น้ำคลอโรฟิลล์ เขียวทิพย์
ตำแหน่งใกล้เคียง คลินิก
Lampang 52000
ถ. ทิพย์ช้าง หัวเวียง
ถนน ป่าขาม, Lampang
ถ. บ้านเชียงราย ต. สบตุ๋ย อ. เมือง จ. ลำปาง, Lampang
หมู่ 12 บ้านเขลางค์ทอง ถนนคั, Amphoe Muang Lampang
Bo Haeo 52100
ม. 12 ต. ต้นธงชัย, Lampang
ถ. จามเทวี ม. 8 ต. ห้างฉัตร, Hang Chat
ตำแหน่งใกล้เคียง ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม
ถ. พาณิชย์สัมพันธ์, Lampang
52000
, Amphoe Muang Lampang
Amphoe Muang Lampang 52100
Nakorn Lampang 52150
ตำแหน่งใกล้เคียง โรงยิมและอุปกรณ์กีฬา
ข้างโรงเรียนพินิจวิทยา ตรงข้ามบิ๊กซีลำปาง ข้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม, Lampang
ลำปาง
Muang Lampang 52100
Muang Lampang 52000
52000
52000
สมุนไพรไทย ดีที่สุด
จากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ ศ.ดร.ฮันส์ ฟิชเชอร์ ชาวเยอรมัน เจ้าของรางวัลโนเบลปี ค.ศ.1930 ซึ่งพบว่าสารคลอโรฟิลล์เป็นสารสีเขียวจากพืชที่มีสูตรโครงสร้างทางเคมีใกล้เคียงกับสารเฮโมโกลบินของเม็ดเลือดแดงของมนุษย์มาก แตกต่างกันเพียงสารเคมีที่เป็นโครงสร้างในส่วนของอะตอมที่คลอโรฟิลล์เป็นอะตอมของธาตุแมกนีเซียม ส่วนของเฮโมโกลบินเป็นอะตอมของธาตุเหล็ก ซึ่งมีหน้าที่ในการจับก๊าซออกซิเจนเพื่อพาไปเนื้อเยื่อหรือเ
Mahidol Channel
ไม่อยากแก่เร็ว ต้องรู้ อาหารเหล่านี้ ยิ่งกิน ยิ่งแก่ อะไรติดอันดับบ้าง มาดูกันใน SMART 60 #มหิดล
English Fit and Firm
ฉันอยู่ไทย จะเก่งภาษาเหมือนเด็กนอกได้อย่างไร❓
♦️กดHD♦️
➡️ ลบความคิดนี้ออกไปสักพัก
➡️ แล้วเริ่มสังเกตแวดล้อมรอบตัว จับภาษาอังกฤษจากคำศัพท์ทั้งหมดที่ใกล้ตัวที่สุด
➡️ คุณจะพบว่า มันมีเยอะมากกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ (ซองขนม ขวดน้ำ โลชั่น ป้ายโฆษณา หนัง เพลง สโลแกน-วิธีใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ เครื่องสำอางค์ ฯลฯ)
นั่นแหละคือส่วนหนึ่งของ
✅ ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ✅
จากนั้น นำคำเหล่านั้น มาฝึกใช้ ฝึกออกเสียง แต่งประโยค ทุกวัน ย้ำ❗️ทุกวัน‼️
มันเป็นบันไดขั้นเล็กๆที่จะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้ แต่ถือเป็นบันไดขั้นสำคัญที่สร้างความแตกต่างได้ อย่างแน่นอนค่ะ
🔺🔺🔺🔺🔺🔺
วันนี้ 🍊ส้มมาสาธิตการเก็บศัพท์จากแวดล้อม(MRT)
•••••••••••••••••••••
Thanks for following/subscribing❗️
YouTube/FB
English Fit and Firm

น้ำคลอโรฟิลล์ เขียวทิพย์'s cover photo

น้ำคลอโรฟิลล์ เขียวทิพย์

สุนทรียศิลป์ By Melann
พบกันที่งานเซรามิคแฟร์ จ.ลำปาง นะคะ

โอกาสก็เหมือนเวลา มันผ่านไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเข็มวินาที:-)
เพราะฉนั้นใช้เวลาทุกวินาทีให้มาค่านะคะพี่ๆที่รักทุกท่าน
**ปั่นน้ำคลอโรฟิลล์ไปก็ปั้นหุ้นไป คะ สู้ๆๆๆๆ
แม้นงานน้องป่านจะมากแต่รสชาดและคุณค่าของคลอโรฟิลล์เขียวทิพย์ ก็ยังมากได้มาตรฐาน มากๆๆ นะคะ
Good night:-) พี่ๆที่รักทุกท่านคะ

