วัดพุสวรรค์ WatPusawan จ.เพชรบุรี
ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก วัดพุสวรรค์ WatPusawan จ.เพชรบุรี, พุทธสถาน, 319 ม. 2 ต. พุสวรรค์ อ. แก่งกระจาน, Phetchaburi.
หลวงพ่อ พระอาจารย์อริยวังโสแสดงธรรม (ต้อนรับปีใหม่)
ณ ศาลาบูรพาจารย์ วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เวลา 9.00 น.
กราบนมัสการ หลวงพ่อที่เคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง
เกล้ากระผม ดร.ทองเหมาะ จำปาเงิน เลขาธิการสำนักงานทูตสันติภาพแห่งโลก ประธานดำเนินงานโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดินไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงาน มีความซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง และขอนมัสการขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่หลวงพ่อได้รับอาราธนาแสดงธรรมบรรยายพิเศษในวันปีใหม่พุทธศักราช 2548 ในวันนี้
วันนี้ มีพระภิกษุจำนวน 13 องค์ ซึ่งเป็นพระที่มาจากประเทศศรีลังกา 3 องค์ คือ พระวิมาลา มหาเถระ วัดมหินติสะ พระนันทะ และ พระวังสะ สามเณร 2 รูป ตลอดจนสมาชิกโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ประมาณ 500 คน ที่มาร่วมพิธีในครั้งนี้
บัดนี้ ได้เวลาแล้ว สมควรแล้ว เกล้ากระผมขอกราบอาราธนาหลวงพ่อ ได้แสดงธรรมบรรยายพิเศษ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2548 เพื่อโปรดให้สานุศิษย์ และสาธุชน ตลอดจนสมาชิกโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดินไทยทั่วประเทศ ได้เพิ่มพูนปัญญาบารมี และบุญกุศลราศีสืบไป
กราบนมัสการด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง
ควรมิควรสุดแล้วแต่จะพระเมตตา.
หมายเหตุ เป็นการเทศน์ครั้งสุดท้าย
หลวงพ่อป่วยมาก
แต่ขอหมอลงจากโรงพยาบาลมา
เพื่อมาโปรดญาติโยม ในโอกาสปีใหม่
ต่างเดินทางมาจากจังหวัดไกล ๆ โดยเฉพาะชาวปักษ์ใต้มากันมาก
เสร็จงานแล้ว หลวงพ่อเข้าโรงพยาบาลอีก และท่านได้ทิ้งสังขาร
เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2548 ตรงกับวันศุกร์ แรม 12 ค่ำ เดือน 1 เวลาประมาณ บ่ายสองโมง.
เจริญสุข ศิษยานุศิษย์ และ ศาสนิกชน
วันนี้เป็นวันสมมติของโลกมนุษย์ว่า วันขึ้นปีใหม่ ซึ่งเป็นปีที่ เขาเรียกว่า เศร้าใจอย่างหนัก ฉะนั้น วันใหม่ ปีใหม่ ชีวิต ท่านต้องเริ่มต้นกันใหม่ จะต้องวางโครงการในชีวิตใหม่ ว่าจะทำอย่างไร และ วันใหม่ ปีใหม่ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ อะไรก็ใหม่ ๆ แต่เมียต้องเก่า ถ้าเมียใหม่ ก็จะได้แผลใหม่ ฉะนั้น อันนี้ก็ให้ท่านทั้งหลายว่า นี่คือ หลักแห่งสัจธรรม
ทีนี้ วันนี้ อาตมา เหนื่อย ๆ เพราะว่า ตะกี้นี้ ไปนอนหลับ ฝันไป แล้วก็ พวกลูกศิษย์ก็ปรารถนาดี เอายานาซ่า นาเซ่ออะไรมาให้กิน เลยไปกันใหญ่ กินแล้วเลยเซ่อซ่าไปใหญ่ ฉะนั้น อันนี้ก็เรียกว่า ขอให้เราทุกคนต้องมีหลักสัจธรรมในจิต ที่จะดำเนินชีวิตแบบใหม่
ทีนี้ หนังสือที่จะมาแจกวันนี้ก็ คู่มืออุบาสก อุบาสิกา และหนังสือที่จะประกอบให้ท่านได้ดูก็คือ พุทธทำนาย มนุษย์ต่างดาวยึดโลก 1999 โลกพินาศ ความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ น้ำท่วมโลก อย่างนี้เป็นต้น อันนี้ก็ ท่านไปหาที่ร้านสหพร ดูซิว่าเขามีขายไหม เพราะว่า ตอนนี้มันเหลือน้อยเต็มที่ แล้วก็ ที่จะแจกนั้นน่ะ วันนี้ก็ แจกนี่ ความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ คู่มืออุบาสก อุบาสิกา อันนี้ก็ คติธรรมเอาไปอ่าน สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี ด้านหนึ่งเป็นพระพุทธรูปของจีน เขาเรียก ไทย จีน สามัคคี
เพราะฉะนั้น เป็นการไม่ให้เสียเวลา
แล้วก็อาตมาคงจะแจกด้วยมือตัวเองไม่ไหว
วันนี้ ก็คงจะให้ท่านสุเมโธ ภิกขุ มานั่งตรงนี้
เป็นตัวแทนแจก เพราะว่า
วันนี้มันสังขารมันไม่ไหว ก็ต้องไม่ไหว เราต้องยอมรับ อย่าฝืนนัก
ชีวิตมนุษย์สั้นนัก เขาเรียก วันหนึ่ง มี 24 ชั่วโมง ทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง นอน 8 ชั่วโมง สามแปด ยี่สิบสี่ นี่คือ กฎแห่งธรรมชาติ ที่วางไว้และกฎนี้ เป็นสัจธรรมจนกว่าโลกสลาย สุเมโธ อยู่ไหม ก็ให้มาแจกตรงนี้ แจก ๆ ให้ทั่ว เพราะบางคนอยู่บ้านไกล ก็ให้ดำเนินการ บัดนี้ ผู้หญิงเข้ามาก่อน เลดี้เฟิร์ส ท่านเข้ามาตามลำดับ ไม่ต้องแย่ง ของมีแยะ เพราะว่า ปู่เราเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
เจริญสุข สานุศิษย์ สาธุชน พุทธบริษัททั้งหลาย
พิธีการแจกหนังสือ กับวัตถุมงคล ก็ได้เสร็จสิ้นแล้ว เนื่องจากสังขาร อนิจจัง ไม่แข็งแรงตอนบ่ายจึงงดให้สำนักงานต่าง ๆ เข้าพบ เอาไว้โอกาสหน้า แต่จะฝากไว้อย่างหนึ่งว่า ท่านกลับไปจังหวัดแล้ว ท่านต้องอย่าลืม ดำเนินงานให้เข้มแข็งเพราะปีนี้ ไก่ป่าอาละวาด ถ้าท่านไม่ช่วยก็ช่วยไม่ได้ ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ท่านรู้อยู่แล้ว
ฉะนั้น อาตมาภาพไม่มีอะไร นอกจากอัญเชิญอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก จงคุ้มครองให้ท่านทั้งหลาย อยู่เย็นเป็นสุข ดำเนินชีวิตให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่นี้ต่อไปด้วยเทอญ.
เจริญพร.
บำเพ็ญกุศลฯอุทิศ คุณแม่รัศมี นิจใหม่
วันอาทิตย์ที่26พค.2567
ณ ศาลา พลตำรวจตรี พิบูลย์ ภาษวัธน์
#วัดพุสวรรค์
Vegetarian-สันติ ลุนเผ่ ขับร้อง
บวงสรวงสักการะ-วันฉัตรมงคล 4/5/67
#สำนักวิปัสสนาเกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์แก่งกระจาน
วัดสาขา #วัดพุสวรรค์ ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน วัดพุสวรรค์ WatPusawan จ.เพชรบุรี
4/5/67 บำเพ็ญกุศลฯ ณ สำนักวิปัสสนาเกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์แก่งกระจาน
4/5/67 ศาสนิกชน และคณะสงฆ์ ร่วมอนุโมทนาบุญ บำเพ็ญกุศลบวงสรวง ณ #สำนักวิปัสสนาเกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์แก่งกระจาน #วัดพุสวรรค์
วันเสาร์ที่4พฤษภาคมบวงสรวงเกาะศักดิ์สิทธิ์
เวลา6.30น.ออกเดินทางจากวัดพุสวรรค์
7.30น.ถึงท่าลิงลม ลงเรือไปเกาะศักสิทธิ์
ถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์ รับประทานอาหารเช้า
9.30น.พิธีอัญเชิญธงธรรมจักรขึ้นสู่ยอดเสา
9.39น.พิธีบวงสรวงท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ 2บวงสรวงเจัาแม่กวนอิม 3บวงสรวงพญานาคทั้งสี่ตระกูล 4พิธีสังเวยเจัาที่ เจ้าป่าเจ้าเขา
5พิธีบูชาท่านบรมครูสำนักปู่สวรรค์ ชั้นบนศาลา
พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายภัตตาหารเพล และอธิษฐานน้อมเกล้าฯ
11.00น.ฉันภัตตาหารเพล
ผู้ร่วมพิธีรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกัน
13.30น.เดินทางกลับ
โครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯเพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดินไทย
หลวงพ่ออริยวังโส ภิกขุ
เปิดสัมมนาวัดพุสวรรค์ (เป็นวันที่ 2)
วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2545 เวลา 09.00 น.
