจุดที่มีชาวบ้านเอาน้ำขึ้นมาขาย ทั้งน้ำซ่า สปอนเซอร์ ได้ดับกระหายและพักตรงนี้กันยาวๆ เพราะหลังจากนี้จะเป็นทางที่ค่อนข้างชันมาก ซึ่งมีอีกหลายชันเลย ไปจนถึงจุดก่อนเข้าป่ากล้วย ที่บอกันว่าจะเจอทาก แต่ครั้งนี้ไม่เจอเลย สงสัยน่าจะอากาศที่ร้อนมากๆ ผ่านจุดนี้ไปก็จะเจอจุดกางเต็นท์ โดยไปถึงประมาณ 15:20 น.
จากจุดกางเต็นท์ เดินขึ้นไปดูวิวจะต้องเดินไปอีก แต่ระยะทางไม่ไกลมากมีจุดถ่ายรูปเยอะพอสมควร แต่เสียดายที่เนินสูงสุดของดอยหลวงตากโดนเผาทำลายไปครึ่งนึง เลยเป็นเหมือนเคลือบช็อกโกแลตสีน้ำตาลครึ่งลูก (สอบถามเข้าหน้าที่บอกว่ามีชาวบ้านแอบมาเผา) อีกจุดที่ไม่ควรพลาดเลยคือต้นสนเดียวดายที่ต้องเดินไปอีกประมาณ 1 กม. แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ไกลมาก มีต้นสนตั้งอยู่เดี่ยวๆ ให้ไปถ่ายรูปกัน พอเริ่มค่ำฝนเริ่มตกแต่ไม่หนักมาก อากาศชื้น นอนสบายไม่ถึงกับหนาวมาก
ช่วงเช้าตื่นนอนประมาณ 6 โมงกว่าๆ ก็ได้เจอทะเลหมอกบนยอดเขาอีกด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่เจอแบบนี้ไม่บ่อยนัก ส่วนมากจะเป็นหมอกฟุ้งๆ ถือว่าเราโชคดีมาก และก็จริงอย่างที่เจ้าหน้าที่บอก เพราะไม่นานนัก หลังจากขึ้นไปดูวิว เดินไปดูต้นสนเดียวดายอีกครั้ง ขากลับมา ประมาณ 8 โมงเช้าหมอกก็เริ่มกระจายเข้ามาปกคลุมทั้งเขาแล้ว
ในตอนเดินกลับ หลังผ่านดงกล้วยก็แวะขึ้นไปดูวิวมุมสูงจากม่อนนางพญา แต่หมอกนี่คลุมดอยหลวงตากไปหมดแล้ว แต่ก็สวยไปอีกแบบ อันนี้อย่าลืมแวะ ช่วงเดินกลับใช้เวลาไม่นานมาก 3-4 ชม.ก็ถึง รวมๆแล้วไป-กลับก็ประมาณ 22 กม.
---สรุป---
ดอยหลวงตาก ถือเป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาด วิวได้อารมณ์แบบม่อนจอง+สันหนอกวัว แต่เอาจริงๆไม่แนะนำมือใหม่นะ เพราะทางค่อนข้างไกล แบบไปไม่ถึงซะที เนินก็เยอะ แม้จะเดินไม่ยากแต่ด้วยอากาศที่ร้อนและไกล ทำให้ใช้พลังโคตรมาก แต่ถ้าแลกกับได้เจอวิวของที่นั่นแล้ว คุ้มค่าจริงๆแหละ ปล.ข้างบนมีสัญญาณมือถือนะ อาจจะไม่แรงมากแต่ใช้ได้อยู่
see you again นะดอยหลวงตาก (แต่คิดว่าไม่แระล่ะ เดินไกลชิบ)
ขอขอบคุณ: #อีติ๋มหน้าโง่กินปีโป้ติดคอตาย Staff พี่แมนที่ดูแลอย่างดี อาหารอร่อย อิ่มม มันอิตาลีไรนี่แหละ อย่างเด็ด และ พี่ๆเพื่อนๆ น้องๆ ร่วมขณะในวันนั้นนะครับ เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
#ดอยหลวงตาก
#อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย
#วนอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยแม่ไข
#ตาก

ลำคลองงู : ลุยถ้ำ โดดน้ำ แล้วไหลไปตามคลอง
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู กาญจนบุรี
⛰⛰🌳🌳🌳💦💦💦
ห่างหายจากการเที่ยวประมาณ 2 เดือน ก่อนตัดสินใจไป เปิดเจอแต่รีวิวในเพจต่างๆมากมาย ในเรื่องของความสนุก คุ้มค่า แต่จองยากมากและเปิดไม่กี่เดือน และกำลังจะปิดฤดูกาลสิ้นเดือนเมษายนนี้แล้ว จึงติดต่อไปที่ Gogotrip ที่ใช้บริการอยู่บ่อยๆ และสามารถไปเป็น 1 day trip ได้ จึงตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเดินทางแบบไม่คิดอะไรมาก
หลังจากลำคลองงูปิดมา 2 ปีเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ปีนี้กลับมาเปิดอีกครั้ง แต่เปิดเพียงถ้ำเดียวคือ ถ้ำนกนางแอ่น ในส่วนของถ้ำเสาหิน ไม่ได้เปิดเนื่องจากมีพี่ช้างเข้ามาจองพื้นที่อยู่ ทำให้ทริปนี้สามารถเป็นทริป 1 day trip ได้ คือ ใช้เวลาครึ่งวันในการเที่ยว โดยจะแบ่งเป็นรอบเช้า - รอบบ่าย แล้วแต่ว่าใครจะจองได้ช่วงไหน และอีกอย่างต้องเตรียมผลการตรวจ ATK ที่รับรองโดยสถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่รับรอง ไม่เกิน 48 ชม. มาให้เจ้าหน้าที่ด้วยครับ
---การเดินทาง---
พวกเราเริ่มเดินทางโดยออกจาก ปตท. สนามเป้า ประมาณ 22:30 น. ลุงรถตู้ขับไวมากจึงถึงที่หมายไวกว่ากำหนดหน่อย ต้องไปนอนรอในปั๊มร่วม 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะพาเข้าไปที่ตลาดตอนเช้ามืดเพื่อหาอะไรทาน แล้วจึงเข้าไปที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูถึงประมาณ 7 โมงเช้า