วันนี้ได้มีโอกาสมาทำบุญไหว้พระ @วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ สาธุ สาธุ สาธุ ขอผลบุญนี้ส่งถึงพี่ๆทุกท่านมีความสุขความเจริญนะคะ

"ความรัก" ในครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญ

ใจสำคัญที่สุดค่ะ

สุขภาพดี เริ่มที่ตัวเองค่ะ

ป้องกันกันนะคะ รักษาให้ทันดัวยค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ
โรคหัดเยอรมัน เป็นได้ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กเล็ก มีอาการไข้ ออกผื่นคล้ายโรคหัด บางรายอาจไม่มีผื่นขึ้น หากเป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ดังนั้น ควรพบแพทย์ และหยุดงาน หรือหยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์
โรคอีสุกอีใส มักจะเกิดในเด็ก เมื่อเป็นโรคนี้แล้ว จะมีภูมิต้านทานโรคตลอดชีวิต อาการจะเริ่มด้วยไข้ต่ำ ๆ ต่อมา จะมีผื่นขึ้นที่หนังศีรษะ หน้า ตามตัว โดยเริ่มเป็นผื่นแดง ตุ่มนูน แล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มพองใสหลังมีไข้ 2-3 วัน จากนั้น ตุ่มจะเป็นหนอง และแห้งตกสะเก็ดหลุดออกเองประมาณ 5-20 วัน เด็กนักเรียนที่ป่วยควรหยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์ เด็กเล็กที่ป่วยควรตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการอักเสบจากการเกาที่ผื่น
โรคอุจจาระร่วง ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า โรต้าไวรัส มักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ติดต่อโดยการดื่มน้ำ หรือกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนเข้าไป โดยเด็กจะถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรง แต่เด็กบางคนอาจขาดน้ำรุนแรง หากมีเด็กในบ้านถ่ายเหลว ควรให้กินอาหารเหลวบ่อย ๆ เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด ให้ดื่มนมแม่ สำหรับเด็กที่ดื่มนมผสม ควรผสมนมให้เจือจางลงครึ่งหนึ่งจนกว่าอาการจะดีขึ้น หากยังถ่ายบ่อยให้ผสมสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ให้ดื่มบ่อย ๆ อาการจะกลับเป็นปกติได้ภายใน 8-12 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้เตือนเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคโลหิตจาง เนื่องจากมีระดับภูมิต้านทานโรคต่ำอยู่แล้ว โดยขอให้รักษาความอบอุ่นร่างกาย ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อจะได้มีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายที่มักมาพร้อมกับหน้าหนาวนั่นเอง
cr:http://health.kapook.com/view18341.html

โรคที่มากลับฤดูหนาวนี้ ป้องกัน กันนะคะ
ลมหนาวเริ่มพัดมาแล้ว ไม่รู้ว่าปีนี้สาว ๆ ในกรุงเทพฯ จะได้งัดเสื้อกันหนาวตัวสวยออกมาใส่กันหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ หลายจังหวัดในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มหนาวเย็นกันแล้ว แต่ทว่า ความหนาวเย็นเช่นนี้ ก็นำพาโรคภัยไข้เจ็บมาหาเราด้วยเช่นกัน และต่อไปนี้คือ 6 โรคที่มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว
โรคไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ อาการจะเริ่มด้วยการมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ไอ เมื่อเริ่มมีอาการควรนอนพักผ่อนให้มาก ๆ ดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมากควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือกินยาลดไข้ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-7 วัน แต่หากมีอาการไอมากขึ้น หรือมีไข้สูงนานเกิน 2 วัน ควรไปพบแพทย์
โรคปอดบวม จะมีอาการโดยทั่วไปได้แก่ ไอ เจ็บหน้าอก มีไข้สูง และหายใจหอบ การวินิจฉัยจะกระทำโดยการฉายรังสีเอกซ์และการตรวจเสมหะ ซึ่งหากมีความรุนแรง ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อย เด็กขาดสารอาหาร เด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น
โรคหัด มักเกิดในเด็กโตและวัยรุ่น อาการจะเริ่มจากมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง และจะมีผื่นขึ้นภาย หลังมีไข้ประมาณ 4 วัน จากนั้น ผื่นจะกระจายทั่วตัว โดยผื่นจะจางหายไปภายใน 2 สัปดาห์ เด็กที่ป่วยเป็นหัด ให้แยกออกจากเด็กอื่น ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์
cr:http://health.kapook.com/view18341.html
สนทนาธรรมเช้าวันเสาร์_2013-12-21
http://www.youtube.com/watch?v=PAs8w6SzI4M
สนทนาธรรมเข้าวันเสาร์ ที่ 21 ธันวาคม 2556 โดยพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง ติดตามการเผยแผ่พุทธวจน ได้ที่ http://watnapp.com http://faq.watnapp.com ...
https://www.facebook.com/rarindar
พี่สาว น้องป่าน เองเจ้าค่ะ