#28มีนาชาตกาล
#พระอริยวังโสภิกขุ
#ศ.ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์
#ธรรมนาวา "วัง" พระราขทาน
พระอริยวังโสภิกขุ - ให้โอาทแก่ชาวบ้านแก่งกระจาน
ณ เกาะศักดิ์สิทธิ์พระโพธิสัตว์
วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2538
เจริญสุข ญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย
วันนี้เป็นนิมิตดีเราทั้งหลายได้มีโอกาสมาร่วมสวดมนต์ปฏิบัติธรรมในที่นี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในหลักการถือว่า คนที่จะมาร่วมอยู่ในที่เดียวกันนั้น ในหลักพุทธศาสนาถือว่าจะต้องมีกรรมพัวพันกัน เมื่อมีกรรมพัวพันกันแล้วจึงสามารถที่จะมาร่วมอยู่ในสถานที่เดียวกัน ในที่สวดมนต์เดียวกัน อยู่ในที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมเดียวกัน เพราะอะไรเล่า เพราะท่านทั้งหลายเคยสังเกตุหรือไม่ว่า ถ้าเราเข้าถึงชีวิตเข้าถึงจิตใจของตัวเราเองแล้ว พิจารณาแล้ว บางครั้งเราเดินไปข้างนอก เจอคน บางทีเราไม่รู้จัก แต่ เอ๊ะ ทำไมคนนี้หน้าคุ้น ๆ คิดไม่ออก อย่างนั้นเขาเรียกกรรมพัวพันมาในอดีตชาติ บางทีเดินไปข้างนอก เจอคนอีก ซึ่งเราก็ไม่รู้จัก แต่มองหน้าคนนั้นเราไม่ค่อยชอบใจ ไม่พอใจ นั่นคือกรรมที่ติดกันมาในอดีตชาติมาสู่ปัจจุบันชาติ
เพราะฉะนั้น การสวดมนต์แผ่เมตตา เป็นการสร้างจิตเราให้มีสมาธิและให้มีอภัยทาน ทีนี้วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ขณะนี้ทำเนียบรัฐบาลกำลังเลี้ยงสโมสรสันนิบาต เนื่องจากวันเฉลิมฉลองพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ซึ่งไม่แน่ว่าปีนี้ พระองค์จะเสด็จไปเองหรือเปล่า เพราะว่าทุกปีท่านจะไม่เสด็จ แล้วก็ให้ ถ้าไม่ให้สมเด็จพระบรมฯ ก็ให้สมเด็จพระเทพฯ เสด็จ หลัง ๆ นี้ เพราะว่าพระสุขภาพพลานามัยของท่านไม่ค่อยสมบูรณ์
ทีนี้ ในภาวะเราพูดถึงในหลวงของเราองค์นี้นั้นน่ะ ท่านเป็นอัจฉริยะ และเป็นผู้ที่มีเมตตามาก เพราะอะไรเล่า แล้วประเทศเรานี่ประเทศเดียวเท่านั้น ที่พระเจ้าอยู่หัวมาคลุกคลีกับสามัญชนทั่วไปตามป่าตามเขา เพราะฉะนั้น ครั้งหนึ่งอาตมาภาพไปประชุมที่สหประชาชาติ เขาบอก ในขณะนั้นถ้าเราย้อนกลับไปยี่สิบกว่าปี ทุกคนคงไม่ลืมเหตุการณ์ว่า เราเกิดแตกแยกความคิด แล้วเกิดการต่อสู้ขึ้นมาเรียกว่ามี ผกค. ในยุคนั้นรบกัน ใคร ๆ เขาก็มองแบบ เขาเรียกโดมิโน เมืองไทยนี่จะต้องเป็นคอมมิวนิสต์ตามเวียดนาม ลาว เขมร แต่ทำไมเราไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็ถามอาตมาว่า เพราะอะไร อาตมาก็ตอบเขาที่สหประชาติว่า
หนึ่ง เมืองไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีพระสยามเทวาธิราช
สอง เรามีพระเจ้าอยู่หัวที่เข้าถึงประชาชน
1/11
อาตมาก็ใช้คำว่า ท่านเคยเห็นที่ไหนบ้าง พระเจ้าอยู่หัวคุกเข่าให้ประชาชน ไอ้คนเขาไม่เข้าใจ ตกใจ ก็เวลาท่านไปบ้านนอก ท่านจะคุกเข่า เพราะขาข้างซ้ายท่านไม่ค่อยดี ท่านจะยืนนานเกินไปไม่ได้
ทีนี้ เขาเรียกว่าคนเรานั้นน่ะ อาตมาถึงบอก ท่านอยู่ในป่านั้น เขาเรียก สันโดษ สันติ ถ้าท่านรู้จักใช้ชีวิตที่ดี คนเรานั้นน่ะ เขาเรียก ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งใหญ่ ยิ่งลำบาก และคนเราจะสำเร็จนั้นน่ะไม่ใชอยู่ที่เราคิด ถ้าเราคิด ทุกคนคิดจะเป็นคนรวย ในโลกนี้คงจะไม่มีคนจน ทำไมเป็นไม่ได้ ทุกอย่างที่จะสำเร็จนั้น ชีวิตหนึ่ง ท่านต้องเข้าถึงชีวิต คือวาสนาเก่ามี ดวงขึ้น จังหวะให้ เพราะฉะนั้น เอาเรื่องในหลวงก่อน แล้วค่อยมาเรื่องสวดมนต์ วาสนาเก่ามี ดวงขึ้น จังหวะให้ ยังไง
สมัยปี 2475 ประเทศไทยก็จะเอาแบบอารยประเทศ ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบบเสรีประชาธิปไตย ที่ทุกวันนี้วุ่นวายอยู่ก็เพราะไอ้ระบบประชาธิปไตย ไตพิการ มันก็เลยวุ่นวาย แล้วหลังจากรัชกาลที่ 7 สละราชบัลลังก์ไปอยู่ประเทศอังกฤษ ตามความจริงแล้ว ผู้ที่จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ต่อไป ต้องเป็น พระเจ้าภาณุพันธ์ยุคล ถ้านับตามสาย แต่ว่าในราชสำนักทุกคนลงมติให้มาทางสายเจ้าฟ้าสงขลานครินทร์ คือการเลือกตั้งพระเจ้าอยู่หัวนั้นน่ะ ถ้ามีพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งสวรรคตหรือสละราชบัลลังก์ พระประยูรญาติ จะต้องประชุมก่อนว่าใครจะขึ้นครองราชย์ หลังจากนั้นจึงประกาศให้ประชาชนทราบ ในขณะนั้นสมเด็จพระศรีนครินทร์ก็ไม่ได้คิด แต่เมื่อเขาชี้มาทางนี้ก็ต้องยอมรับ ขณะนั้นอายุท่านยี่สิบกว่า แล้วถ้าเราพูดถึงว่า วาสเก่ามี ดวงขึ้น จังหวะให้ อย่างสมเด็จพระศรีนครินทร์ที่เสด็จสวรรคตไปแล้วนั่น ท่านเป็นสามัญชน เป็นลูกจีนอยู่วัดอนงค์ หลังวัดอนงค์ที่สะพานพุทธ แล้วก็ดูเหมือนตั้งแต่สองขวบ แม่ท่านก็ตาย อย่าใช้ราชาศัพย์ดีกว่า เอาใช้สามัญชน สองขวบแม่ตาย เจ็ดขวบพ่อตาย ก็ส่งเข้าไปในวัง เรียน
คือสมัยนั้นน่ะ ในยุคก่อนนั้นน่ะ วังแต่ละวังเขาจะมีคล้าย ๆ ว่า นางสนมที่ใกล้ชิด หรือมหาดเล็กที่ใกล้ชิด บางทีก็เอามาจากลูกท่านหลานเธอ ลูกพระยา ลูกอะไร พวกนี้มา แต่ท่านอยู่กับคนที่เข้าในวัง และท่านเรียนเก่ง และสอบชิงทุนเจ้าฟ้าได้ ก็ถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอเมริกา ก็ไปพบพระบิดาเข้า ก็ขณะนั้นจะแต่งงานนี่เรื่องใหญ่ เพราะว่าพระนางเสาวภาผ่องศรีที่สร้างกาชาดนี่ สร้างสภากาชาดในเมืองไทยนี่ เป็นพระราชมารดาของเจ้าฟ้าสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นคนเฮี๊ยบ ทีแรกจะไม่ยอมให้แต่งกับนางสาวสังวาลย์ ชูกมล ตอนแรกพระราชชนนีใช้ชูกมล เจ้าฟ้าสงขลานครินทร์ก็เขียนจดหมายมาว่า ถ้าไม่ยอมให้ท่านแต่ง ท่านยินดีสละยศถาบรรดาศักดิ์เป็นสามัญชน ทางนี้ก็ถูกยื่นคำขาดก็ยอมให้แต่ง
2/11
กลับมา แล้วก็มาอยู่วังสระปทุม ซึ่งท่านก็ต้องต่อสู้หลาย ๆ อย่าง
แล้วท่านมีพระเมตตา มีปัญหา ทุกอย่าง มั่นคง จิตใจแข็งแกร่ง อาตมาเคยเฝ้าท่าน สมเด็จพระศรีนครินทร์ ส่วนพระองค์ 2 ครั้ง ที่วังสระปทุม ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง เรื่องเกี่ยวกับส่วนตัว
ทีนี้ ทำไมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านจึงชำนาญเรื่องน้ำ ความจริงเทศน์อันนี้ ความจริงเขาอยากจะนิมนต์ให้อาตมาไปเทศน์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่อาตมากลับมาเทศน์ในป่า ทำไมท่านจึงชำนาญ เขาดรียกจริตของึนไม่เหมือนกีน ตามหลักพระอุปนิสัยท่าน ชอบเรื่องช่าง ชอบเรื่องอะไร วิชาที่ท่านเรียนน่ะ ท่านเรียนวิศวะ แต่เมื่อตอนที่ตอนที่ถูกแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ท่านก็เลยเบนเข็มทิศจากวิศวะ ไปเรียนรัฐศาสตร์ในการปกครอง แล้วขณะนั้น ก่อนที่จะไปก็ได้มีชาวบ้านคนหนึ่ง บอกในหลวงอย่าเรา ท่านก็ตอบว่า ถ้าพวกท่านไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าย่อมไม่ทิ้งท่าน ประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าย่อมไม่ทิ้งท่าน แต่เมื่อครั้งแรกที่ท่านรับสถาปนา ขึ้นมาเป็นพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ท่านก็ให้สัจจะว่า เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม หลังจากนั้นก็ไปศึกษาที่โลซาน เมืองหนึ่งในสวิสเซอร์แลนด์ แล้วสมเด็จพระศรีนครินทร์ท่านอยู่แบบสามัญชน ประหยัดมาก ท่านอยู่อพาร์ทเมนท์อันหนึ่งซึ่งอาตมาก็เคยไปตอนนั้น อยู่แบบสามัญชน หุงข้าวเอง ทำอะไรเอง ทุกสิ่งทุกอย่าง วิ่งก็จะไปเก็บดอกหญ้ามาตากแห้งทำเป็น ส.ค.ส. ปีหนึ่งก็ส่งออกมา เพราะฉะนั้น ในหลวงก็เรียกว่าได้อุปนิสัยอันนี้จากสมเด็จย่าเรา