---เส้นทางการเดิน---
พวกเราจองได้ช่วงเช้า พอประมาณ 7:30 น. เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดของเสร็จก็เริ่มขึ้นรถไปยังกองอำนวยการเพื่อลงทะเบียนแล้วก็จ่ายเงินค่าทำเนียม แล้วก็ฟังอบรมจากเจ้าหน้าที่ถึงเรื่องความปลอดภัย ระหว่างนั้นก็มีน้องลิซซี่ ชะนีน้อย มาโหนไปโหนมาเป็นฉากหลัง พอฟังเจ้าหน้าที่เสร็จก็ขึ้นรถเพื่อไปจุดเริ่มเดิน โดยตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในการนั่งรถ ระหว่างทางมีแวะเอาเสื้อชูชีพกันก่อน แล้วขึ้นรถเดินทางต่อ ระยะทางการเดินไม่ไกลมากประมาณ 2 กม. เป็นทางชัน บางช่วง พอได้กระตุ้นน่องขา ระหว่างทางเดินก็จะเจอจุดชมวิวผานกนางแอ่น ให้แวะถ่ายภาพ เดินไปไม่นานมากประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็จะถึงถ้ำทะลุมิติ คือต้องมุดเข้าไปในช่องมืดๆก้มต่ำๆ แล้วก็จะไปโผล่ ณ ปากถ้ำนกนางแอ่น มีนกนางแอ่นบินวน ให้บรรยากาศถ้ำแบทแมนมาก เดินไปอีกไม่ไกล ก็จะถึงจุดกระโดดน้ำที่ 1 (ใครไม่โดดก็ได้ เดินอ้อมลงน้ำไป) ตรงจุดนี้เหมือนจะไม่สูงมาก แต่พอเดินไปตรงจุดโดดก็แอบเสียวพอสมควร แต่โดดไปแล้ว สดชื่นมากกก น้ำไหลแรง ปล่อยตัวปล่อยกายไหลไปตามน้ำได้เลยครับตรงจุดนี้ เราไหลไปเรื่อยตามน้ำ จนไปถึงอีกถ้ำหนึ่ง ตรงนี้จะมีกระแสน้ำแรงหน่อย ก็ต้องเกาะเชือกแล้วปล่อยไหลไปตามน้ำ เพื่อขึ้นไปจุดที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ (รูปตามปกของทริปนี้เลย) ในถ้ำนี้ จะมีหินงอกหินย้อนสวยงาม หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็เดินอออกจากถ้ำ โดยเดินขึ้นทางชันเล็กน้อยเพื่อเข้าไปถ้ำเอเลี่ยน มองไปจะเจอหินที่ลักษณะเหมือน Alien มากๆ น้อง Staff บอกว่าให้ดูดีๆ จะมีคิงคองและอนาคอนด้า ซ้อนอยู่ด้วย และให้มองไปด้านบนจะเจอมือแม่นาคอีก ซึ่งก็จริงอย่างน้องเขาว่าเหมือนจริงๆครับ พอเลยจุดนี้ไปก็จะเจอจุดกระโดดน้ำจุดที่ 2 ตรงนี้จะสูงกว่าจุดแรกประมาณ 1 เมตร เสียวกว่าเดิมแน่นอน แต่ก็มาแล้วก็ต้องโดดอ่ะนะ ใครไม่กล้าก็เดินลงด้านซ้ายไปกับน้อง staff ได้ครับ เสร็จแล้วก็จะลอยคอไปกับยังจุดสิ้นสุดที่ต้องขึ้นจากน้ำแล้วเดินขึ้นทางชันประมาณ 2-300 เมตร เพื่อกลับไปทางเดิมที่เรามา เพื่อกลับไปยังรถที่นั่งมาครับ
---สรุป---
ทริปนี้สนุกมาก เป็นทริปที่เหมือนผจญภัยมากกว่าเดินป่า น้องๆในทริปและน้อง Staff ที่ดูแลเป็นกันเองมากครับ และสำหรับใครว่ายน้ำไม่เป็นไม่ต้องกลัวเลย มีชูชีพใส่สบาย ลอยไปเรื่อยๆ เอาจริงๆระยะทางสั้นไปหน่อย ถ้าได้ลอยอยู่ในน้ำนานๆ กว่านี้ก็คงดี แนะนำท่านใดมีสัมภาระที่เปียกน้ำไม่ได้ให้ใส่ถุงกันน้ำซ้อนเข้าไปในถุงกันน้ำอีกชั้นนะครับ เพราะยังไง 80% ไม่รอดครับ น้ำเข้าแน่นอน แต่เข้าในปริมาณที่ไม่มากครับ ซึมนิดหน่อย เอาไว้ปีหน้าไปอีกแน่นอน ถ้าไม่พลาดไม่เกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆอีก ถ้ำเสาหินเปิดคงได้นอนค้าง 1 คืนแน่นอนครับ
ปล. ที่อุทยานมีน้ำตกนางครวญเดินประมาณ 1 กม.ไปเล่นน้ำตกได้นะครับ แต่ผมไม่ได้ไป เอาไว้ไปเก็บครั้งหน้า
see you again นะลำคลองงู
ขอขอบคุณ: รูปภาพจากพี่เต็นท์ น้องเจน และน้องเบน พี่ๆเพื่อนๆ น้องๆ ร่วมขณะในวันนั้นนะครับ เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
Photo date: APR 24, 2022
#ลำคลองงู
#อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
#กาญจนบุรี
"สันคมมีด ไม่น่ากลัวเท่าแสงแดดที่แผดเผา" 😎😎😎
ขอขอบคุณวิดิทัศน์จาก คุณ บัญชา Bancha Nuannate

เขาเหมน : ฝนตกตลอดวัน เดินชันตลอดทาง (ขี่พายุทะลุหมอก)
อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง นครศรีธรรมราช
⛰⛰🌳🌳🌧🌧🌧🌪🌪