พี่ๆ ที่รักสุขภาพทุกท่านค่ะ น้องป่านคนสวยสุขภาพ ขอเพิ่ม ผุ้ดูเพค นะคะ พี่สาวน้องป่านเองค่ะ
พี่ลิน คะ พวกเราจะช่วยกันดูแล พี่ๆ ที่รักสุขภาพทุกคนนะคะ

แก้ตาบวมขอบตาคล้ำ
แตงกวา ถุงชา น้ำแข็งก้อน
แตงกวาจะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
วิธีการรักษา
นำแตงกวาไปล้างน้ำให้สะอาด ฝานแตงกวาเป็นชิ้นบางๆ โปะลงบนเปลือกตาแล้วนอนพักสายตาสัก 15-20 นาที รอยคล้ำ หรือบวมแดงจะหายไปได้อย่างทันอกทันใจ
แต่ถ้าหากไม่มีแตงกวา ให้ใช้ถุงชาที่ชงแล้ว วางโปะลงไปบนเปลือกตาก็ได้ หรือถ้าไม่มีทั้งถุงชาและแตงกวาติดบ้านเลย ให้นำก้อนน้ำแข็งมาห่อผ้าขนหนู แล้ววางประคบบนเปลือกตาก็จะสามารถบรรเทาได้เช่นกัน
Cr:http://www.xn--22c5bfubbncmi7eh2bze8cjj3lzcc3g.com/

อันตรายจากอาหารผัดน้ำมัน
อาหารผัดน้ำมัน..............................................................................
ดูจากก้นกระทะและรอบๆ เตาแก๊ส หรือท่อน้ำทิ้งที่ล้างจานจะมีคราบเหนียวของน้ำมันเกาะอยู่ เราก็ล้างมันออกได้ แล้วถ้ากินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ น้ำมันที่เข้าไปโดนอุณหภูมิของร่างกายที่ 37 องศาตลอดเวลา น้ำมันจะเหนียวเป็นกาวยึดเกาะที่ผนังลำใส้เป็นเวลานานเข้า ก็จะหนาตัวขึ้นไปขวางระบบดูดซึม ระบบดูดซึมของร่างกายจะเสีย แล้วเราจะส่งอะไรเข้าไปล้างมันได้
ระบบดูดซึมเสีย
เมื่อระบบดูดซึมเสีย สำใส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้ กินยา หรือวิตามินก็ไม่ดูซึม เพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้ หรือผ่านไปได้น้อย ต่างกับการให้น้ำเกลือโดยการฉีดเข้าเส้นเลือด โดยไม่ต้องผ่านระบบดูดซึม แต่ใครจะให้น้ำเกลือได้ทุกวัน คงไม่มี
เมื่อระบบดูดซึมไม่ได้ พวกสารอาหาร และโปรตีน จะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง ไตก็ต้องทำงานหนัก และอ่อนล้าเป็นธรรมดา ผลที่ตามมา คือความเจ็บป่วย การเกิดโรคต่างๆ
ทุกคนที่เคยกินอาหารผัดน้ำมัน หรือของที่ทอดน้ำมันบ่อยๆหรือทุกวัน ควรจะต้องล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น

การดูแลตนเองระหว่างตั้งครรถ์
สิ่งที่ควรปฎิบัติ
หลีกเลี่ยงว ความวิตกกังวล เรื่องตื่นเต้น จากการฟังข่าว หรือหนังทีวีที่เร้าใจน่าหวาดกลัว และการทำอะไรรีบเร่ง ลูกในท้องจะได้รับกรรมพันธุ์ทางด้านความคิดติดตัวมาด้วย
วิธีดูแล
งดอาหารผัดน้ำมัน
ไม่วิตกกังวล ไม่ตื่นเต้นง่าย
หลังคลอด
กินกระเจี๊ยบเขียวหรือว่านหางจระเข้ เพื่อสมานแผลภายใน
กินขมิ้นชันเป็นประจำ ช่วยขับน้ำนม และสมานแผลภายใน
กินน้ำกระชาย เพื่อขับน้ำคาวปลา
เมื่อให้นมลูกแม่ก็ควรกินขมิ้นชันด้วย ขมิ้นชันก็จะส่งไปถึงลูกที่กินนมแม่ ไปบำรุงโดยมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ มีวิตามิน เอ ซี อี ช่วยให้กระเพาะแข็งแรง ลำไส้ใหญ่แข็งแรง ขับถายดี ระบบย่อยดี ท้องไม่ผูก ผิวพรรณดี เด็กจะอารมณ์ดี ฉลาดไปจนโต เมื่อเด็กเลิกกินนมแม่แล้ว เอาขมิ้นชันชงกับนมให้ลูกกินก็ได้