เพราะฉะนั้น ท่านจึงมี เรียกว่า มีความเรียกว่าเห็นทุกคนนี่เป็นมนุษย์ เป็นคน มีครั้งหนึ่ง มีคนบ้าบุกเข้าไปในวังสวนจิตรคุยกับท่าน ท่านก็นั่งคุยเสียเวลาเป็นชั่วโมง ๆ เสร็จแล้วในขณะนั้นอาตมากับนายพลคนหนึ่งมรธุระกับหม่อมเจ้สวงศานุวัตรในขณะนั้นเป็นราชเลขา บอกนี่ทำไมนัดแล้ว ฝ่าบาทจึงมาช้า เขาบอกนี่มัวแต่เสียเวลากับคนบ้าคนหนึ่ง แล้วบอกว่าทำไมคุย ในหลวงบอกว่า เขาก็เป็นคนเหมือนกันนะ ทีนี้ทำไมท่านรู้เรื่อง ตรงนั้น ตรงนี้เพราะอะไร แต่เดี๋ยวนี้ท่านอาจจะไม่ค่อยออกจากวัง สมัยนั้นท่านจะออกจากวังบ่อย ๆ หลอมตัวออกมา อย่างครั้งหนึ่ง ท่านไปภูเก็ต ก็หนีออกมาเพื่อที่จะไปนั่งที่เมืองถลางก็เดินผ่านไป เห็นแม่ค้าขายข้าวหลาม ท่านก็ซื้อข้าวหลามกระบอกหนึ่ง ให้ร้อยนึง แม่ค้าบอก คุณ ๆ รอทอนเงินก่อนซิ ท่านก็เดินไป แม่ค้าก็มองในแบงค์มองไป เอ๊ะ ตกใจ นี่ในหลวงมาซื่อกับเรานี่ ทั้ง ๆ ที่ในหลวงไปแล้ว แม่ค้าก็กราบใหญ่เลย เสร็จแล้ว ราชองครักษ์ หน่วยรักษาความปลอดภัยวุ่นกันทั้งจังหวัด ตามหาในหลวงหายไปไหน หายจากที่ประทับ ก็มาถึงแม่ค้าขายข้าวหลาม บอก เห็นในหลวงไหม แม่ค้าบอก ใช่หรือไม่ใช่ ฉันไม่รับรองหรอก
3/11
เพราะซื้อกับฉัน แล้วให้ร้อยนึง แล้วฉันมาดูในแบงค์มองท่านสองทีแล้วท่านก็ไป เหมือนกับในแบงค์ ก็ตามไป ท่านก็นั่งกินข้าวหลามอยู่ชายทะเล
ทีนี้ ต่อมาก็ ท่านก็เป็นผู้ที่ว่า ไม่ถือพระองค์ แล้วก็มีความตลก เป็นคนง่าย ๆ ท่านก็ ครั้งหนึ่งท่านสร้างพระสมเด็จจิตรลดา ถ้าพวกนายทหารคงจะจำคงจะจำเรื่องได้ตอนสมเด็จจิตรลดากำลังดัง ส่วนมากท่านจะติดตัวไปองค์สององค์แล้วก็คนขอก็แจก วันหนึ่งมาอยู่วังไกลกังวล ก็มี ตชด.คนหนึ่งเข้าเวรอยู่ ท่านก็เดินผ่าน ตชด.ก็เข้าไปถึงบอก ขอเดชะ ขอพระองค์ ขอเดชะขอพระหนึ่งองค์ ใช่ไหม ท่านก็บอกว่า ขอเดชะ พระไม่มี แทนที่จะบอกไม่มีพระให้ บอกเดชะ พระไม่มี แล้วนี่ขอพระองค์จะขอฉันไปเลี้ยงหรือ
ตอนที่ท่านไปปล่อยปลาที่สกลนคร ก็ให้ประมงคนนึงเลี้ยง เสร็จแล้วท่านก็ไปเยี่ยมว่าปลานั้นสบายดีหรือ ไปถึงประมงก็รายงานเลย ขอเดชะข้าพระพุทธเจ้าได้เลี้ยงปลานิลที่เป็นพระญาติของพระองค์ไม่มีตัวไหนเจ็บป่วยครับ ในหลวงก็ว่า เอ ฉันเป็นญาติกับปลาเมื่อไหร่ อย่างนี้เป็นต้น ท่านไม่ถือว่า พูดไม่ถูกอย่างนี้ แล้วก็พระจริยวัตรในหลวงในวังปกตินั้น ท่านจะเดินรอบตำหนักหกโมงเย็น ก่อนนี้วิ่ง เดี๊ยวนี้วิ่งไม่ไหว หกโมงเย็นจะเดินรอบตำหนัก แล้วก็จะศึกษาเรื่องต่าง ๆ ถึงตีสามทุกวัน ท่านจึงบรรทม ก่อนจะถึงตีสามท่านก็จะเสวยขนมอะไรนิดหน่อย ซึ่งอันนี้มหาดเล็กที่ใกล้ชิดคนนั้นเคยเล่าให้อาตมาฟัง บอกแกก็ต้องนั่งอยู่ที่นั่น แต่ก่อนท่านจะนอน มาถึงพวกเราละ ท่านก็จะต้องเข้าห้องพระก่อน แล้วสวดมนต์ สวดพระคาถาชินปัญชรด้วย แล้วถึงจะไปนอน แล้วก็ตื่นบรรทม 11 โมง เพราะฉะนั้น คนที่จะเฝ้าในหลวง ในวัง จะต้องเลย 11 โมง นี่คือพระจริยวัตรท่าน
แต่ก่อนนั้น ครั้งหนึ่ง คราวนี้ ครั้งนี้ก็น่ากลัว วันนั้นก็เดิน ๆ อยู่ หน้าอกของท่านก็จุกขึ้นมา แล้วก็ล้มลงไป นิ่งไปครึ่งชั่วโมง หมอก็ตรวจ จะไม่ไหว พอดีหมอต่างประเทศคนนึงมา เสร็จแล้วเวลานี้พระหทัยท่านยังเป็นลูกโป่งนิดนึงใส่ลงไปอยู่ในนั้นช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจให้หายใจให้ดี ครั้งหนึ่งรองราชเลขาถามว่าอาจารย์ไม่เข้าเฝ้าหรือ บอกไม่ ให้เวลาท่านมีประโยชน์แล้วเราอย่าไปรบกวนเวลาท่าน ถ้าเรารักในหลวง เราจะทำยังไงช่วยท่านไม่ให้มีภาระ เออ แกบอก ถ้าทุกคนคิดแบบอาจารย์ก็ดี บอกอาตมาก็เฝ้าท่าน 2 ครั้ง ก็เรื่องของบ้านเมือง ระยะนี้ที่น้ำท่วม ท่านก็ยังบรรทมตี 3 ก็เป็นห่วงพระวรกายท่านต้องช่วยกันสวดมนต์อธิษฐานให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองท่าน เพราะว่า บ้านเมือเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นลูกโซ่ ในการจะอยู่รอด แล้วบางที วันพระหรือวันพฤหัสนี่ ท่านชอบถือว่าวันพฤหัส เป็นวันครู ท่านจะนั่งสมาธิ ในวังสวนจิตร ท่านจะปลูกกุฏิเล็ก ๆ หลังหนึ่ง แล้วก็หิ้วปิ่นโตเข้าไปนั่งสมาธิ ไม่ยุ่งกับใคร เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าการสวดมนต์ แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ยังสวดมนต์ แล้วท่านปฏิบัติ
4/11
ตื่นเช้าขึ้นมา ท่านจะต้องเข้าห้องพระ เอาน้ำมนต์ออกมาล้างหน้า ท่านก็ละเอียดกว่าพวกเรา ล้างหน้าเสร็จก็เข้าไปสวดมนต์ สวดมนต์ก่อน เสร็จแล้วก็ลงมาเสวย ตอน 11 โมง ตอนนี้ราชเลขา จะเข้าไปกราบทูลเรื่องนั้น เรื่องนี้ อาจารย์สุชาติ ถวายเรื่องอย่างนี้ ๆ ท่านก็จะสั่งการ ราชเลขาก็จะจด ๆ ๆ แล้วก็มีพระบรมราชโองการบ้าง พระราชกระแสบ้างในเรื่องงาน
ก่อนนี้ตอนครองราชย์ใหม่ ๆ ถูกพวกองครักษ์อะไรท่านต้ม คือตัดแต่ข่าวให้ท่านอ่าน ข่าวดี ๆ ข่าวไม่ดีไม่ให้ท่าน ตอนหลังท่านเลยขอหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ต้องส่งเข้าไปทั้งฉบับ แล้วกลางคืนท่านก็เปิดฟังวิทยุทั่วโลกเลย เพราะฉะนั้น เวลานี้ บางคืนพระเทพก็ตีองอยู่ถึงตีสามเหมือนกัน ทีนี้พระเทพอยู่ตีสามทำไมอ้วนเพราะพระเทพท่านถือหลักว่ากินเป็นใหญ่ อยู่นานเสียพลัง ตีองกินให้อิ่ม พระเทพชอบกินข้าวขาหมู ก็เลยอ้วน อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น เราเวลานี้ก็ต้องช่วยกันว่าทำยังไง ที่จะถนอมให้ท่านอยู่นาน เวลานี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดความจริง บางคนบอกอาจารย์เข้าวังไปบอกท่านหน่อย บอกไม่เอา เราเข้าวังทีไรมันวิ่งกันพล่านทุกที นี่คือเรื่องพระจริยาวัตรของในหลวงของเรา ในฐานะที่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างเฉลิมพระชนมพรรษา แล้วพวกเราก็มาสวดมนต์เพื่อถวายพระพรให้ท่านอย่างนี้ เป็นสิ่งที่เราได้สร้างสิ่งที่เป็นมงคล
ทีนี้สวดมนต์นี่ ทำไมจะต้องสวดมนต์ สมัยนี้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า บอกสวดแล้วอัดเทปไว้ พอตื่นเช้ามาเปิดไม่ดีหรือ เดินผ่านหน้าพระก็บอกเหมือนเดิม ทำไมตัองสวด ต้องเข้าใจว่าการสวดมนต์นั้นน่ะ มนตราเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งมงคล เป็นคำสอน เรียกว่า เป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนเราไว้ ให้เรารู้ แล้วก็มนต์นี่มีความขลัง มีความศักดิ์สิทธิ์ของมันในตัว ก็จะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง สมัยหนึ่งหลวงพ่อโตอยู่วัดระฆังฯ ผัวเมียคู่หนึ่ง ผัวนับถือพุทธ เมียนับถือคริสต์ ในบ้านมีนางตะเคียน ผัวก็สวดชินปัญชร เมียก็สวดพระเจ้า คือพระคริสต์ พอผัวอยู่เมียก็ไม่เป็นไร วันหนึ่งเมียเข้าไปนอนคนเดียวผัวยังไม่กลับ ก็ถูกนางตะเคียนบีบคอ พอสามีกลับมาถึงก็บอก นี่ท่านไม่อยู่ ฉันเข้าไปนอนถูกบีบคอ สามีได้ทีขี่แพะเลย ก็ข้าบอกเอ็งแล้วว่าที่นี่เมืองไทย เมืองไทยมันต้องสวดมนต์ไทย เอ็งไปสวดมนต์ฝรั่งผีไทยฟังไม่รู้เรื่อง มันก็มาบีบคอเอ็ง นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของคาถา
ทีนี้ การสวดมนต์นั้นก็เท่ากับว่าทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น ๆ แบบเราทำงาน เราทำทุกวันเราไม่รู้แต่ว่ามันมีพลังของมัน ร่างกายเรามีทิพยอำนาจ เราต้องรู้จักเอาทิพยอำนาจอันนั้นออกมาใช้ ถ้าเปรียบวิทยาศาสตร์ก็ร่างกายเรานี่บรรจุด้วยไฟฟ้า อณูปรมาณูสองหมื่นโวลต์ ในร่างกายเรา อย่างที่มีนิยายจีนเรื่องหนึ่ง ความแน่วแน่ ก็มีคน ๆ หนึ่ง ถูกนักเลงหัวไม้รังแก