ทริปป่าใต้ครั้งแรกของผม ณ เขาเหมน อำเภอนาบอน นครศรีธรรมราช หรือ เขาพระสุเมรุ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง สูงประมาณ 1,307 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เป็นยอดเขาที่สูงอันดับ 2 ของภาคใต้ อากาศหนาวเย็น ลมพัดแรงและมีเมฆปกคลุมเกือบทั้งปี เป็นทริปที่อยากลองไปเจอกับบรรยากาศป่าใต้บ้าง ทริปนี้ไปกับ #บรรลัยทีม เช่นเดิม ที่เคยด้วยกันหลายทริปแล้ว สมาชิกส่วนมากก็เป็นเพื่อนๆน้องๆที่เคยไปด้วยกันมาก่อน ทริปนี้ไม่ได้เอากล้องออกมาจากเป้เพื่อมาถ่ายรูปเลย เนื่องจาก ฝนตกหนักมาก ทำให้รูปที่ได้มา เป็นรูปจากมือถือ ของผมและสมาชิกในทีม
---การเดินทาง---
พวกเราเริ่มขึ้นรถตู้ที่หมอชิด ประมาณ 19:00 น. ก็เริ่มออกเดินทาง ด้วยเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เพราะก่อนหน้านี้ไปแต่ป่าเหนือ ตลอดเส้นทางมืดพอสมควร และเป็นเส้นทางตรงยาวเยอะพอควร ไม่ค่อยมีโค้ง ประมาณ 7 โมงเช้า ก็ไปทานอหารเช้าและซื้ออาหารเพื่อทานตอนกลางวันที่ สถานีรถไฟคลองจัง แล้วเดินทางต่อไปที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง (ตย.1) เพื่อเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดของ เตรียมขขึ้นรถไปจุดเดิน ณ จุดนี้
---เส้นทางการเดิน---
ทริปนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจนัก ก่อนเดินทาง ก็ดูๆพยากรย์อากาศมาบ้างว่า ที่นี่ฝนตกแน่ๆ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฝนตกตั้งแต่นั่งรถมาช่วงประมาณ ตี 3 ในช่วงเช้าก็ยังคงตกอยู่ แต่ไม่หนักมาก
พวกเราเริ่มขึ้นรถเพื่อไปยังจุดเดินที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก โดยขึ้นรถกระบะของเจ้าหน้าที่ ไปบยังจุดเดิน ประมาณ 10:30 น. ก็เริ่มเดินกัน ฝนก็ตกอยู่ตลอด แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือลมที่แรงพอสมควร ช่วงแรกก็เจอทางชันเลย เหมือนจุดเริ่มเดินก็คือจุดเริ่มปีน ทางเป็นเนิน ชันขึ้นไปเรื่อยๆ รอบตัวเป็นป่าดิบชื้น อากาศเย็นไปจนหนาวด้วยฝน ทางเดินค่อนข้างลื่น และบางจุดเป็นหินที่ต้องปีนขึ้นไป มีบางช่วงเดินลุยทางน้ำที่เป็นหินขึ้นไปเรื่อยๆ บางช่วงก็จะเป็นหินล้วนๆที่ต้องปีนขึ้นไป ตรงนี้ลมแรงมาก และฝนก็ตกหนักมาก หมอกปกคลุม ขาวไปหมด มองไม่เห็นวิวอะไรเลย ระยะทางรวมๆอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกว่า น่าจะเกือบๆ 4 กิโล ด้วยซ้ำ เพราะค่อนข้างไกลพอสมควร เนื่องจากเป็นทางชันไปเรื่อยๆ กินแรงมากๆพอสมควร
---จุดพักแรม---
พวกเราไปถึงจุดพักแรมประมาณ 14:00 น. ใช้เวลาเดินกันประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถือว่านานไม่ช้ามาก แต่ขึ้นไปก็ต้องไปหาที่กางเต็นท์กัน เพราะวันนั้นมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปค่อนข้างเยอะ น่าจะประมาณ 50 คนได้ บางคนเอาเปลไป บางคนก็เอาเต็นท์ไป จุดที่พักก็รองรับมีพื้นที่ให้ทั้งสองแบบ ส่วนผมเองเอาเต็นท์ไป พื้นที่กางเต็นท์ค่อนข้างมีพอสมควร ทั้งข้างบน และข้างล่าง ด้านในและด้านนอก ด้านล่างกับด้านนอกก็จะเจอลมกับพายุฝนที่รุนแรงหน่อย ผมเลือกกางด้านล่าง ด้านในกับน้องอีก 2 คน ช่วยกันกางทีละหลัง พื้นที่แฉะมากๆ โชคดีที่มีเสื้อกันฝนเอามาปูด้านในซับน้ำได้อีกชั้น และแผ่นรองนอนช่วยได้มากๆที่จะไม่ต้องนอนแบบหลังเปียก
---จุดชมวิว---
จริงๆแล้ว ช่วงเย็น เราต้องไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดเขาเหมน แต่ด้วยฝนตกลมแรงมาก และหมอกที่ปกคลุมหนามากๆ ทำให้ไม่เห็นอะไรแน่ๆ ทำให้ทำได้แค่นอนอยู่ที่เต็นท์ มีออกมาจากเต็นท์คือตอนที่ออกมาทำอาหารทานกัน
พอช่วงเช้า ฝนยังคงตกอยู่ คุยกับน้องๆว่าไหนๆก็มาแล้ว ก็ควรขึ้นไปยอด เพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดกางเต็นท์ ประมาณแค่ 200 เมตร (ทางชัน) ก็เลยตื่นกัน ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเก็บของเก็บเต็นท์เข้าเป้ แล้วขึ้นไปที่ยอด ทางขึ้นพอขึ้นไปจะเจอสองทางแยก ทางขวาจะเป็นจุดชมวิว จุดยอดของเขาเหมน ที่มีป้ายให้ถ่ายรูปกัน จุดนี้ลมและฝนยังคงโคตรแรงอยู่ ด้านบนมองไม่เห็นอะไรเลย หมอกปกคลุมขาวไปหมด พอถ่ายรูปเสร็จก็เดินไปทางแยกซ้าย โดยมีระยะทางประมาณนึง (น่าจะราวๆ 400 -500 เมตร) โดยฝั่งนี้จะเป็นพระธาตุให้ไหว้สักการะ
---สรุป---