สมองเสื่อม
สาเหตุอาจเกดมาจากเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง เพราะกินอาการผัดน้ำมันเป็นประจำติดต่อกันหลายปี น้ำมันจะเกาะผนังลำใส้ทำให้ดูดซึมอาหารที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ซึ่งเป็นสาเหตุให้สมองเสื่อมเร็ว
วิธีการดูแลสมอง
1. พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00-07.00 น.
2. กินอาหารเช้าระหว่าง 07.00-09.00 น. เพื่อให้เลือดรับสารอาหารไปเลี้ยงสมอง
3. ใช้กระเจี๊ยบแดงแห้งหรือสด ต้มกับพุทราจีน ใช้ดื่มน้ำ เพื่อล้างไขมันในหลอดเลือด
4. กินน้ำกระชาย แล้วกินน้ำใบบัวบกตาม จะส่งไปบำรุงสมองได้โดยตรง และผลไม้ ลูกไข่เน่า คึ่นฉ่าย เม็ดบัว ลูกแปะก้วย ซึ่งเป็นผลไม้ที่บำรุงสมองได้ดีเป็นอย่างมาก
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ

ตับและการล้างสารพิษในตับ
หน้าที่หลักของตับ คือ ผลิตน้ำดีให้ถุงน้ำดี ช่วยกรองเลือด ส่งเลือดดีเข้าสู่ร่างกาย และส่งเลือดไปที่ไต ล้างสารพิษ และตับยังช่วยย่อยอาหารดูแลเส้นผม ขน เล็ ถ้าตับทำงานหนัก ไตก็มาช่วยทำงาน เมื่อทำงานหนักตับก็ะเสีย ไตก็เสื่อม
วิธีล้างสารพิษในตับ
- กินเห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร (ห้ามผัดน้ำมัน แต่ใช้กะทิแทนน้ำมันได้ เพราะได้ประโยชน์มากกว่า)
- กินขมิ้นชันก่อนนอน เพื่อขับไขมันในตับ
- งดใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีกับใบหน้า งดใช้ยาสระผมที่มีสารเคมีกับหนังศีรษะ เพราะสารเคมีจะเข้าถึงตับได้โดยตรง โดยซึมผ่านเข้าทางเส้นเลือดฝอย
- ผงชูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท จะตกค้างในตับ ทำร้ายตับโดยตรง และทำให้เลือดเหนืด
- ไม่กินอาหารระหว่างเวลา ตี1-ตี3 เพราะเป็นเวลาที่ตับต้องขับสารพิษ
"ถึงจะบำรุงอะไร......แต่ถ้าสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย.....ก็ไม่เกิดประโยชน์