5/11
ก็บอกว่าจะไปขึ้นสำนักเซี่ยวหลิม ถ้าพวกดูหนังจีนคงจะจำได้ว่า หนังจีนมันจะมีเซี่ยวหลิมกับบู๊ตึ๊งสองสำนักนี้มันจะรบกันอยู่เรื่อย ก็ไปเข้าสำนักเซี่ยวหลิม ไปถึงก็ได้ข่าวว่าเซี่ยวหลิมนี่หมีดมวยเก่งมาก ผมนี่ถูกนักเลงหัวไม้รังแก ผมจะมาฝึกมวยกับอาจารย์ที่นี่ ขึ้นไปถึงอาจารย์ก็บอกลูกศิษย์ บอกไปหากุฏิอยู่ข้างหลังนั่นน่ะ แล้วไปเอาโซ่มาเส้นนึง ถามว่าเอาโซ่มาทำไม ตื่นเช้ากินเสร็จก็ให้รูดโซ่อย่างเดียว รูดโซ่อย่างเดียว ก็รูดโซ่อยู่ตั้งสามปีก็ว่าฉันจะมาเรียนวิชาหมัดมวย อาจารย์ให้ฉันเรียน รูดแต่โซ่อย่างเดียว ตั้งสามปีไม่เอาเบื่อแล้ว ลาอาจารย์ …
(หน้าบี)… ต่อยหมัดนึงมาอย่างนี้ ไอ้นั่นรูดทีนึงเหลือกระดูกเลย นี่อย่างนี้เป็นต้น นั่นก็คือ ความชำนาญ ความชำนาญที่เรียนแล้วเราไม่รู้ตัว แบบเราสวดมนต์อย่างนี้เป็นต้น เพราะเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ว่าความแน่วแน่ ความชำนาญ สัจจะ แล้วผู้ที่สำเร็จน่ะ สำเร็จเพราะสัจจะทั้งสิ้น อย่างพระพุทธเจ้าถ้าท่านไม่มีสัจจะท่านไม่สำเร็จ วันสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าจะสำเร็จนั้นน่ะ ปัญจวัคคีย์หนีไปหมดแล้ว ในนี้มีปางทรมาน เริ่มต้นของการที่จะบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็นึกว่าอดอาหารนี่ถูกต้อง ปัญจวัคคีย์ก็มารับใช้ อดจนไม่มีแรง วันหนึ่ง ท่านนึกว่า เอ๊ะ ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง ท่านก็กลับมาฉันอาหาร ในขณะนั้นก็มาแถวแม่น้ำเนรัญชรา นี่ก็อยู่ที่พุทธคยา เขาเรียกตำบลคยา แล้วก็ล้างหน้าที่แม่น้ำเนรัญชรา แล้วขึ้นมานั่งอยู่ต้นโพธิ์ นางวิสาขามหาอุบาสิกาซึ่งค้ำจุนพุทธศาสนาในยุคนั้น ท่านไปบนว่า ขอให้ท่านมีลูก แล้วก็ลูกก็เก่ง ดี แล้วขอให้มีลูกแล้วก็ไม่แน่ ไม่เหี่ยวลงไป เพราะฉะนั้น นางวิสาขาไปไหนกับลูกเขาจำไม่ได้ว่าคนไหนนางวิสาขา คนไหนเป็นลูก คือไม่แก่ วันนั้นก็ไปแก้บน ก็บอกให้คนใช้ว่าไม่ได้ จะเอาข้าวมธุปายาสไปแก้บนที่ต้นโพธิ์ ไปถึงก็เห็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่ คนใช้เห็นว่า เอ นี่คงเป็นเทวดาแปลงตัวลงมา ก็เอาข้าวมธุปายาสถวายเสร็จกลับมาบอกนางวิสาขา นางก็ไปดู ไปดูก็ อ้อ เทวดามากินจริง ๆ ถาดนี่เป็นถาดทองนะเพราะนางวิสาขานี่รวยมาก วันแต่งงานใส่ทองไม่รู้ตั้งกี่โกฎิ ลุกไม่ขึ้น อย่างนี้เป็นต้น ก็ทีแรกให้คนใช้ไปเฝ้าเอาถาด ก็เอ๊ะ นี่ไม่ใช่มนุษย์ เทวดามานี่ ก็ดีใจ บอกถวายถาดให้กับเทวดาไปเลย
พระพุทธเจ้าท่านก็ฉันเสร็จ ฉันเสร็จก็มาที่แม่น้ำเนรัญชรา ก็ลอยถาด แล้วอธิษฐานสัจบารมีว่า หากแม้นข้าสามารถสำเร็จเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งยุคแล้ว ขอให้ถาดนี้ลอยทวนน้ำขึ้นไป ถาดนั้นก็ลอยทวนน้ำขึ้นไปแล้วก็จมลงไปในทะเล พอจมลงไปในทะเลก็ พญานาคตนหนึ่งเวลานี้ก็ยังนอนอยู่ พญานาคตัวนึ้ขี้เกียจมาก พอจมลงไปในทะเล พอเสียงถาดแก็ง พญานาคก็ตื่นขึ้นมาบอก
6/11
มีพระพุทธเจ้าสำเร็จอีกองค์หนึ่งแล้ว ครอก..นอนตาย พอพระพุทธเจ้ามาสำเร็จก็ตื่นทีหนึ่ง แล้วก็นอนต่อ
นี่ห้าพันกว่าปีแล้วยังนอนต่อ นี่ห้าพันกว่าปีแล้วยังนอนอยู่ อย่างนี้เป็นต้น
เสร็จแล้ว คืนนั้นพระพุทธเจ้าต้องต่อสู้กับมารต่าง ๆ เพราะฉะนั้น พระพุทธรูปที่คนพูดไม่เป็น เขาบอก สดุ้งมาร ไม่ใช่ นี่มารสดุ้ง พญามารต้องแปลง นางมายา นางตัณหาอะไรมา แปลงมา เสร็จแล้วท่านก็เอานิ้วชี้ลงไปว่า เรานี้ไม่หลงกลมารทั้งหลาย แม่พระธรณีเป็นพยาน นี่ เอานี่ชี้ลงไป แม่พระธรณีก็โผล่ขึ้นมา ปล่อยน้ำท่วมพญามาร หลังจากนั้นท่านก็ค่อย ๆ เข้า ฌานหนึ่ง ฌานสองอะไร ถอยหลังไปอนุสติญาณ เล่นเจโตปริยญาณอะไร ก็เข้าออกได้แล้ว ถึงวิมุตติจิต เข้าสู่อาสวกิเลส ละหมด รู้แจ้งเห็นจริง สำเร็จเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่าน ผู้ที่เป็นใหญ่เป็นโตส่วนมากจะมีความกตัญญูเป็นหลัก แบบในหลวงเราก็กตัญญูมาก แล้วก็วันที่สมเด็จพระศรีนครินทร์ สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์ วันนั้น ราชองครักษ์บอกว่า อยู่กับท่านเกือบยี่สิบปีสามสิบปี ไม่เคยเห็นท่านหลั่งน้ำพระเนตรกอดศพ ทีนี้สมเด็จย่าก่อนจะทิ้งขันธ์ท่านก็มีสติ สมเด็จย่าท่านชอบสวดมนต์ สวดชินปัญชร ถามว่าหลานอีกคนมาหรือยัง คือพระเทพมาหรือยัง พอพระเทพมาท่านก็หัวใจหยุดเต้นทันทีเลย หมอก็บอกไปแล้ว
มาถึงเรื่องพระพุทธเจ้าสำเร็จแล้ว ท่านก็ใช้เจโตปริยญาณตรวจ ตอนแรกตั้งใจไปโปรดอาฬารดาบส อุทกดาบส ซึ่งเป็นอาจารย์สององค์นี่ที่สอนท่าน ทีนี้พอตรวจลงไป ท่านก็ร้อง ร้องคำว่าฉิบหายแล้ว ภาษาสมัยพระพุทธเจ้าท่านพูดว่า (ภาษาสมัยพระพุทธเจ้า) อาจารย์อาฬารดาบส อุทกดาบสฉิบหายแล้ว ทำไมท่านใช้คำว่าฉิบหายแล้ว คือตายจากโลกมนุษย์นั่นเอง แล้วตายจากโลกมนุษย์ท่านก็กลัวอีก เพราะอะไร เพราะพรหมโลกมี 16 ชั้น พรหมโลกชั้นที่ 16 ถ้าขึ้นไปแล้ว ไม่ต้องเกิด เกิดยาก ทีนี้เขาถือว่าการจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าต้องมาเกิดในโลกมนุษย์ ก็เลยร้องคำว่าฉิบหาย เพราะว่า พรหมโลกชั้นที่ 16 นั้น โลกมนุษย์เรานี่ 400 ปี เท่ากับ 1 วันของพรหมโลกชั้นที่ 16 1วันของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่ากับ 1ปีของโลกมนุษย์ 1วันของสวรรค์ชั้นดุสิต เท่ากับ 1ปีครึ่งของโลกมนุษย์ 1ชั่วโมงของพรหมโลกชั้นที่1 เท่ากับ 1ปีของโลกมนุษย์ ที่เขาบอกให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้าตายแล้วก็ขอให้ขึ้นสวรรค์ นั่นเพราะว่าเราสวดมนต์ทำความดี
พอพูดถึงเรื่องสวดมนต์ทำความดี ก็ต้องมาพูดถึงเรื่องคนไม่สวดมนต์ ไม่ทำความดี แล้วมีตัวโลภ ก็มีพ่อค้าฆ่าวัวฆ่าควาย ฉะนั้น ท่านต้องสังเกตพวกที่ฆ่าวัวฆ่าควายฆ่าหมู พวกนี้อายุไม่ถึง 60 ปี ต้องตายทั้งนั้น
7/11
แล้วก่อนจะตายนี่จะร้องเป็นหมูร้องเป็นวัว ก็มีแขกบังคนหนึ่งก็ฆ่าวัวทุกวัน ๆ เสร็จแล้วพอจะตาย ทีนี้เมียแกก็นับถือสมเด็จโต ก็มาบอกสมเด็จโตว่า นี่ผัวฉันจะตาย ร้องเป็นวัวเป็นควายหาทางไม่เจอ ขอให้สมเด็จโตไปช่วยหน่อย สมเด็จโตไปถึงก็บอก อาบัง อาบัง ว่าอรหันต์ อรหันต์ ไว้ เขาไม่เคยสวดมนต์ไม่เคยไหว้พระ ใครวะมาพูดไม่มีหาง มันมีหางทั้งนั้นที่กูเห็นอยู่นี่ ใครว่าไม่มี อรหันต์ แต่กลายเป็นไม่มีหาง ถ้าคนที่ติดยึดสมบัติจะตายอย่างนี้ ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ ลูกสงสารก็นิมนต์พระมา ว่านี่ช่วยบอกทางให้พ่อฉันไปทางดีเถอะ ตายแล้วไปทางดีขึ้นสวรรค์มีทางเดินเถอะ พระก็ไปกระซิบหูว่า โยม ๆ ๆ อรหันต์ อรหันต์ แทนที่จะท่องอรหันต์ ใกล้จะตายยังลุกขึ้นมา บอก อะไรหาย อะไรหายวะ ของกูใครมาเอาวะ นั่นเพราะไม่ได้สวดมนต์ไม่ได้ไหว้พระ เขาบอกอรหันต์ บอกอะไรหาย นี่คือตัวยึด เขาเรียกตัวโลภะ เพราะอย่างเด็ก ๆ สาว ๆ หนุ่ม ๆ มาสวดมนต์นี่เราจะมีสติมาก และทุกคนเกิดดีก็ต้องการตายดี ตายดีก็ต้องทำความดี สวดมนต์ ไหว้พระ แล้วเราจะมีความเจริญ ท่านลองสวดมนต์ที่นี่ทุกวัน ๆ ทุกอาทิตย์แล้วเช้าก็สวดชินปัญชร เย็นสวดชินปัญชร ทุกอย่างที่บ้านรับรองทั้งจิตใจทั้งกิจการอะไรทุกอย่างมันจะดีขึ้น นี่กล้าท้าพนัน ฉะนั้น เรื่องเหล่านี้เรียกว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ท่านฟังว่าการสวดมนต์ดียังไง