สำหรับทริปนี้ เขาเหมน ป่าใต้ครั้งแรกของผม โคตรมันส์ นึกถึงตอนเด็กๆที่ชอบลุยดิน ลุยโคลน ได้ลุยฝน ลุยพายุ แต่ในอีกทาง เรื่องวิวที่จะขึ้นไปดู โดนมหอกปกคลุมขาวไปหมด ไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเรามาสุดๆแระสำหรับเขาเหมน จริงๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากมาอีกครั้งเพื่อมาดูวิวจากบนยอดเขา เพราะมีอยู่ช่วงนึงตอนกำลังเดินลง ฟ้าเปิดมานิดหน่อย ทำให้เห็นวิวด้านล่าง สวยมากเลย เอาเป็นว่าถ้าใครจะมาเขาเหมน ดูพยากรย์อากาศดีๆ เตรียมตัวเรื่องกันฝนดีๆ เลย เพราะถ้าของในเป้เปียกนี่ไม่สนุกเลย และตอนกลับมาถึง หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง (ตย.1) ได้อาบน้ำตกด้วย น้ำเย็นสะใจมาก อย่าลืมไปแช่กัน
ปล. เส้นทางเดินเขาเหมนไม่มีทากนะครับ
see you again นะเขาเหมน
ขอขอบคุณ: ทีม #บรรลัยทีม พี่ๆเพื่อนๆ น้องๆ ร่วมคณะในวันนั้นนะครับ เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
Photo date: Feb 26-27, 2022
ขอขอบคุณรูปทริปนี้จากสมาชิกร่วมทริปทุกท่านครับ (จารย์หนาว / จารย์ตูน / จารย์เบส / พี่ต้น /น้องภู /น้องเกด / น้องฟาง / น้องเนย /พี่โอ๊ต )
#เขาเหมน #อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง #นครศรีธรรมราช

ดอยหลวงเชียงดาว Ver. Lord of the rings

สันหนอกวัว : เนินหมาถอย ใครถอยเป็นหมา!
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
⛰⛰🌳🌳🌳🌳🌞🌞
ทริปที่ 2 ของผม กับการเริ่มเที่ยวป่าเขา ทริปนี้ผมไปตั้งแต่วันที่ 19-20 ธันวาคม 2020 ก็ร่วมๆ 2 ปีมาแล้ว แต่เอามาลงใหม่เนื่องจาก เพจเดิมที่เคยลงไว้โดนแฮ็ค แล้วก็บายๆ ไม่ได้คืนและหายไปแล้ว ครั้งนี้เลยมานั่งเลือกรูปลงใหม่อีกที การรีวิวคงไม่สดใหม่เหมือนที่เคยทำแบบลงเขากลับบ้านมาทำสดๆร้อนๆ จะพยายามรื้อความทรงจำมารีวิวให้ได้มากที่สุดครับ
สันหนอกวัว มีระดับความสูง 1767 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ทางเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี ในการเดินนั้น ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง
สิ่งที่จำได้เลยคือ ช่วงนั้นมีแต่คนไปสันหนอกวัวกัน เราเองตัดสินใจค่อนข้างช้า จึงตกขบวนไปหลายกลุ่ม แต่โชคดีได้กลุ่มพี่โบว์ (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ที่มาหิ้วผมไปด้วย และก็ไปเจอกลุ่มเพื่อนๆที่เคยไปเดินที่ม่อนจองด้วยกันอีก 4 คน ที่มากับพี่โบว์ด้วย ก็เลยกลายเป็นทริปชิวๆ คนกันเองเลยครับ
---การเดินทาง---
ผมตัดสินใจที่จะขับรถไปเอง เพราะอยู่ไม่ไกลมาก แล้วไปเจอพี่ๆที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ออกจากที่บ้าน (ปทุมธานี) ประมาณ 5 ทุ่ม ขับรถช่วงกลางคืน ถนนก็จะโล่งๆหน่อย เจอปั๊มก็แวะเรื่อยๆเลย แก้ง่วง ไปถึงก็ประมาณ ตี 3 กว่าๆ ก็นอนรอในรถเพื่อลงทะเบียน เพื่อขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 8 โมงเช้า โดยการจัดการเช่าเต็นท์ หรือลูกหาบก็ ณ จุดนี้เลยครับ พวกเราอยู่กับถึงประมาณเกือบ 9 โมง ขึ้นรถคันสุดท้ายไปจุดเดิน
---เส้นทางการเดิน---
เนื่องจากมาทริปนี้ค่อนข้างกะทันหัน ผมไม่ได้ดูรีวิวอะไรมาเท่าไหร่นัก รู้แค่ว่า มันจะเนินอยู่จุดหนึ่งที่ชื่อเนินหมาถอย ที่จะโหดหน่อย พวกเราเริ่มเดินประมาณ 10 โมง (ถ้าจำไม่ผิด) เส้นทางช่วงแรก ค่อนข้างเป็นทางราบสลับเนินเล็กๆ มีที่ให้พักเป็นจุดๆไปเรื่อย (ชอบแบบนี้มาก เวลามีที่ให้พักเป็นจุดๆไป มันทำให้มีกำลังใจมากกว่าเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงซะที แล้วไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้ว) มาถึงตรงเนินหมาถอยก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายแล้ว ก็พักทานข้าว ก่อนจะขึ้นเนินหมาถอย เนินหมาถอย (จริงๆอย่าเรียกเนินเลย ชันขนาดนี้มันไม่ใช่เนินอ่ะ) มีเชือกให้ช่วยดึงพยุงตัวขึ้นไป เอากินแรงพอสมควรเลย ผ่านจุดนี้ไปก็เจออีกหลายเนินอยู่พอสมควรแก้ความชัน แต่ก็สลับกับทางราบและเนินซึมๆ ระหว่างทางก็มีพันธ์ไม้ ให้ถ่ายตลอดทาง
---จุดพักแรม---