เรื่องเล่า เกี่ยวกับนมถั่วเหลือง เป็นสาเหตุของมะเร็ง สำหรับผุ้หญิง
ผู้หญิงคนหนึ่งกับเรื่องของถั่วเหลือง
คุณผู้ชายทุกท่าน ขอให้ส่งข้อความนี้ถึงเพื่อนหญิงของท่านทุกๆคน.....เพราะมันอาจจะช่วยชีวิตพวกเธอเหล่านั้นได้
บางสิ่งบางอย่างที่ควรแก่การใส่ใจไว้บ้าง เรื่องที่จะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีการดัดแปลงเติมแต่งแก้ไขแต่ ประการใด ทุกๆอย่างเป็นความจริงเพราะมันเกี่ยวกับประสบการณ์ของฉันเองโคยตรง และความคิดเห็นที่ได้จากการอ่านและสัมผัสกับสิ่งต่างๆที่ผ่านมา ฉันกำลังจะบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆเหล่านี้ให้กับสาวๆที่สนใจเรื่องของสุขภาพ แต่กำลังทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ตัวฉันเองจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน รัฐเท็กซัสในปี ค.ศ.1989 และก็ไม่รั้งรอที่จะก้าวต่อไปยังเมืองอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันต้องการเปลี่ยนแปลงดัวเอง นั้นคือการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ด้วยที่ตระหนักถึงเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก ฉันก็เริ่มปฏิบัติการลงมือเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายด้วยการทาน อาหารสุขภาพที่ดีที่สุดที่จะหาได้ เต้าหู้เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารสุขภาพทุกจาน และฉันก็ซื้อน้ำเต้าหู้เกือบทุกวันมาทานร่วมกับอาหารเกือบทุกอย่างจากอาหาร เช้าประเภทธัญพืชถึงน้ำผลไม้ปั่น หรือไม่ก็ดื่มกินเป็นอาหารว่าง ฉันซื้อขนมปังมัฟฟิ้นก็ทำจากถั่วเหลือง ซุปมิโซะใส่เต้าหู้ ถั่วเหลือง และ ถั่วงอกที่เพาะจากถั่วเหลือง เป็นต้น เนื้อหาในนิตยสารสุขภาพและเสริมสมรรถภาพร่างกายฉบับต่างๆกล่าวถึงคุณ ประโยชน์ของถั่วเหลืองในการป้องกันสารพัดอย่างตั้งแต่โรคหัวใจยันมะเร็ง เต้านม สารสกัด isoflavones จากถั่วเหลือง และโฮโมนที่มีคุณสมบัติคล้าย แอสโตรเจน ต่างก็ทำหน้าที่ช่วยให้คุณหนุ่มแน่นและสุขอนามัยสมบรูณ์ ตัวฉันเองต้องบอกว่าแข็งแรงดูดียอดเยี่อม ด้วยการออกกำลังกายตลอดเวลา แต่รอบเดือนของฉันกลับไม่มาตามปรกติ ในวัยแค่ 20 ฉันเริ่มต้องทานยาคุมกำเนิดเพื่อที่จะควบคุมการมาของรอบเดือน
นอกเหนือจากนั้น ฉันยังต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดช่วงมีประจำเดือน เนื้อตัวของฉันเริ่มที่จะบวมเหมือนกับว่ากล้ามเนื้อจะล้า ฉันเริ่มจะโศรกเศร้าหดหู่และเริ่มมีอาการรู้สึกเนื้อตัวร้อนวูบวาบ ที่แรกก็เข้าใจว่าเรื่องเพี้ยนๆทั้งหมดที่เกิดคงเป็นอาการที่เรียกว่า PMS (a syndrome that occurs in many women from 2 to 14 days before the onset of menstruation (premenstrual syndrome) อาการที่เกิดกับผู้หญิงส่วนใหญ่ช่วง 2 ถึง 14 วันก่อนจะมีประจำเดือน) เนื่องจากเห็นว่าประจำเดือนมาผิดปรกติอยู่แล้ว ถ้าว่าเมื่อถึงอายุ 25 ปี อาการแย่ลงมาก จนเดินไม่ได้
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ทานอยู่ไม่เคยสามารถที่จะช่วยทำให้มันมาปรกติหรือ ลดอาการเจ็บปวดได้ ฉันก็เลยตัดสินใจเลิกทาน อาการเช่นนี้เป็นอยู่ต่อไปอีกสองปีจนเริ่มรู้ว่าความเจ็บปวดที่เป็นอยู่ไม่ ใช่ธรรมดาซะแล้ว ตอนอายุ 27 สูตินารีแพทย์ของฉันได้พบซีสท์สองก้อนขนาดเท่าลูกเทนนิสอยู่ในมดลูก ก็ต้องทำการผ่าตัดเอาออก โชคดีที่มันไม่เป็นเนื้อร้าย หมอก็บอกให้กลับไปทานยาคุมเหมือนเดิมแต่ฉันก็ไม่ได้ทำตาม ในปี ค.ศ. 1998 หมอก็พบก้อนเนื้อที่หน้าอก เป็นอันว่าต้องทำการผ่าตัดอีกครั้งและผลตรวจออกมาก็เช่นกันว่าก้อนเนื้อไม่ เป็นพิษเป็นภัย
ในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2000 ต่อมเกิดบวม และ เงือกก็อักเสบ แรกก็คิดว่าคงเป็นเพราะติดเชื้อก็ได้ไปหาหมอฟันๆก็บอกว่าไม่มีปัญหา หลังจากทานยาปฏิชีวนะอาการบวมก็ไม่ยุบไป ในขณะเดียวกันก็ได้พบตุ่มเล็กๆทางด้านขวาของลำคอ ฉันก็บอกแม่ว่าาต่อมไทรอยด์มีปํญหา แม่ก็คิดว่าฉันไร้สาระเพราะในครอบครัวไม่มีใครสักคนที่มีปัญหาของต่อม ไทรอยด์ ด้วยเพราะลางสังหรณ์ ก็ได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้ทำการตรวจด้วย Papilary Thyroid Carcinoma (เข้าใจว่าคือการตรวจสอบหามะเร็งสักอย่าง) หลังจากขบวนทดสอบต่างๆเสร็จสิ้นลงเขาก็บอกกับฉันว่าเป็นมะเร็ง ตอนนั้นทั้งตัวฉันเองและคู่หมั่นต่างก็ตะลึงงัน เราไม่ได้เผื่อใจไว้ที่จะรับข่าวเช่นนี้ และยอมรับว่าฉันเองก็กลัวเอามากๆ เราก็เลยกำหนดวันรับการผ่าตัดทันที หมอผู้เชี่ยวชาญบอกกับเราว่าต้องหลังจากการผ่าตัดแล้วหมอพยาธิวิทยาจึงจะ ยืนยันได้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่มะเร็ง เขาเจอก้อนเนื้องอกตูมซีกขวาที่ประกอบด้วยเซลล์ผิดปรกติ และก้อนเนื้องอกเล็กๆกำลังโตทางด้านซ้าย ด้วยเหตุนี้ต่อมไทรอยต์ทั้งหมดต้องถูกตัดออกไป
พวกเขาบอกฉันว่าหลังจากฉายรังสีสารไอโอดีน ฉันก็จะปลอดภัยและรับรองว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนาน หลังการรักษาฉันก็เริ่มที่จะค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ต้องยอมรับกับตัวเองที่ไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวว่าสาเหตุมาจากถั่วเหลือง ที่กินมาเกือบสิบปี โดยเชื่อยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ
ฉันได้พบเว็ปเพจในคอมพิวเตอร์ที่มีข้อความเชื่อมโยงปัญหาของไทรอยต์กับ การบริโภคถั่วเหลืองและการตลาดถั่วเหลืองที่แอบแฝงความชั่วร้ายว่าเป็น อาหารสุขภาพทั้งๆที่จริงแล้วเป็นผลพลอยได้เป็นพิษที่ได้จากอุตสาหกรรมการ ผลิตน้ำมันพืช ต้องบอกว่ามันไร้สาระสิ้นดี ในเมื่อนิตยสารต่างๆที่เกี่ยวกับสุขภาพพลานามัยไม่ได้เอ่ยถึงอันตรายจาก ถั่วเหลืองแม้แต่นิด
ฉันได้ไปหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรท่านหนึ่ง เธอเคยผ่านการตรวจหามะเร็งไทรอยต์ในปี ค.ศ. 1985 ได้บอกกับฉันว่าถั่งเหลืองเป็นตัวร้ายตัวเจ้าปัญหา เธอได้รับการผ่าตัดมดลูกเนื่องจากมีซิสและปัญหาอื่นๆ หลังจากนั้นสักสองสามเดือนคนที่ฉันคุ้นเคยอีกคนที่ทานถั่วเหลืองก็เป็น มะเร็งต่อมไทรอยต์ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในประเทศอังกฤษที่รู้จักกันผ่านชมรมมะเร็งไทรอยต์ใน อินเตอร์เน็ต ก็เพิ่งจะรับการผ่าตัดและเธอก็มีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้นเอง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?????????????????
มะเร็งทรวงอกเกี่ยวโยงกับเอสโตรเจน อะไรที่เล่นตลกกับเอสโตรเจนในร่างกายของสตรี ถั่วเหลือง ไง
แต่ฉันไม่เคยสงสัยถั่วเหลืองเลย เพราะถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่เคยเจอบทความสักชิ้นแม้ครั้งเดียวที่พูดถึงถั่ว เหลืองว่าเป็นพิษเป็นอันตราย สตรีที่ทานถั่วเหลืองอยู่ก่อนแล้วก่อนที่จะมีปํญหาของไทรอยต์ ก็คงจะทานต่อเนื่องไปเรื่อยๆเป็นปรกติ ถ้าหากเธอไม่รู้มาก่อนว่าจริงแล้วถั่วเหลืองก่ออะไรได้บ้าง มันประกอบด้วยสารอะไร และมันมีปฏิกิริยาต่อร่างกายสตรีอย่างไร ฉันเชื่อว่านี่ป็นเหตุผลที่สตรีที่เป็นมะเร็งไทรอยต์ที่มักจะพัฒนาจนกลาย เป็นมะเร็งเต้านมในเวลาต่อมา
เพื่อนร่วมงานของฉันคนหนึ่งเป็นผู้ที่โปรดปรานทานถั่วเหลืองเอามาก และ ฉันก็เห็นผมเธอล่วงและน้ำหนักตัวเพิ่มทั้งๆที่เดินออกกำลังกายช่วงหยุดพัก และหลังเลิกงาน ทานเอ๊ปเปิลและส้มเป็นอาหารเที่ยง เธอผู้นี้ก็เพิ่งจะตัดซิสจากมดลูกเช่นกัน
ฉันเตือนเธอให้เลิกทานถั่วเหลือง และแนะให้ดูเว๊ปไซ้ทดังกล่าว ดูเหมือนว่าบรรดาผู้หญิงทั้งหลายคงจะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปจนกว่าจะ ปรากฎเป็นเรื่องเป็นราวในข่าวทั้งสี่เครือข่ายการสื่อสาร นับตั้งแต่ผ่าตัดเอาไทรอยต์ออก ฉันก็ไม่เคยแตะถั่วเหลืองมาเป็นเวลาสองปีแล้ว
ถึงท่านผู้อ่านทั้งหลาย เรื่องราวของฉันคงเป็นประโยชน์กับผู้คนทั้งหลายไม่มากก็น้อย กรุณาบอกกล่าวต่อๆกันไปด้วย ยังมีเด็กสาวๆอีกมากมายที่ทานถั่วเหลืองโดยเชื่อว่าเป็นการวิธีหนึ่งในการ ดูแลตนเอง และผู้หญิงทั้งอีกหลายที่ทานเพราะต้องการที่จะมีสุขภาพที่ดี มันไม่ยุติธรรมเลยที่ข้อมูลที่พูดถึงอันตรายจากถั่วเหลืองไม่ได้รับการเผย แพร่ให้กว้างขวางและทั่วถึง มันน่าเศร้าไม่น้อยที่มีผู้คนอีกมากมายที่อยู่ข้างนอกนั้นต่างก็รู้สึกเช่น นี้ มันเป็นการสูญเสียที่ร้ายแรงเมื่อเรามาได้รู้ว่าเราไม่ได้มีสุขภาพดีอย่าง ที่คิด และข้อมูลที่เรายึดถือปฏิบัติมันก็ผิด
ที่มา http://www.whatphone.net/forum/viewtopic.php?t=6792