นี่คุยไปคุยมาเกือบชั่วโมงแล้ว เหลืออีก 20 นาที ก็คิดว่าประเดี๋ยวท่านจะสวดมนต์ เดี๋ยวท่านอาจารย์มั่นก็จะแจกพระให้ท่าน ก็กลัวจะดึกเกินไป คิดว่า จะให้เล่าต่อหรือไม่เล่าต่อ จะเล่าต่อก็ยังมีอีกเยอะ เรื่องตลก ๆ มันมีอีกแยะ ในเรื่องพระพุทธศาสนาของเรา ทีนี้การทำบุญ มาสู่การทำบุญละ บางคนก็ไม่เข้าใจอีก ก็จะเล่าเรื่องที่กรุงพาราณสี ในขณะนั้นพระสารีบุตรเข้าฌานสมาบัติ แล้วก็ออกจากฌานสมาบัติมา การโปรดสัตว์น่ะ คนที่เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึงพุทธศาสนา ที่เกาะนี้ถูกโจมตี เขาหาว่าไม่ออกบิณฑบาต พระพุทธเจ้าไม่ได้ออกบิณฑบาตทุกวัน พระพุทธเจ้าจะออกบิณฑบาตต่อเมื่อคน ๆ นั้น จะโปรดได้ แบบที่ท่านไปโปรดองคุลีมาล วันนั้นเข้าฌานพั๊บ ว่าวันนี้ถ้าไม่ไปโปรดองคุลีมาล องคุลีมาลจะต้องทำอนันตริยกรรมฆ่าแม่ เพราะว่าก่อนที่พระราชาจะยกทัพไปนี่ ทางแม่รู้ก่อน เพราะว่าพ่อเป็นปุโรหิต อิหิงสกะ พ่อเป็นปุโรหิตอยู่ในวัง กลับมาถึงบอกเมียว่า คือคนเรานี่เขาบอกว่า อาจารย์ดี ลูกศิษย์ก็ไปทางดี อาจารย์ถ้าสอนไปในทางที่ผิดก็ไปทางผิด อันนี้ก็เขาว่าความเข้าใจผิดในโลกนี้มีมากหลาย และส่วนมากเกิดขึ้นโดยบังเอิญทั้งสิ้นเสียด้วย เพราะว่าอะไร เพราะว่า นี่จะเล่าให้เรื่องความเข้าใจผิดอีกเรื่องหนึ่ง เดี๋ยวมาต่อองคุลิมาล รับรองไม่ลืม
ในลัทธิเซนลัทธิหนึ่ง พุทธศาสนาเรานี่ ต้องเข้าถึงพุทธศาสนา เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วนี่ ก็สังคายนาครั้งที่หนึ่ง
8/11
หลังจากนั้นก็อีกสักเกือบร้อยปี สังคายนาครั้งที่สอง คราวนี้พุทธศาสนาแตกเป็นสามสี่นิกาย แล้วมีนิกายหนึ่งเขาเรียกนิกายเทียงไท้เข้าไปในจีน จีนก็เข้าไปทางญี่ปุ่น เขาเรียกนิกายทาสะกะ เขาเรียกสำเร็จด้วยเซน คือปริศนาธรรม
วันหนึ่ง เจ้าอาวาสวัดเซนไปธุระ ก็ให้น้องชายช่วยดูแลวัด ใครมาก็ต้อนรับ ก็มีพระเซนองค์หนึ่งนี่คือความเข้าใจผิด พระเซนองค์หนึ่งมาถึงก็ เห็นน้องชายเจ้าอาวาสก็เข้าไป พวกเซนนี่เขาจะไม่พูดเขาจะใช้ปริศนาธรรม ก็ยกหนึ่งนิ้ว ไอ้น้องชายเจ้าอาวาสโกรธ เพราะแกตาบอดข้างหนึ่ง หาว่าพระองค์นี้มาว่าแกตาบอด แกก็ชูกำปั้น พระที่ที่เป็นอาคันตุกะก็กลับ แล้วลาออกมา พอมาเจอเจ้าอาวาสบอก นี่พระที่อยู่กับท่านนี่เป็น แหม เก่ง สำเร็จมาก อาตมาชูนิ้วว่าโลกนี้มีหนึ่ง ท่านตอบว่าไม่ใช่โลกนี้ไม่มีหนึ่งคือสังสารวัฎกลม ๆ ทีนี้กลับมาถึง พี่ชายก็มาเล่าให้น้องชายฟัง นี่พระที่มาหาตะกี้นี้เขาว่าเอ็งเก่งมาก แกชูหนึ่งนิ้ว เอ็งชูกำปั้น ท่านบอกหนึ่ง เอ็งบอกไม่มีหนึ่งเป็นวงกลมสังสารวัฎ นีองชายหัวเราะก๊ากเลย บอกพี่มันเข้าใจผิดแล้ว เขาชูหนึ่งฉันคิดว่าเขามาดูถูกฉันว่าฉันมีตาข้างเดียวเอง ฉันก็ชูกำปั้นว่าเดี๋ยวกูจะตั้นหน้ามึง นี่อย่างนี้เป็นต้น ความเข้าใจผิดในโลกนี้มีมากหลาย
เพราะฉะนั้นเมื่ออหิงสกะ องคุลิมาลไปศึกษาอยู่ตักศิลา เป็นคนเก่งในขณะนั้น ยิงธนู ขี่ม้า อะไร ทุกอย่างเก่ง มนตราก็เรียนเก่ง แต่ว่าแกถือว่าเคารพอาจารย์ เคารพอาจารย์ก็ต้องเคารพภรรยาของอาจารย์ด้วยม เมื่อภรรยาของอาจารย์ป่วยแกก็เข้าไปรับใช้ใกล้ชิดไปต้มน้ำร้อนไปให้อะไรอย่างนี้ ไปป้อนข้าว ไอ้พวกที่อิจฉาองคุลิมาลก็ ก็ไปใส่ความให้อาจารย์ เพราะฉะนั้นเขาถึงบอก น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนได้ จิตใจมนุษย์ก็เปลี่ยนได้ ทีแรก อาจารย์ก็ไม่เชื่อ บอกว่า เขาเป็นคนเก่ง พวกเอ็งคงอิจฉา ทีนี้วันหนึ่งเขาก็ไปป้อนข้าวให้ภรรยาอาจารย์ก็มาดู ก็คิดจะฆ่าองคุลิมาลด้วยความเข้าใจผิด ว่าจะไปตีท้ายครัวอาจารย์ จะฆ่านี่ วิชาก็ถ่ายทอดให้องคุลิมาลหมดแล้ว คงจะเอาไม่ลง ก็บอกนี่ ก็เรียกเข้ามา อหิงสกะ มีวิชาอีกวิชาหนึ่ง วิชาสุดท้าย ถ้าเอ็งไปฆ่าคนได้หนึ่งพันคนแล้วนี่ ข้าจะสอนวิชาให้ แล้วเป็นอมตะ เพราะฉะนั้น บางคนเขาเรียกหลงไป อย่างเวลานี้บางเรื่องเกิดขึ้นในวงการสงฆ์ ที่เกิดเรื่องอย่างพระภาวนาน่ะ ท่านไปศึกษาผิด ไปศึกษาตำราของ เขาเรียกมนตราของฮินดูเขา เขาเรียกโลกียสูตร อันนั้นอยู่ในภควาคัมภีร์ของฮินดูเขา ไอ้นั่นเรียกว่า เสพกามสาวพรหมจรรย์หนึ่งร้อยคนแล้วจะอมตะ นี่เขาก็อาจจะไปศึกษาอันนี้ก็เลยหลงไป
ทีนี้ ก็คิดว่าในหนึ่งพันคนนี่ ยังไง ๆ ก็ต้องมีคนหนึ่งที่ต้องฆ่าองคุลิมาลได้ คิดอย่างนั้น อาจารย์ท่านคิดอย่างนั้น แต่หารู้ไม่ว่าองคุลิมาลถูกกำหนดลงมาเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
9/11
เพราะฉะนั้นการฆ่า แบบที่ครั้งหนึ่งในหลวงเคยตั้งคำถามว่า “ ผู้ร้ายฆ่าคนทำไมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ ” ก็บอกท่านว่า องคุลิมาลนั้นน่ะ ถ้าไม่ฆ่าคน 999 คนนั้นน่ะ ตามหลักต้องหนึ่งพันคน แต่คนสุดท้ายจะเป็นแม่จะเป็นมาตุฆาต สร้างอนันตริยกรรม จะไม่มีทางสำเร็จ ถ้าท่านไม่ฆ่า แต่ฆ่ามากกว่าหนึ่งพันคนด้วย เพราะทีแรกฆ่าแล้วไม่ได้เอามาร้อยนิ้วมือ ๆ ๆ จึงเรียกองคุลิมาล ทีแรกฆ่าแล้วไม่ได้นับ นับผิด ทีหลังจึงเริ่มใหม่ ฆ่าแล้าเอานิ้วมาร้อยเป็นพวง ถ้าคนเหล่านี้ไม่ได้ให้องคุลิมาลฆ่าแล้วนี่ องคุลิมาลสำเร็จเป็นพระอรหันต์ วิญญาณพวกนี้เกิดไม่ได้ เพราะกรรมอันนี้ยังไม่ได้สนองกัน เขาเรียก อโหสิกรรม เป็นเรื่องละเอียดของกรรม ต้องว่ากันอีกนาน
ทีนี้ วันสุดท้าย พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าไม่ออกไปช่วยแล้ว องคุลิมาลต้องฆ่าแม่ ก็เป็นการสร้างอนันตริยกรรม เมื่อเป็นอนันตริยกรรมก็ต้องตกนรก เพราะฉะนั้น คำว่าโปรดสัตว์ไม่ใช่ว่าไปให้พระใส่บาตรแล้วก็คิดว่าเขาไปโปรดสัตว์ ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านก็ว่า ตัวยังไม่มีกินไปเบียดเบียนเขา ทีนี้ท่านก็ไป แล้วสมัยโบราณ การบิณฑบาตไม่เหมือนสมัยนี้ ท่านจะเห็นว่าบ้านสมัยก่อนสร้างสูง ข้างล่างแบบสองชั้นอย่างนี้ แล้วหน้าบ้านเขาจะมีตั่งอันหนึ่ง แล้วก็จะมีอ่างล้างเท้า เพราะฉะนั้น คำว่าโปรดสัตว์ หมายความว่า พระไปถึงบ้านนี้ เขาบอกบ้านนี้ไม่พร้อม นิมนต์ต่อไป ๆ แต่สมัยนั้น ท่านผู้สำเร็จทั้งหลายไมใช่ว่าจะไปซี้ซั้ว ไปถึงบ้านนั้นต้องได้ เพราะฉะนั้น ก็ไปถึงก็ องคุลิมาลก็กำลังจะฆ่าแม่ พอพระพุทธเจ้าไปถึงก็บอก อหิงสกะ เราหยุดแล้ว ทำไมท่านไม่หยุด องคุลิมาลบอก ดีแล้ว พระพุทธเจ้ามาก็ดีแล้ว ตถาคตเจ้ามาดีแล้ว ก็พยายามเปลี่ยนจากจะฆ่าแม่มาจะฆ่าพระพุทธเจ้า พยายามวิ่งยังไง แต่พระพุทธเจ้าเดินเฉย ๆ เดินไปเฉย ๆ ท่านก็บอก (ภาษาสมัยพระพุทธกาล) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอให้ท่าน ขอให้ท่านหยุดซิ ขอให้ท่านหยุดซิ ถ้าท่านแน่จริง พระพุทธเจ้าว่า อหิงสกะ (ภาษาสมัยพุทธกาล) อหิงสกะ เราหยุดแล้ว ท่านไม่หยุดต่างหาก องคุลิมาลก็โต้ตอบไปว่า ท่านโกหก ท่านไม่สมกับเป็นพนะสมณโคดมท่านเกินอยู่เรื่อย ฉันวิ่งไม่ทัน พระพุทธเจ้าหันกลับมาบอก คำว่า หยุด ของเรานั้นเราหยุดทำบาป หยุดฆ่าคน หยุดเบียดเบียนคน นั่นคือหยุดที่แท้จริง หยุดสร้างความชั่ว องคุลิมาลได้สติขึ้นมา ทิ้งดาบ ลงไปกราบพระพุทธเจ้า เมื่อกราบพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าก็เทศน์ให้ฟัง ก็สำเร็จเป็นโสดาบัน ก็เอาไปบวชที่วิหารเชตวัน บวชแล้วก็บอก นั่งอยู่ตรงนี้ก่อน นั่งอยู่ตรงนี้ก่อน เจ้ากรุงพาราณสีจะไปปราบองคุลิมาล ยกทัพ สมัยนั้นก็ ทัพม้าห้าร้อย ทัพช้างห้าร้อย ทัพเดินเท้าห้าร้อย ตั้งพันห้าจะไปปราบองคุลิมาล ทีนี้แบบ ท่านมั่นคง ก๋ก่อนจะไปก็มาขอพรพ
หลวงพ่อ พระอาจารย์อริยวังโส ภิกขุ
แสดงปาฐกถาธรรม - พิธีปฏิบัติบูชาอธิษฐานบูชาสันติเจดีย์
ณ วัดพุสวรรค์ ครั้งที่ 14 - วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 เวลา 19.00 น.