พวกเราไปถึงจุดพักแรมเวลาประมาณ 15:30 น. ใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชม.ครึ่ง กับระยะทางประมาณ 8-9 กม. ถือว่าค่อนข้างเร็วพอสมควร ณ จุดพักแรมกางเต็นท์ มีให้เลือกสองจุดใหญ่ๆ คือก่อนถึงสันหนอกเล็ก กับอีกจุดคือหุบตรงกลางระหว่างสันหนอกเล็กกับสันหนอกใหญ่ พวกเราเลือกกางเต็นท์กันที่ตรงหุบตรงระหว่างสันหนอกเล็กกับสันหนอกใหญ่ ผมและเพื่อนเลือกจุดกางเต็นท์ริมผา เพราะดูแล้ววิวดีสุดๆเมื่อออกมาจากเต็นท์แน่นอน (แออัดกัน 3 เต็นท์ ณ จุดๆนั้น) ตรงจุดกางเต็นท์นี้ หันหน้าไปออกไปทางผา ซ้ายมือจะเป็นสันหนอกใหญ่ ขวามือจะเป็นสันหนอกเล็ก เลือกเดินได้สะดวกกว่าจุดกางเต็นท์แรก เพราะถ้าจะมาที่สันหนอกใหญ่ ก็จะต้องเดินข้ามสันหนอกเล็กมาก่อน แล้วถึงจะขึ้นไปสันหนอกใหญ่ ถือว่าหุบตรงนี้เป็นจุดที่เหมาะมากๆ แต่ก็ต้องแลกมากับความหนาวโคตรๆ เพราะจุดนี้เหมือนเป็นจุดที่ลมผ่าน รับลมเต็มๆ ตอนกลางคืนมีหนาวหน้าชากันเลยทีเดียว
---จุดชมวิว---
จุดชมวิว มีด้วยกันสองจุดใหญ่ๆคือสันหนอกเล็กกับสันหนอกใหญ่ ตอนเย็นผมเลือกเดินไปทางสันหนอกเล็ก เพื่อไปถ่ายภาพกับป้ายผู้พิชิต ทางสันหนอกเล็กมองกลับยังจุดที่ตั้งแคมป์แรก จะเห็นเป็นวิวเขาเรดาร์ ตรงนี้ตอนเย็นพระอาทิตย์ตก ถ่ายรูปสวยมาก ส่วนในช่วงกลางคืนนั้น ดาวที่นี่ชัดเจนแจ่มๆมากๆ ใครทนหนาวได้นี่คือสวรรค์ของการถ่ายดาวเลยทีเดียว ส่วนในช่วงเช้านั้น ผมเลือกขึ้นไปที่สันหนอกใหญ่ โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำขึ้นไป เดินไม่ไกลมาก ด้านบนวิวอลังการณ์มาก มองกลับมาที่สันหนอกเล็กจะสวยมากๆ หรือใครที่ชอบถ่ายแบบย้อนแสง อันนี้ก็สวยเลย ระหว่างทางเดินกลับมีมุมให้ถ่ายภาพเยอะมาก คุ้มค่าการเดิน
---สรุป---
ที่นี่แม้ทางเดินจะไกลไปซะหน่อย ประมาณ 8-9 กม. แต่เรื่องความคุ้มค่าของบรรยากาศ และวิวนี่หายห่วง บรรยากาศตอนเช้า perfect มากๆ ทั้งวิว ทั้งบรรยากาศที่ได้รับ การได้นั่งหน้าเต็นท์ จิบเครื่องดื่ม มองไปสันหนอกใหญ่ ลมพัดหน้าเบาๆ มันดีจริงๆนะ หลายคนอาจจะบอกว่าที่นี่โหด แต่ส่วนตัวผมว่าที่นี่เดินสนุกมาก เดินอากาศก็ไม่ร้อนมาก เพราะอยู่ในป่าซะส่วนใหญ่ และสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ที่นี่เป็นอีกที่นึงที่ไม่ควรพลาด วิวดี มุมเยอะ คุ้มค่ามาก ไม่แปลกใจเลยที่หลายๆคนมาซ้ำที่นี่หลายครั้งมาก
see you again นะสันหนอกวัว
ขอขอบคุณ: พี่โบว์ และพี่ๆเพื่อนๆ ร่วมขณะในวันนั้นนะครับ เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
Photo date: Dec 19-20, 2020
#สันหนอกวัว #อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

ขอพลังจงอยู่กับท่าน ในการทำงานวันเสาร์ 🙁
ณ ดอยหงอนไก่, แม่ฮ่องสอน

ดอยหงอนไก่ ดอยปุยหลวง :
ชัน ชิล มินิมอล ฮิปสเตอร์ เดินง่าย วิวหลักล้าน
อ.แม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน
⛰⛰🌳🌳🌳🌳🌞🌞
ทริปที่ 2 ของปี 2022 ที่ห่างจากดอยหลวงเชียงดาวมาเพียง 2 วัน รอบนี้ไปลุยต่อที่ ดอยหงอนไก่ หรือ ภาษากะเหรี่ยงปกากะญอเรียกว่า “ เกลอห่าโข่สี่ “ โดยเขาหงอนไก่ มีความสูง 1,716 เมตร และ ดอยปุยหลวง มีความสูง 1,720 เมตร ทริปนี้ 2 วัน 1 คืน ไปกับ #บรรลัยทีม (มึงจะเอาชื่อนี้จริงหรือ!!?) ที่แม่ฮ่องสอนผ่านโค้งอันแสนมึนหัว ไปยังดอยที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยของสันเขา และความเสียวเวลาเดิน อีกทั้ง ความชันที่ไม่ปราณีน่องขาเราเลยทีเดียว ในช่วงนี้ที่ไปออกจะเป็นช่วงที่มีฝนหลงฤดูมา ก่อนหน้านี้ ตกติดๆกันมาตลอด ตั้งแต่ที่ดอยหลวงเชียงดาว ครั้งนี้เลยต้องลุ้นว่าจะไม่โดนฝนเล่นงานเอา
---การเดินทาง---