ทานแอปเปิลสด ให้ครบทั้ง 4 สี เพื่อสุขภาพกันค่ะ
กินแอปเปิ้ลสีอะไร..ดี (ไทยโพสต์)
บางคนชอบทานแอปเปิ้ลสีแดง บางคนชอบทานสีเขียว แล้วเคยสงสัยไหมว่า แอปเปิ้ลสีไหนให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่ากัน ถ้างั้นลองมาดูกันเลย
แอปเปิ้ลแดง
มีสารแอนติออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีสารอีลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิว
แอปเปิ้ลสีชมพู
มีสารฟิโนลิกมากที่สุด ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
แอปเปิ้ลสีเหลือง
มีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
แอปเปิ้ลสีเขียว
รสมักจะเปรี้ยวให้วิตามินซี และช่วยลดน้ำหนัก อีกทั้งมีอีลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี
ชอบแอปเปิ้ลสีไหนก็ทานกันตามสบายเลยนะคะ แต่ถ้าจะให้ได้ประโยชน์ครบถ้วน ทานแอปเปิ้ลให้ครบทุกสีก็ดีไม่น้อยนะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ลดความอ้วนด้วย การทานเม็ดแมงลัก ดีกว่าค่ะ
เม็ดแมงลัก ถือเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูก และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพร ย่อมต้องมีสรรพคุณดี ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง ส่วนประโยชน์ของเม็ดแมงลักจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ
เม็ดแมงลัก ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย โดยเส้นใยของแมงลักจะดูดซับไขมันไว้ เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยกากใยพวกนี้ได้ ไขมันไม่ดี (LDL-cholesterol) ก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับเส้นใยของแมงลัก แต่ไม่มีผลใด ๆ ต่อ HDL-cholesterol ที่เป็นไขมันดี ดังนั้นการรับประทานเม็ดแมงลักเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วย
เม็ดแมงลัก มีลักษณะนิ่ม ลื่น กลืนง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่วงลำคอ และการที่เม็ดแมงลักพองตัวมาก ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลง จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลลดลงด้วย
เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เนื่องจากบริเวณเปลือกนอกของเม็ดเป็นสารเมือกขาว และยังมีกากอาหาร ทำให้อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ซึ่งช่วยให้ผู้รับประทานสามารถขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเม็ดแมงลักจะไปกระตุ้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้เกิดปวดท้องหนัก
เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และสามารถควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานได้เป็นอย่างดี
วิธีการรับประทานเม็ดแมงลัก ให้ได้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มีดังนี้
ช่วยเรื่องการระบาย : ตักเม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา แช่น้ำ 1 แก้วใหญ่ ทิ้งไว้จนกว่าจะพองเต็มที่ แล้วนำมารับประทานก่อนนอน ทานได้ทุกวัน หรือ 3-4 วันต่อสัปดาห์
ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก : สำหรับคนน้ำหนัก 50-60 กิโลกรัม ให้ตักเม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา แช่น้ำ 1 แก้วใหญ่ ทิ้งไว้จนกว่าจะพองเต็มที่ ทานก่อนอาหาร ทดแทนอาหารเป็นบางมื้อ จะช่วยป้องกันการดูดซึมน้ำตาลในอาหารมื้อนั้นไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด ถ้าน้ำหนักมากกว่านี้ให้เพิ่มตามส่วน
Cr:http://health.kapook.com/view53329.html