.. อย่างสูงยิ่ง
เกล้ากระผม นายทองเหมาะ จำปาเงิน ประธานบริหารฝ่ายฆราวาส วัดพุสวรรค์ และประธานบริหารอุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม มีความซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง และขอนมัสการขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่หลวงพ่อเมตตารับอาราธนาแสดงธรรมในวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2547 ซึ่งเป็นวันปฏิบัติบูชา อธิษฐานบูชา สันติเจดีย์ ทุกวันที่ 19 ของเดือน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2519 เป็นต้นมา วันนี้เป็นครั้งที่ 14 ที่ได้จัดปฏิบัติบูชา อธิษฐานบูชา ณ ศาลาประดิษฐานสันติเจดีย์จำลองแห่งนี้ ในโอกาสนี้ เกล้ากระผมขอประทานอนุญาต กราบนมัสการถวายรายงานเรื่องที่ผ่านมา และงานที่จะต้องทำต่อไป ดังนี้
1. การจัดงานพิธีสวดมนต์อธิษฐาน เพื่อสันติภาพในประเทศไทยและในโลกมนุษย์ ในวันสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2547 นั้น ได้ทำสมุดบันทึกรายงานส่งถึงผู้ใหญ่บ้านในเมืองให้ทราบดังนี้
1. คณะรัฐมนตรี รวม 35 ฉบับ
2. องคมนตรี รวม 5 ฉบับ
3. ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา 2 ฉบับ และขณะนี้ ท่านประธานรัฐสภาได้ตอบรับมาแล้ว 1 ฉบับ
4. ราชเลขาธิการในองค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ ราชเลขาธิการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2 ฉบับ
5. ทหารตำรวจ รวม 10 ฉบับ
6. หน่วยราชการ เช่น ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนารวม 3 ฉบับ
7. ตอบขอบคุณประธานในพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอแก่งกระจาน และ ผู้มีเกียรติที่มาร่วมในงาน รวม 5 ฉบับ
8. เลขาธิการสหประชาชาติ และรองเลขาธิการสหประชาชาติ รวม 2 ฉบับ
2. เนื่องใกล้จะถึงสิ้นปี สำนักงานทูตสันติภาพ ใคร่ขอความพระเมตตา หลวงพ่อได้ร่างสารอวยพรปีใหม่ถึงผู้นำประเทศ ผู้นำศาสนา เอกอัครราชทูต และ องค์การสันติภาพด้วย
3. เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สถานีวิทยุ บี.บี.ซี. รายงานว่า อีกสิบปีข้างหน้า อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นถึง 50 องศาเซลเซียส และ อีกร้อยปีภูมิอากาศของโลกจะสูงขึ้นมาก ซึ่งจะเป็นอันตรายที่มนุษย์อยู่ไม่ได้บนพื้นผิวโลก และขณะนี้มีข่าวว่าประเทศไมโครนีเซียประกาศล้มละลาย และ ยกเลิกประเทศ เพราะน้ำท่วมเกาะจนจม ผู้คนต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นหมด
กราบขอพระเมตตาหลวงพ่อ ช่วยชี้แนะแก่ผู้นำประเทศทั่วโลกอย่างไร หรือไม่
4. วัดพุสวรรค์ จัดทอดกฐินเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา เมื่ออาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2547 เพื่อสร้างศาลาพรหมประทาน และจัดหาเนื้อหินหยกเพื่อสร้างองค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรย และกำลังจะจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมหญิง ในวันที่ 21 ธันวาคม 2547
5. โครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ กำลังกลั่นกรองสมาชิกเข้าเฝ้าในหลวงในวันที่ 4 ธันวาคม 2547 ในปีนี้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ถวายรายงานแล้วถึง 500 คณะ และปีนี้เป็นปีที่มีการตรวจสอบ และสมาชิกในโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติในกรุงเทพมหานคร 300 คน ต่างจังหวัด 700 คน รวมประมาณ 1000 คน ซึ่งจะต้องมีบัตรสำเนาประชาชนด้วย ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ และจะต้องทำหนังสือถึงเข้าวัง
6. งานต่าง ๆ ที่มีพระบัญชาไว้ ในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2547 ได้แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวานนี้เวลา 18 นาฬิกา ก็ได้มีการประชุม เพื่อพิจารณากลั่นกรอง คณะกรรมการอุทยานฯ ทั้ง 4 คณะ
อนึ่ง กระผมใคร่ขอถือโอกาสนี้ ขอนมัสการขอบพระคุณที่หลวงพ่อ ช่วยเอื้ออำนวยให้งานทั้งหมดสำเร็จลุล่วงด้วยดี และขอพรในการทำงานต่อไป
ผู้ที่มาร่วมสวดมนต์ปฏิบัติบูชา อธิษฐานบูชาในวันนี้ มีพระภิกษุ 5 รูป สามเณร 2 รูป อุบาสิกา 2 คน สานุศิษย์ชาย 20 คน สานุศิษย์หญิง 23 คน รวม 43 คน บัดนี้ได้เวลา กระผมขอกราบอาราธนาหลวงพ่อแสดงธรรมเพื่อโปรดสานุศิษย์และสาธุชนทั้งหลาย ได้เพิ่มพูนปัญญาบารมี และบุญกุศลสืบไป กราบนมัสการด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง
ควรมิควรสุดแท้แต่พระเมตตา.
เจริญสุข สานุศิษย์ สาธุชนทั้งหลาย
เราลืม ๆ หน่อย ก็วันที่ 19 อีก 40 วัน ก็จะขึ้นศักราชใหม่ เขาเรียก กาลเวลาเหมือนอย่างสายน้ำ ที่ไหลไปไหลมาแล้วไม่ไหลกลับ สภาวะนั้น มนุษย์ก็เรียกว่าสังขารก็ไม่เที่ยง ก็ แก่ลง ๆ ๆ ๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ขณะนี้ เรียกว่า ตัวทูตสันติภาพนั้นสังขารแย่มาก ฉะนั้นก็ จะมาเทศน์ทุก 19 ก็ กำลังพิจารณาอยู่
ทีนี้ ในสภาวะ พูดถึงโลก โลกในขณะนี้มนุษย์ยังหลงอยู่ และเหลิงอยู่ ที่จริงโลกขณะนี้อันตรายมาก เช่นอุกกาบาตจะมาชนโลก ในต้นปีหน้า ซึ่งเรื่องอุกกาบาตนี้จะแก้ไขได้หรือไม่ ก็อยู่ที่พวกท่านว่า เดือนหน้า ที่ท่านจะให้ท้าวมหาพรหมพิจารณา เรื่อง คณะกรรมการว่าจะเป็นยังไง
ข้อที่สอง ในสภาวะ อากาศเปลี่ยนแปลงขึ้น เป็นเรื่องที่น่าอนาถ เมื่อสิบปีที่แล้ว เราก็รณรงค์เรืองให้ปลูกป่า เพื่อโลก แต่ก็มีแต่ตัดป่าอย่างงี้เป็นต้น
สภาพการนั้นน่ะ ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิต แต่ไม่มีวิญญาณ ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้าน ต้นไม้ต้นหนึ่งอมน้ำไว้ได้ 4 ถัง สี่ถัง สิบต้นเท่าไหร่ ร้อยต้นเท่าไหร่ แล้วเขา สี่ถังนี่ เขาเรียก เก็บไว้ตั้งแต่หน้าฝน อย่างหน้าฝนจะเขียวชอุ่ม แต่หน้าแล้งนี่ สี่ถังนี่ เขาจะค่อย ๆ ปล่อยออกมา เพื่อเลี้ยงตัวเอง จนกระทั่งถึงหน้าฝนอีกหน้าหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่ มนุษย์ไม่ศึกษาอย่างแท้จริง ของต้นไม้ใบหญ้า
ทีนี้ เวลานี้ โลกมันร้อนขึ้น ๆ ถ้าถึง 55 องศา นี่ 50 องศาแล้ว ถ้า 55 องศามนุษย์อยู่ไม่ได้ ออกจากบ้านเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก ถ้า 55 องศา ทุกคนจะต้องอยู่ในบ้าน แล้วก็เปิดแอร์ เปิดแอร์นี่แหละ ต้องเข้าใจว่า น้ำมันก็จะหมดจากโลก อีกไม่ถึง 50 ปี เพราะฉะนั้น มันเป็นสิ่งที่น่าอนาถ ที่เวลานี้โลกกำลังตกอยู่ในภาวะอันตราย แต่มนุษย์ ก็ยังหลง ระเริงกันอยู่ ทีนี้เราก็ไม่มีทุน ที่จะรณรงค์เหมือนศาสนาอื่น พุทธต่อพุทธก็กำลังตีกันอยู่ อย่างคริสต์ คราวนี้ โอ้ พลังแห่งชีวิต โปแตสแตนท์ทุ่มเงิน 200 ล้าน เป็นค่าโฆษณา 200 ล้าน คนขอหนังสือไป 2 ล้านกว่าเล่ม สองล้านกว่าเล่ม เขาแต่ว่า ล้านคน เขาได้ 30 เปอร์เซ็นต์ เขาถือว่าคุ้มแล้ว ล้านคนได้สามแสนคนเขาถือว่าคุ้มแล้ว สิ่งที่เขาเรียกว่า ค้าขายนั้นน่ะ ในโลกนี้เขาว่า ค้ามนุษย์ กินไม่หมด ไม่ใช่ว่าค้ามนุษย์ ไม่ใช่ว่าลวงผู้หญิงไปขายนะ คือ ค้ามนุษย์ คือว่า สร้างความศรัทธา ให้เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ และให้มนุษย์เดินตามสิ่งที่ศรัทธา ออกไป เพื่อให้คนศรัทธาเหมือนเขา เพราะฉะนั้น สามแสนคนนี่ นี่ล้านคนเขาได้สามแสนคน เขาเอาแค่สามแสนคนนี้ ไปเที่ยวเผยแผ่ของเขาอีก แค่แสนคน เห็นไหม หนึ่งต่อสิบก็ไปอีกเท่าไหร่ อันนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดว่า ปกติแล้ว คริสต์นั้น ผู้ที่จะเคลื่อนไหวมันจะต้องเป็นคาทอลิก แต่เที่ยวนี้มันกลายเป็นโปแตสแตนท์ ก็น่าคิด โปแตสแตนท์ที่แยกออกมาจากกรุงโรม สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อังกฤษ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ว่า อิสลามก็รุกราน ตามหลักอิสลามนั้น เขาก็ศาสนาแห่งสันติ เพราะฉะนั้น ถ้าอิสลามจริง ๆ เขาเจอกัน สมัยโบราณเขาจะบอก ท่านจงอยู่อย่างสันติ ขอให้ท่านจงอยู่อย่างสันติ นี่ก็คือว่า กลายเป็นเวลานี้สันติ ไม่สันติ กลายเป็นฆ่ากันแล้ว เป็นต้น
ฉะนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าพิจารณาแล้วก็ เป็นเรื่องที่เรา พูดเอาไว้ว่า พุทธศาสนาจะสิ้นจากแหลมสุวรรณภูมิ พ.ศ.2650 แต่ขณะนี้การรุกรานของ ต่าง ๆ เราขอตัดออกไป 50 ปี เหลือแค่ว่า 2600 พุทธศาสนาก็จะ สิ้นจากแหลมสุวรรณภูมิ อันนี้ก็เป็นเรื่องของ กฎของกรรม ทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เพราะอะไรเล่า
ก็เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ปรินิพพานนั้น พระพุทธเจ้าปรินิพพาน แค่ 100 ปี หนึ่งร้อยปีนั้นน่ะ คือ พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าปรินิพพาน 7 วัน พระมหากัสสปะ เห็นว่า ถ้าไม่สังคายนาคงจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะให้ยั่งยืน ก็สังคายนาในถ้ำคูหาวิมุข ในขณะนั้น ก็มีพระเจ้าอชาตศัตรู ผู้ที่ฆ่าพระเจ้าพิมพิสาร พระบิดา กลับใจ มาเป็นผู้อุปถัมภ์ในการสังคายนาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา 100 ปีแรก ก็จะเจริญอยู่ในอินเดีย พอหนึ่งร้อยปีแรกเจริญอยู่ในอินเดียแล้ว เมื่อสิ้นพระพุทธเจ้าไปแล้ว ไม่มีองค์ประมุขไปแล้ว ที่ท่านบอกให้เอาพระธรรมเป็นหลัก ในขณะนั้น หนึ่งร้อยปีแรก พุทธศาสนาแยกเป็น 38 นิกายในอินเดีย แล้วก็ได้เสื่อมจากอินเดียมาเจริญที่ลังกา เจริญที่ลังกาอยู่ 200 ปี ก็กลับไปเจริญที่อินเดียใหม่ เรียกว่า ผลัดกันไปผลัดกันมาตั้งสามสี่ครั้ง
เพราะฉะนั้น ถึงได้บอกว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้มองไกล ได้ส่งสมณทูตมาแหลมสุวรรณภูมิ โสณะมหาเถระ อุตตระมหาเถระ เดินทางมาแหลมสุวรรณภูมิ มาขึ้นที่นครศรีธรรมราช มาเผยแผ่เข้ามา แล้วก็ออกไปทางพม่า อย่างนี้เป็นต้น โสณะมหาเถระ อุตตระมหาเถระ ไม่ได้ทิ้งขันธ์ในประเทศไทย ไปทิ้งขันธ์ที่กัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่เรียกว่า แปลกดี
เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ เรียกว่า ตามกฎอนิจจัง อนัตตา เพราะฉะนั้น เราถึงบอก พระไตรปิฎกเพียงแค่อ่านให้รู้เรื่อง แล้วเราก็เดินเท่ากับมีแผนที่ เดินตามแผนที่ มันจะถึงไปถึงมรรคผลนิพพานได้ ไม่ใช่ไป อ่านแล้ว เวลานี้ อรรถกถาจารย์ ฎีกาจารย์ ก็กอดแต่ตำรา พอใครพูดผิดตำราหน่อยก็ไม่ได้ ซึ่งไม่ศึกษาสัจจะ แห่งความจริงของพุทธศาสนาเลยว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสยังไง พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า แม้แต่ธรรมของพระองค์ก็อย่าไปยึดถือ ให้พิจารณากลั่นกรองแล้ว จึงเชื่อ ซึ่งสอนอยู่ในกาลามสูตร 10 ข้อ แต่ชาวพุทธเรา ถ้ายิ่งสูงยิ่งสูงขึ้น กลายเป็นลืมกาลามสูตรไปแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
แล้วก็ ท่านก็ว่า ทุกอย่าง ให้ยึดอนิจจังเป็นหลัก........ ส่วนอนิจจัง อนัตตาทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดที่เป็นเที่ยงแท้ ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นกฎหลัก วัฎจักรแห่งสังสารวัฎ ที่มนุษย์ไม่ควรอยู่อย่างประมาท อยู่อย่างยึดมั่นถือมั่น
ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ น่าอนาถ ที่มนุษย์ยุคนี้ อยู่อย่างยึดมั่นถือมั่นเกินไป จึงทำให้โลกวุ่นวาย ไม่มีที่สิ้นสุด
ฉะนั้น วันนี้ จะทำจดหมายถึงผู้นำ ทั่วโลก ก็ ขอให้เป็นสาร
.......หลวงพ่อแต่งจดหมายถึงผู้นำทั่วโลก...........สารอวยพรปีใหม่.....