เราเดินทางด้วยรถตู้ของพี่แจ็คเจ้าเก่า ที่เคยใช้บริการรถตู้เดินป่า เรื่องเส้นทางหายห่วง ห่วงอย่างเดียวที่ต้องฟันฝ่าโค้งเป็น พันๆโค้ง กว่าจะถึงจุดหมาย เล่นเอาต้องข่มตาให้หลับเพื่อไม่ให้เมาโค้ง เราไปถึงจุดนัดหมายที่ปั๊ม ปตท. แม่ฮ่องสอน ที่นัดกับพี่ที่นำทางไว้ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมของ ขึ้นรถ 4x4 เพื่อขึ้นไปยังจุดเดิน เวลาประมาณ 11:30 น. เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อย เวลาประมาณ 12:00 น. สมาชิกทั้ง 10 คน ก็เริ่มเดินทางทาง ไปยังจุดเริ่มเดินที่ต้องผ่าน อช. น้ำตกแม่สุรินทร์ นั่งรถกันประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ก็ถึงณ จุดเดิน เส้นทางยังมีการก่อสร้างถนนเป็นจุดๆ เล่นเอาน่วมไปพอสมควรกว่าจะถึงจุดเริ่มเดิน
---เส้นทางการเดิน---
เราเริ่มเดินกันประมาณ 13:30 น. ปกติเส้นทางการขึ้น ดอยหงอนไก่ ดอยปุยหลวง ขึ้นได้หลายทาง บางคนขึ้นทางดอยปุยหลวง ก็จะใช้เวลาและระยะทางความชันที่น้อยหน่อย แต่พวกเราเลือกที่ขึ้นทางดอยหงอนไก่ ที่จะผ่านดอยหว่าวาโจ (ดอยไผ่ขาว) ก่อนถึงดอยหงอนไก่ การเดินนั้นไม่ยาก แต่เหนื่อย เนื่องจากเป็นทางที่จะไต่ระดับความชันไปเรื่อยๆ ชันแล้วชันอีก ชันไปหน๊ายยยยย แต่โชคดีที่ทางชันนั้นอย่างน้อยก็เป็นทางชันที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ทำให้ไม่ร้อนมาก และระยะทางนั้นก็ไม่ได้ไกลมาก เดินมาประมาณ ชั่วโมงครึ่งเราก็จะเห็น ดอยหว่าวาโจ ทางขวามือ จุดที่ยังไงก็ต้องถ่ายรูป (เห็นแล้วนึกถึงเขาช้างเผือก) จุดนี้จริงๆแล้ว เราสามารถเดินฉีกขาลงไปทางดอยหว่าวาโจ ไปดูวิวได้นะครับ แต่พวกเราไม่ได้ไป เราเดินกันต่อเพื่อไปดอยหงอนไก่ ณ จุดนี้ มีให้เลือกสองทางนะครับ จะเลาะลัดเขาไปหรือจะเดินไปบนสันเขาเรื่อย คนนำทางเราเลือกให้เราเลาะเขาไปเรื่อย เนื่องจากถ้าเดินบนสันเขาค่อนข้างลำบาก อันตราย แต่เส้นทางที่เลาะเขาไปนั้น ก็อันตรายไม่ต่างกันเลย ซ้ายมือเป็นแนวเหวลงไปเช่นกัน ต้องใช้สมาธิในการเดินพอสมควร ทางเดินเป็นทางราบ สลับกับชันที่ต้องดึงตัวนิดหน่อย ประมาณ 16:30 น. ก็ถึงดอยหงอนไก่ได้อย่างปลอดภัยทุกท่าน ใช้เวลาการเดินไปประมาณ 3 ชม.กับระยะทางประมาณ 4 กม. กว่าๆ
---จุดพักแรม---
จุดพักแรม ที่สามารถกางเต็นท์ได้มีอยู่ไม่มากนัก รองรับนักท่องเที่ยงได้ไม่น่าเกิน 10-20 คนนี่เต็มที่ สุด ๆ เพราะพวกเราเอง 9 เต็นท์ ก็แน่นพอควรเลยทีเดียว มีมุมให้ไปกางตรงหน้าผา มีสองจุด ตื่นมาสวยๆ แต่พื้นอาจจะเอียงนิดนึง มองระดับทำเลดีๆครับ บรรยากาศและอากาศค่อนข้างดีมากหนาวกำลังดี ประมาณ 9 องศา พอตกดึกก็ลดลงอีกนิดหน่อย มีสัญญาณโทรศัพท์ บางเครือข่าย (ของผมใช้ True มีพอใช้ได้ แต่จุดที่เป็นผาที่กางเต็นท์สัญญาณแรง) ตรงนี้ ค่อนข้างส่วนตัว เพราะไม่มี group อื่นเลย เนื่องจากส่วนมากจะไปกางอยู่ที่ปุยหลวง หรือดอยหว่าวาโจ กัน
ปล. ไม่มีแหล่งน้ำนะครับ พกน้ำกันขึ้นไปด้วย
---จุดชมวิว---
ณ บริเวณ ดอยหงอนไก่ที่พวกเราพัก สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหงอนไก่ และยอดที่อยู่ข้างๆเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกในตอนเย็นได้ โดยมองไปทางที่เดินมาก็เจอกับวิวในส่วนของดอยหวาหว่าโจว จุดนี้สวยมากๆ แต่ถ้าหันหลังกลับไปก็จะเห็นดอยปุยหลวงไกลๆ สวยงามเช่นกัน แต่การที่จะขึ้นไปนั้น ชันเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ขาลงต้องนั่งค่อยๆไถลงมากัน ส่วนตัวที่นี่ผมค่อนข้างประทับใจมากเนื่องจากวิวสวยมากๆ ทั้งตอนเย็นและตอนเช้าที่มาดูพระอาทิตย์ขึ้น มีเขาเป็นเลเยอร์สวยงาม ใครที่ชอบเขาเลเยอร์ๆ ที่นี่มีให้อย่างจุใจ
---ดอยปุยหลวง---
ในส่วนของดอยปุยหลวงนั้น จะเป็นทางผ่านที่พวกเราเดินทางไปในตอนอีกวันนึง ที่จะกลับโดยกลับลงไปทางบ้านห้วยฮี้ จากดอยหงอนไก่ จุดที่เราพักแรม เดินทางไปดอยปุยหลวง มีให้เลือกสองวิบากกรรม นั่นคือทางแรกคือมุ่งตรงเดินทางสันเขาไปเรื่อยๆ อันนี้ดูท่าจะเป็นวิบากกรมที่หนักพอสมควร ผู้นำทางของเราจึงเลือกพาเราฉีกขวาเดินเลาะเขาไปเช่นเคย ทางเดินไม่โหดมาก เป็นทางราบสลับเนินซึมนิดหน่อย ใช้เวลาไม่นาน ไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ถึงดอยปุยหลวงแล้ว เนื่องด้วยที่เราไปกำลังจะเข้าหน้าแล้ง ดอยปุยหลวงที่เห็นจึงเป็นภูเขาแห้งๆ สีน้ำตาล แต่ก็ยังคงความสวยอยู่ พวกเราขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน ตรงจุดนี้แนะนำเลยเพราะว่าวิวสวยมาก มองกลับไป จะเจอเลเยอร์เขาแบบอลังการสุดๆ หลังจากถ่ายรูปเสร็จพวกเราก็เดินลงจากดอยปุยหลวง เพื่อเดินทางกลับไปยังจุดขึ้นรถ 4x4 ตรงนี้ เป็นระยะทางไม่ไกลมาก แต่เป็นทางลงตลอด (แมงกาไซด์ของชาวบ้านขึ้นได้) ตรงนี้ทรมานหัวเข่าพอสมควร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชม.ก็มาถึงจุดขึ้นรถ