สมุนไพรลดน้ำหนัก ได้ผลดีเยี่ยมเลยค่ะ ลองดูนะคะ
1. มะนาว มะนาวมีส่วนช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารค่ะ และมีส่วนช่วยในการดักจับสารพิษได้เป็นอย่างดี วิธีการดื่ม เพียงแค่สาว ๆ ตื่นเช้าขึ้นมา ก็นำมะนาว 1 ลูก มาผสมน้ำอุ่น ครึ่งแก้ว แล้วก็ดื่มค่ะ
2. พริก ในความเผ็ดของพริกมีสารแคปไซซินซึ่งมีหน้าที่ ที่ทำให้ร่างกาย ไม่สร้างกรดไขมันค่ะ แต่ว่าสาว ๆ ต้องรับประทานให้พอเหมาะนะค่ะ ไม่งั้น สาว ๆ ต้องได้ดื่มน้ำหลายลิตรแน่นอนค่ะ
3. เมล็ดแมงลัก เมล็ดแมงลักให้แคลอรีน้อยมาก ๆ ค่ะ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับการลดน้ำหนักค่ะ ถ้าสาว ๆ ไม่ชอบกินแบบเพียว ๆ ก็เอาเมล็ดแมงลักมากินคู่กับน้ำเต้าหู้ได้นะค่ะ
4. ชาสมุนไพร มีส่วนช่วยในการอยากอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุ ที่สาว ๆ ทั้งหลายตบะแตกในการกินค่ะ
5. มะเขือพวง มีฤทธิ์แรงในการลดน้ำหนักค่ะ ถ้าสาว ๆ คนไหนสนใจก็สามารถนำมะเขือพวงมาประกอบอาหารให้การรับประทานได้นะค่ะ