ฉะนั้น วันนี้ก็จะทำจดหมายถึงผู้นำทั่วโลก
สารอวยพรปีใหม่
ถึง ฯพณฯ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และกษัตริย์แห่งประเทศต่าง ๆ
สำนักงานทูตสันติภาพ ขอเจริญไมตรีมายังท่านทั้งหลาย ในวาระที่จะขึ้นศักราชใหม่ จาก พ.ศ. 2547 เป็น 2548 หรือ คริสต์ศักราช 2004
ก่อนอื่น ท่านทั้งหลาย ในขณะนี้ สภาพของโลก ตกอยู่ในความร้อนแรงในภัยต่าง ๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยก่อการร้าย ภัยความเสื่อมโทรมของโลก
ทีนี้ ภาวะเช่นนี้ เราจะทำยังไงที่จะให้ภัยเหล่านี้เบาบางลงไป ก็อยู่ที่ ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้นำของโลก ที่จะแก้ไขกันได้
สำหรับภัยธรรมชาตินั้น เราจำเป็นที่จะต้องรณรงค์ปลูกป่าอย่างแท้จริง ภายในสิบปีนี้ มิฉะนั้นแล้ว โลกจะร้อนถึง 55 องศา มนุษย์ก็จะอยู่ไม่ได้ ภัยก่อการร้ายก็อยู่ที่เราจะปลุกระดมคนให้คนเข้าถึงสัจธรรมได้ยังไง ที่จะรู้ถึง ชีวิตหนึ่งอยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ต้องตาย คุยกันได้ หัวเราะกันได้ จะเป็นศัตรูกันเพื่ออะไร
สาม หนทางแห่งใช้จิตตานุภาพยับยั้งแสนยานุภาพ นั่นคือ ท่านต้องสวดมนต์มาก ๆ
ทุกคน ขณะนี้ เหตุการณ์ของโลกอาหรับ อิสราเอลกับปาเลสไตน์ ก็คงจะนั่งเจรจากันได้ในอนาคต และทุกคน ถ้าไม่ลืมว่า สี่สิบกว่าปีก่อนนั้น อิสราเอล ไม่มีประกาศ แต่ที่เขามารวมกันเป็นประเทศได้นั้น เพราะพวกผู้นำของเรา วันหนึ่งสวดมนต์ 3 ครั้ง เพื่อให้พระเจ้าประทานประเทศให้เรา แล้วก็ได้ตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นมา นี่เป็นการพิสูจน์ว่า การสวดมนต์ คือจิตตานุภาพที่จะชนะแสนยานุภาพได้
ฉะนั้น เรามีโครงการสวดมนต์ ซึ่งเป็น สวดของชินปัญชร แต่ท่านที่ไม่ใช่เป็นชาวพุทธ ท่านจะสวดถึงพระเจ้าของท่าน ก็ไม่ว่าอะไรกัน
และในสภาวะ ปี 2548 นี้ เป็นปีแห่งความเริ่มต้นอันตรายของโลก ภายใน 3 ปีนี้ โลกจะอันตรายมาก เพราะว่า หลักการนั้น เขาเรียก กรรมวิบากโลกมนุษย์ ก็มีดวงชาตาของโลกมนุษย์ ประเทศก็มีดวงชาตาของประเทศ คน ก็มีดวงชาตาของคน ฉะนั้น จึงไม่เหมือนกัน อันนี้เป็นหลักที่เราจะต้อง พิจารณา มหาพิจารณา ให้เกิดความสามัคคีในโลกมนุษย์ขึ้นมา
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อท่านได้รับสารนี้แล้ว ท่านคงพิจารณาช่วยดำเนินงานให้โลกเกิดสันติภาพที่แท้จริงขึ้นมา ด้วยเถิด
ขอให้มนุษย์ชาติอยู่อย่างสันติสุข
ขอแสดงความนับถือ แห่งพรปีใหม่
(ลงนาม ) ดร.ทองเหมาะ จำปาเงิน
เลขาธิการสำนักงานทูตสันติภาพ.
.... อันนี้ก็ส่งไป ถึงผู้นำทั่วโลก ซึ่งตามความจริงแล้วนี่ การอวยพรนี่เราจะต้องเริ่มตั้งแต่เดือนนี้ เป็นต้นไป เพราะว่า กว่าจะส่งถึงอะไรนี่ ฝรั่งเขาเรียกว่า ก่อนคริสต์มาสเขาก็ต้องได้รับบัตรอวยพร ได้รับอะไรอย่างงี้
อันนี้มัน เกี่ยวกับว่า สำนักงานทูตสันติภาพมันต้องพิจารณา แบบเราที่กำลังอย่างงี้ เราควรจะวางแผนว่าเราจะจัดงานยังไง แต่ละปี ๆ นะ ไม่ใช่ว่า พอใกล้ ๆ แล้วก็มา วิ่งกันยังกับ ไฟจุดตูด มันก็ทำงานกันมันก็ไม่ได้ผลที่จะได้ดี ในเรื่องของการจัดงาน ที่จะจัดใหญ่ ๆ ไม่ได้ จัดใหญ่ ๆ นั้นก็ต้องมีทีมงาน เวลานี้เราก็ไม่มีทีมงานที่จะเป็นทีมที่จัดงาน มันก็เลยทำให้ เรียกว่า อิโหลกโขลกเขลกอยู่อย่างนี้
ฉะนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลาย ท่านเป็นบุคคลสำคัญ ที่จะได้มาร่วมกันช่วยโลก ช่วยมนุษย์โลก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ อย่างเวลานี้ ปัญหาเรื่องปักษ์ใต้ ไอ้ฝ่ายทำลาย ฝ่ายก่อกวนเขาก็งง เอ๊ะ แผนเขานี่ ทำไมไม่เข้าสำเร็จ ไอ้ฝ่ายปราบปรามก็ว่า เอ๊ะ ทำไมปราบปรามยังไม่สำเร็จ มันทำไมอยู่กึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างงี้ เพราะฉะนั้น หารู้ไม่ว่า ทางเราก็ได้ช่วยประเทศ ช่วยอย่างไร ช่วยตั้งพุทธรัตนะปกป้องไทย อันนี้ก็เป็นเรื่อง ที่จะไม่พูดอะไรมาก เดี๋ยวพูดแล้วพูดมากแล้ว พวกมันไปก่อการร้าย มันไปยก ยกพระพุทธรัตนะปกป้องไทย เผาให้หมด หรือยังไง อย่างงี้เป็นต้น
ทีนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ซึ่งท่านทั้งหลายก็.....(ฟังไม่ชัด) ...ทั้ง ๆที่เราไม่มีเงิน ก็ช่วยกันสร้างพระพุทธรัตนะ (ตั้งพระพุทธรัตนะ) ตั้งโครงการสวดมนต์
แล้วสวดมนต์นั่งสมาธินั้นน่ะ ขณะนี้เขาวิจัยออกมาแล้ว ทั้งฝ่ายหมอเขาก็บอกว่า สมาธิจะช่วยรักษาโรคได้ ทำไมคนถึงไม่มาฝึกสมาธิ นั่นก็คือ เรา อ่อนประชาสัมพันธ์ แล้ว พุทธเราก็ ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างอยู่ยังดี บางทีก็ทะเลาะกันเอง เป็นต้น กิเลสตัณหามาก อันนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ที่จะ ไม่รู้จะแก้ไขยังไง
เพราะฉะนั้น ชีวิตหนึ่งอยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ต้องตายจากโลกมนุษย์ เราจะทำยังไงที่จะทำให้ชีวิตมีคุณค่าต่อเพื่อนมนุษย์ เราจะทำยังไงให้ชีวิตที่จะเรียกว่า ตายแล้วคนคิดถึง อันนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด แต่มนุษย์ทุกวันนี้เขาไม่ได้คิดอย่างนี้ มนุษย์ทุกวันนี้คิดแต่จะเอา ได้ แบบที่ เขาโฆษณาพลังแห่งชีวิตของเขาอย่างงี้ เขาเรียก เอาหลากหลาย เอาพ่อค้า เอาคนทำงาน พวกพ่อค้าบอก กูจะรวยอยากมีเงินมาก ๆ จะมีความสุข แต่ที่แท้ก็ไม่ได้มีความสุข อย่างงี้เป็นต้น
ทีนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ว่า เราจะเผยแผ่ยังไง ที่จะให้เขาเข้าถึงสัจธรรมแห่งจิตใจ คือ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่จิตใจ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ ที่จะฝึกไปในทางที่ว่า “สันโดษ” "สงบ" “สันติ” ชีวิต สันโดษ ไม่ใช่ว่าให้ขี้เกียจ สันโดษคือให้เข้าใจ พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ เราก็ดำเนินไปตามนั้น สันโดษ สงบ ก็คือ ดูแลกิจการของเราให้เรียบร้อย ให้มันสงบ สันโดษ สงบ เมื่อสงบ สันติมันก็เกิด นี่เป็นหลักแห่งสัจธรรมที่พัวพันกันไป
ถ้าเราใช้หลักอริยสัจสี่มาจับ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แล้ว แล้วทุกคนใช้หลัก อริยสัจสี่ มาดำเนินชีวิตแล้ว โลกนี้จะมีสันติสุขอย่างแท้จริง แต่ทุกวันนี้ เราไม่ได้เดินตามนั้น มนุษย์มีแต่ดิ้นรนอยากจะเอา อยากจะเอาท่าเดียว เอาไม่รู้จักพอ อย่างงี้เป็นต้น มันก็เลยวุ่นวายทั้งโลก นะ มีล้านนึงก็จะเอาสิบล้าน มีสิบล้านจะเอาร้อยล้าน มีร้อยล้านจะเอาพันล้าน พันล้านเอาหมื่นล้าน หมื่นล้านยังไม่พอจะเอาแสนล้าน เวลานี้ อย่างงี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นมันจึงทำให้ว่า ไม่รู้จักหยุด
ซึ่งเราก็ ตอนปลุกระดม ที่ ผกค. 41 จังหวัด เราก็ปลุกระดม เพลง “หยุดเถิดชาวไทย “ ซึ่งเราได้แต่งให้ เพลงต่าง ๆ พวกนี้ มันน่าจะเอาออกมาใช้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไม่ได้ใช้จังหวะเวลาให้มันถูกต้อง
และ ในหลักการนั้น อย่างเวลานี้ ภัยแล้งตั้ง 51 จังหวัด อย่างงี้เป็นต้น มันเกิดจากอะไร อันนี้ ถ้าพิจารณาเข้าไปถึงจุดที่เกิด เพราะฉะนั้น ในหลักการเวลานี้เราถึงว่า ทุกอย่าง มันก็สายเกินแก้แล้ว แล้วปีหน้า..(ฟังไม่ชัด)...ประเทศไทยนั้นน่ะ มันเป็นปีแห่งอันตราย ซึ่ง เรื่องอะไรนั้น “ความลับของฟ้า” เขาไม่ให้พูด ก็พูดไม่ได้
แล้วถ้าท่านคิดดี ๆ แล้วนี่ ชีวิตหนึ่งนี้ ถ้าอยู่อย่าง เรียกว่า สันโดษ สงบ สันติแล้ว ชีวิตนั้นจะมีความสุข และทุกอย่างเรียกว่า “มนุษย์คิดหรือ จะสู้ฟ้าลิขิต” พูดไปพูดมาก็จะไปถึง นายกรัฐมนตรีทักษิณ คนปัจจุบันมีอย่างงี้ เขา สกุลเขามาจากเมืองจีน คูซุ่นเส็ง ปู่เขา แล้วมันก็เป็นเด็กชายกาแฟที่หางดง เสร็จแล้วตอนที่มาตั้ง ...(ฟังไม่ชัด)....ใหม่ ๆ มันจะต้องไปแลกเช็คกับคนโน้นคนนี้ ถูกเขาฟ้อง เรื่องเช็คอะไรเยอะแยะ แต่ถ้าคนเรานั้นน่ะ เขาเรียก วาสนาเก่ามี ดวงขึ้น จังหวะให้ มันก็สำเร็จของมันเอง จากที่ยุ่งยากขึ้นศาลอะไรเยอะแยะ จนเดี๋ยวนี้มีเงินเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน อย่างงี้เป็นต้น นั่นก็คือว่า วาสนาเก่าเขามี ดวงขึ้น จังหวะให้ มันก็เลยเป็นไปได้
แต่ว่า เราไม่ใช่ว่า ไม่ทำอะไรเลย นอน สวดชินปัญชรแล้วนอนกอดพุง บอกว่า เออ เดี๋ยวเงินจะมาจากฟ้า ไม่มี สวดชินปัญชรเพื่อคุ้มกันตัวเราเอง แล้วก็เดินทางตามที่สัมมาอาชีวะของเราในชีวิต ที่เราทำอะไร ก็ทำสิ่งนั้น ให้ดีที่สุด เราก็จะไปสู่สันติสุขได้
ฉะนั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ที่นี่ ท่านควรจะเผยแผ่เรื่อง สันโดษ สงบ สันติ เพื่อให้คนที่ดิ้นรนนั้นน่ะ หยุด ได้คิด ได้พิจารณา ว่า ชีวิตหนึ่ง ท่าน ชีวิตหนึ่งท่านต้องการอะไรกันแน่ คือ มนุษย์เรานี่ ทุกวันนี้ที่วุ่นวายเพราะว่า สะเปะสะปะ อยู่กันอย่างสะเปะสะปะ ไม่มีเข็มมุ่ง เขาเรียกไม่มีจุดมุ่งหมาย เข็มมุ่งนะ ไม่ใช่เข็มกระสอบ เข็มเย็บกระสอบ เข็มมุ่งคือเป้าหมาย คือคนเราต้องตั้งเป้าหมายชีวิต คือว่า เราจะไปทางโลก หรือจะไปทางธรรม..