---สรุป---
แม้ทางเดินจะชันและหวาดเสียวในบางลีลา แต่ด้วยระยะทางเดินที่ไม่ไกล ที่เราจะได้วิวที่โคตรสวย คุ้มค่าการเดินทางฝ่าฟันโค้งนับพันมา คุ้มค่ากับมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ที่หลงมากับ #บรรลัยทีม ที่นี่ถ้าให้เปรียบเทียบเหมือนคุณได้มาม่อนจอง+เขาช้างเผือก จริงๆยังมีอีกหลายจุดที่ยังเดินเก็บไม่หมด ดอยหวาหว่าโจว เราก็ยังไม่ได้เดินไป และที่สำคัญอยากลองมาในช่วงที่เป็นฤดูหนาวที่หญ้าเขียวๆ ดอกไม้เยอะบนปุยหลวง อีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ ผมว่าตอนนี้ ม่อนจอง มีคู่แข่งความชิลมินิมอลฮิปสเตอร์เดินง่ายวิวหลักล้านแล้วล่ะ
see you again นะดอยหงอนไก่ ดอยปุยหลวง
ขอขอบคุณ: พี่นำทางและลูกหาบ พี่แจ๊ครถตู้ คนขับรถตู้ นรินทร์ (หลับสบาย มั่นใจในการขับขี่ได้เลย) และเพื่อนๆร่วมทริปทุกท่าน เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
Photo date: Jan 22-23, 2022
#ดอยหงอนไก่ #ดอยปุยหลวง #บรรลัยทีม

ดอยหลวงเชียงดาว : เราคือนักศึกษาธรรมชาติ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่
⛰⛰🌳🌳🌳🌳🌞🌞
ทริปแรกของปี 2022 ที่จองไว้ตั้งแต่ปีก่อน กับทาง Gogotrip Thailand เจ้าประจำที่ผมใช้บริการบ่อยๆ การจองของรอบปีนี้ เป็นครั้งแรกที่จะต้องมีการอบรมก่อนขึ้นดอยหลวงเชียงดาวก่อน 1 วัน เนื่องด้วยตอนนี้ ยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน ”พื้นที่สงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่” เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่ง โดยในการอบรมนั้น เจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เป็นในส่วนของภาคประชาชนเข้ามาเป็นผู้บรรยาย เพื่อให้เราตระหนักและเคารพกฎกติกาในการเข้าศึกษาธรรมชาติ ใหม่ แล้วเราก็จะได้บัตรการอบรมมา 1 ใบมีอายุใช้งาน 2 ปี ครั้งนี้ตั้งใจมากๆในการเข้าศึกษาธรรมชาติที่ดอยหลวงเชียงดาว ดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของไทย (2,225 เมตร) เพราะเนื่องจากได้ยินคำร่ำลือมานานมากเรื่องความสวยงาม เลยต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
---การเดินทาง---
ผมเดินทางด้วยรถตู้ของทีมงาน gogotrip ระหว่างก็พยายามข่มตาหลับ แต่แล้วก็ต้องตื่นด้วยเสียงฝนตก ประมาณช่วงดึกของการเดินทาง ในใจคิดถึงความบรรลัยในการเดินขึ้นเขาทันที แต่ยังโชคดีที่มีให้ลุ้นต่ออีกวัน เพราะต้องอบรมก่อน
ในการอบรม ก่อนอบรมก็ทำการเสียบจมูกตรวจ ATK ก่อน ลงชื่อให้เรียบร้อย ก็เข้าอบรม การอบรมค่อยข้างดี ทำให้เข้าใจความเป็นมาของที่นี่ได้ดีเลยทีเดียว หลังจากนั้นอบรมใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่ง ก็แยกย้ายหาข้าวทาน เข้าที่พักเพื่อเตรียมเดินขึ้นเขาหลวงเชียงดาวในวันพรุ่งนี้
---เส้นทางการเดิน---
เช้ามาเราต้องมาลงทะเบียนประมาณ 8:00 น. ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จัดการเรื่องลูกหาบ และเรื่องอุปกรณ์การชับถ่าย หลังจากนั้นเมื่อพร้อมก็ขึ้นรถ 4x4 ชุดละ 5 คนต่อคัน ไปยังอ่างสลุง เพื่อเตรียมตัวเดิน ที่อ่างสลุง มีดอกพญาเสือโคร่งให้ถ่ายรูปด้วย และเมื่อทีมพร้อมก็เริ่มเดิน เวลา ประมาณ 11:00 น. ระยะทางประมาณ 8.5 กม. โดยการเดินทางครั้งนี้ได้ลุง เฉลิม (แกใฃบอกแกชื่อเฉ-ลิม) เป็นผู้นำทางและคอยให้ความรู้ระหว่างทาง ทางเดินช่วงแรกจะเดินทางราบสลับกับเนินซึม บางช่วงไม่ซึมชันนิดหน่อยพอกระตุกต้นขา แต่ไม่ยากลำบากนัก ในใจตอนนั้นลุ้นเพียงแค่ฟ้าเปิด ขอแสงแดด และฝนอย่าตกเป็นพอ เพราะเมื่อคืนช่วงค่ำ ฝนก็เทลงมาอีกรอบ การเดินจึง เปียก แฉะ อับ ชื้น ลื่นพอสมควร