(ม้วน 1 หน้า บี) .........เราก็เดินไปทางโลก แต่ถ้าจะไปทางธรรม เราก็ต้องไปทางธรรม แล้วมันจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ไหม มันอยู่ที่ ภาษาชาวบ้าน ภาษามหายาน เขาว่า แล้วแต่ฟ้าจะลิขิต เราทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เรารับผิดชอบ
ทีนี้ ทุกวันนี้ ที่โลกมนุษย์วุ่นวายเพราะว่า ส่วนมากจะอยู่กันอย่างไม่มีเป้าหมาย เดินอย่างสะเปะสะปะ แล้วชีวิตคนเรานั้นน่ะ เขาเรียกว่า ถ้าสามสิบ ถึงห้าสิบ ยี่สิบปีนั้นน่ะ ถ้าทำอะไรยังไม่สำเร็จแล้ว เลยห้าสิบท่านอย่าไปคิดอะไรมาก เพราะว่ามันเลยจังหวะ แล้วคนเรานั้นน่ะ ความจำดีที่สุดคือ ตอนอายุ 40 นะ ไม่ใช่อายุ 20 นะ จำนะ ยี่สิบจำยังไม่เท่าอายุ 40 สี่สิบนั้นน่ะความจำจะแม่น จะดี แต่พอ 50 เลยห้าสิบไปแล้วนี่ มันจะถอยแล้วมันจะค่อย ๆ ถอยไป พอ 60 หกสิบกว่ามันยิ่งถอย บางคนก็เป็นโรคอะไร อัลไซเมอร์อะไร จำไม่ได้เลย อะไรอย่างงี้เป็นต้น
ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ เราต้องมองสังขารตัวเราเองด้วย ว่าจะทำอะไรได้ในจังหวะไหน จะทำอะไรได้ในชีวิตตอนไหน เขาเรียก ต้องรู้จักบริหารเวลา บริหารเวลาเป็น บริหารเงินเป็น เงินสิบบาทนั้นน่ะ เราจะใช้ยังไงให้มันได้ผลประโยชน์มากที่สุด นี่คือหลักแห่งการดำเนินชีวิต
และทุกคน เรียกว่า ถ้าเราดำเนินชีวิตแบบมีเป้าหมาย มีเข็มมุ่ง แล้วก็จะสบายใจ ก็เป็นตามขั้นตอนเหล่านั้นไป ทีละขั้น ทีละขั้น นะ
แบบที่ ปี 2527 ที่เขาจะล้มสำนักงานทูตสันติภาพ สำนักงานสมาคมศาสนาสัมพันธ์ เขาบอก ทูตสันติภาพ เดินแบบมีขั้นตอน เพราะฉะนั้น ปล่อยไว้ เขาจะต้องตั้งรัฐบาลโลกได้ กลัวขนาดนี้เลย โดยไม่คิดว่า ถ้ารัฐบาลโลกตั้งจากประเทศด้อยพัฒนานี่ มันจะดังขนาดไหน อันนี้ก็ เราก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องเก่า มันก็ผ่านไปแล้ว มันเรื่องอนิจจัง เรื่อง ก็ผ่านมา เดี๋ยวเดียวเอง ยี่สิบกว่าปี ลืม ๆ หน่อย ยี่สิบกว่าปีแล้วคนที่ วันนี้ก็มา คนที่พาทูตสันติภาพออกจากหุบผา ฯ ก็คือ ธีระ นี่ วันนี้มาถือศีลที่นี่ นี่ ในสภาวะอย่างงี้
คือทุกสิ่งทุกอย่างนี่ ถ้าเราเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี่ ฟ้าลิขิตลงมาแล้วนี่ เราก็ไม่ต้องไปคิดมาก แต่อยู่ที่ใจสู้ อย่างทูตสันติภาพนี่ ใจสู้ อย่างทูตสันติภาพนี่ ใจสู้ แต่เวลานี้สังขารไม่ไหวแล้ว ล้มกู กูก็มาสร้างอุทยานฯ อย่างงี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นก็ ถือหลักว่า เราทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเกิดมาชีวิตหนึ่ง เพราะว่า มนุษย์เรานั้นน่ะ อยู่ในกฎอนิจจัง ถ้าเรารู้จักบริหารเงิน รู้จักบริหารเวลา มีเงินสิบบาทก็มีความสุขกว่าคนมีเงินล้านบาท อย่างงี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ในหลักสัจธรรมนั้น ท่านต้องเข้าถึงสัจธรรม ถ้าท่านดำเนินชีวิตแบบเข้าถึงสัจธรรมแล้ว ท่านจะมีความสุข แต่ถ้าท่านดำเนินชีวิตแบบ เขาเรียกสร้างภาพหลอกลวงตัวเอง เวลานี้โลกมนุษย์อยู่ด้วยความหลอกลวงทั้งสิ้น สร้างภาพ สร้างจินตนาการ สร้างสิ่งที่ไร้สาระ ซึ่งหารู้ไม่ว่า โลกมนุษย์กำลังตกอยู่ในอันตรายมาก
แต่ว่า อย่างนาซ่านี่ เขาจะไม่ยอมประกาศหรอก ว่า มีอุกกาบาตจะมาชนโลก มีมนุษย์ต่างดาวจะมาบุกโลกมนุษย์ ไม่ใช่นาซ่าเขาไม่ได้ติดตามเหล่านี้ คือตอนหลังนาซ่าเขาได้ประกาศออกมา เพราะว่า ทางเราได้ออกหนังสือว่า มนุษย์ต่างดาวยึดโลกอะไรอย่างนี้ เขาไปอ่านแล้ว บอก ที่นี่มันรู้ดีเว้ย เมื่อที่นี่ออก เขาก็ต้องแถลงออกมาบ้าง เป็นต้น
เพราะฉะนั้น เวลานี้ก็คือว่า เป้าหมายที่จะแก้ไขก็อยู่ที่พวกท่าน นะ เดือนหน้าจะรู้ชาตาชีวิตของโลกมนุษย์ เราก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แล้วก็ รู้สึกว่า ร่างกายของทูตสันติภาพก็ยังไม่ดี ทั้ง ๆ ที่ไปเข้าป่า 3 เดือน อะไร เพราะว่าโรค กรรมวิบาก อันนี้ก็ฝากไว้เป็นข้อคิด แล้วก็รู้สึกว่า ที่ว่า ตะกี้นี้มาก็ยังไม่ถึงเจ็ดโมง นี่ก็จะชั่วโมงนึงแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านมีอะไรก็ถามมา ถ้ามีอะไรก็ถามมา ไม่มีอะไรก็จะให้ กลับแล้ว
สุดท้ายนี้ก็คิดว่า ไม่มีอะไร เพราะว่า เกือบชั่วโมงนึงพอแล้ว เพราะว่า สมองของคนเรานี่ มันบรรจุความรู้ได้แค่ ชั่วโมง เดียว ไม่งั้นเขาประชุม เขาจะต้องบอกว่า หยุดกินน้ำชา กินอะไรก่อน ชั่วโมงนึงก็ต้องหยุดกินทีนึง พักทีนึง เพราะว่าพักสมองหน่อย
ฉะนั้น วันนี้ก็ เป็นศักราชที่ออกพรรษา ที่มา นะ ก็ยังพิจารณากันอยู่ เพราะว่าอีกเดือนนึงก็จะขึ้นศักราชใหม่แล้ว ขอให้ทุกคนวางแผนชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
และสุดท้ายนี่ก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกจงคุ้มครองให้ท่านทั้งหลาย แคล้วคลาดปลอดภัย มีโชคมีชัย อยู่เย็นเป็นสุข คิดสิ่งใดให้สมความปรารถนาเถิด.
เจริญพร
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
เว็บไซต์
ที่อยู่
Phetchaburi
76170
138 Moo 4, Petchakasem Road, Tambon Sarpang, Province/Petchaburi, District/Khao Yoi
Phetchaburi, 76140
ဗုဒ္ဓဟောထားသောတရားတော်များ
หมู่ 4, ตําบลบางจาก อําเภอเมืองเพชรบุรี
Phetchaburi, 76000
สถานที่อบรมบ่มนิสัย ให้การศึกษา สร้างสรรค์สังคม เพื่อพระพุทธศาสนายั่งยืน
วัดโพธิ์พระใน หมู่ที่ 5 ตำบลโพธิ์พระ อำเภอเมือง
Phetchaburi, 76000
หน้าประชาสัมพันธ์กิจกรรม วัดโพธิ์พระใน จังหวัดเพชรบุรี
เพชรบุรี
Phetchaburi, 76000
แหล่งเรียนรู้ศิลปและวัฒนธรรม ฝีมือ
วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน ) เลขที่ 61 ถนนคีรีรัฐยา ตำบลคลองกระแชง
Phetchaburi, 76000
ขอเชิญมาสักการะองค์หลวงพ่อพระนอน ที่งดงามในจังหวัดเพชรบุรี
259 หมู่ 7 ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
Phetchaburi, 76170
🌍⏳🌎 #เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ #บูชาในสิ่งที่ควรบูชา #พิจารณาทุกเรื่อง
Khlong Kra Saeng, Mueang Phetchaburi District
Phetchaburi, 76000
ศาลหลักเมือง เพชรบุรี