เดินไปเรื่อยๆ มองหาดอกไม้ข้างทางไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่พัก ที่มีโต๊ะให้นั่งทานอาหาร มีห้องน้ำ แต่เป็นแบบกั้นเฉยๆนะ เราต้องใช้ถุงฉุกเฉินอยู่ดี ณ จุดนี้ บ่งบอกว่าเรามาถึงครึ่งทางแล้ว และหลังจากนี้เส้นทางก็จะค่อยๆชันขึ้น แต่ไม่ได้ชันระดับปีนป่าย แต่ก็เหนื่อยพอควร ระหว่างทางคอยมองผาด้านซ้ายไว้ เผื่อว่าโชคดี เจอน้องกวางผามายืนโชว์ตัวด้วย ระหว่างทางก็มีฟอสซิลหอยให้ดู มีหินเต่า (ลองมองหาดีๆ) ช่วงนี้จะเป็นเนินซึมๆไปเรื่อยๆ ทำเราซึมไปพอควรเลย ผ่านจุดนั้นมาจะเข้าดงเย็น ป่าที่ดูจะมีหินและมอสขึ้นมากมายๆ เดินอีกไม่นานก็ถึงจุดพักแรมอ่างสลุง ใช้เวลาไปประมาณ 4 ชม.ในการเดินเท้า
---จุดพักแรม---
จุดพักแรม มีหลายจุด มีด้านหน้า ด้านบน ด้านล่าง ผมพักด้านล่าง ในดงป่าทึบๆหน่อย ใกล้กับทางขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว ตรงจุดนี้ลมจะไม่ค่อยผ่านมาถึงเท่าไหร่ ทำให้ไม่หนาวเพราะลมมาก แต่ก็หนาวอยู่ดี อากาศตอนกลางคืนมีเลขตัวเดียว วันที่ผมไปประมาณ 3-4 องศา อาจจะเพราะเนื่องจากฝนตกมาก่อนหน้านี้ด้วย
---ขึ้นดอยหลวงเชียงดาว---
พอเวลาประมาณ 16:30 น. ก็เริ่มทยอยขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวกัน ทางช่วงแรกจะเป็นเนินซึมๆ (อีกแล้ว) พอเลยไปประมาณ 200 เมตรก็จะเริ่มเดินขึ้น ทางค่อนช้างชันมาก ฉะนั้นเอาถุงมือไปด้วยนะครับ บางช่วงต้องดึงเชือกช่วยพยุงขึ้นไป ระยะทางไม่ไกล แต่ก็ใช้เวลาไปร่วม 40 นาทีในการเดินขึ้น วันนี้เป็นวันที่โชคดี ที่ฝนไม่ตกและฟ้าก็ไม่ถึงกับปิดสนิท มีแสงลอดออกมากระทบเขาด้านหน้าสวยงาม ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด สมคำล่ำลือจริงๆ แถมมีน้องกวางผาออกมาโชว์ตัวรอบเย็นอีกรอบ บรรยากาศเย็น ถึงเย็นมาก อุณหภูมิลดลงตามเวลา พอพระอาทิตย์เริ่มตกจนเกือบไม่มีแสง เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มแจ้งให้ทุกคนเริ่มลงจากยอดดอย ขาลงมืดไวมาก ต้องใช้ไฟฉายที่หัวด้วยนะครับ
ช่วงเช้าเวลาประมาณ ตี 4 ตี 5 ผู้คนเริ่มทยอยขึ้นยอดดอยอีกครั้ง เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ไฮไลท์จริงๆน่าจะอยู่ตรงฝั่งเขาสามพี่น้อง ที่ตกกระทบกับแสงพระอาทิตย์ที่ขึ้นมา และหมอกที่มาตามนัดช้าไปหน่อย มาเมื่อตอนที่เจ้าหน้าที่แจ้งให้พวกเราเริ่มลงจากดอย น้องกวางผายังคงทำหน้าที่ออกมาโชว์ตัวอีกเหมือนเช่นเคย ทำให้ทริปนี้ไม่ผิดหวังเลยซักนิด
---สรุป---
แม้ต้องใช้เวลามากกว่าเดิมที่แต่ก่อน 2 วัน 1 คืน กลายเป็น 3 วัน 2 คืน ต้องเพิ่มวันอบรม แต่ก็ไม่เป็นไร เรารู้สึกคุ้มค่ามากที่ได้มา และจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน เพราะเอาจริงๆ ที่นี่เดินไม่ยาก แต่แค่ไกลไปหน่อย (เนินซึมเยอะไปหน่อย) ฮาๆ ดอกไม้มากมายเยอะมาก แต่ช่วงที่ผมมาก็หายไปเยอะ เพราะไม่ใช้ช่วงที่ออกดอกกัน น่าจะต้องกลับมาช่วงปลายๆปี ที่มีดอกเทียนนกแก้วที่อยากเห็น และดอกอื่นๆอีก ยังไงก็ตามทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างประทับใจ ทั้งทีมงาน คนนำทาง (ลุงเฉ ลิม) ที่มีเรื่องเล่าตลอดทาง แนะนำพันธ์ไม้ด้วย ลุงสวยด้วยที่ทำอาหารให้ทาน
และที่สุดเลย คือวิวที่ยอดดอยหลวงเชียงดาว ที่ไม่ว่ามุมไหนอากาศแบบไหนก็สวยได้ในแต่ละช่วงเวลานั้นๆจริงๆ เวลาเปลี่ยนไม่กี่นาที วิวที่มองกลับมาดูอีกครั้งก็เปลี่ยนไปแล้ว มันทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ามากที่มาที่ดอยหลวงเชียงดาวในปีนี้
see you again นะดอยหลวงเชียงดาว
ขอขอบคุณ: เจ้าหน้าที่และทีมงาน gogotrip Thailand และเพื่อนๆร่วมทริปทุกท่าน เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ
Photo date: Jan 16-18, 2022
#ดอยหลวงเชียงดาว #เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
ติดต่อ ธุรกิจของเรา
ที่อยู่
Rangsit
12120
พหลโยธิน
Rangsit, 12120
เพจนี้สร้างขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์ สถานที่ท่องเที่ยว สำหรับผู้มีใจรักในการท่องเที่ยว