ราชาแห่งการถอนพิษ น้องป่าน คนสวยสุขภาพดี แห่ง น้ำคลอโรฟิลล์ เขียวทิพย์ ขอแนะนำ สุดยอดสมุนไพร เพื่อใช้รักษาอาการถอนพิษเร่งด่วนค่ะ
“ราชาแห่งการถอนพิษ”
สมุนไพร รางจืด
เป็นสมุนไพรที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ให้เกษตรกรหรือบุคคลทั่วไปเลือกใช้เพื่อใช้แก้พิษต่างๆ เช่น พิษจากยาฆ่าแมลง ยาเบื่อ สารตะกั่ว ฯลฯ ยิ่งเมื่ออยู่ในสถานที่ห่างไกลจากโรงพยาบาล การจะนำส่งแพทย์เพื่อรับการรักษาอาจจะต้องใช้ระยะเวลานาน จนอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ แต่ถ้ามีต้นรางจืดปลูกอยู่แถวบ้าน เราก็สามารถใช้ใบรางจืดที่ไม่แก่หรืออ่อนมากเกินไป หรือใช้รากที่มีอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในขนาดปริมาณเท่านิ้วชี้ มาใช้เพื่อรักษาบรรเทาอาการของพิษเฉพาะหน้าไปก่อน ก่อนที่จะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยานั้นก็ได้แก่ ใบ ราก และเถาสด

ของดีที่สุด ก็ต้องมีพิษที่สุด น้องป่านคนสวย สุขภาพดี ขอแนะนำ สมุนไพรไทยที่ใช้กันมาช้านาน ลองเอาไปใช้กันดูนะค่ะ
ต้นรางจืด
หินปูนหรือกรดยูริก เกิดจากการสังเคราะห์ขึ้นเองภายใน หรือเกิดจากการกินอาหารที่มีพิวรีนสูง และสารพิวรีนนี้จะถูกเผาผลาญให้กลายเป็น กรดยูริก
* หินปูนเกาะตามข้อกระดูก ทำให้ปวดเมื่อย ปวดข้อ เป็นเก๊าต์ เกาะที่กระดูกสันหลัง ก็กลายเป็นกระดูกงอกทับเส้นประสาท
* หินปูนอยู่ในลำไส้ ทำให้ท้องอืด ขับถ่ายไม่ดี
* หินปูนอยู่ที่สมอง ทำให้ความจำเสื่อม
* หินปูนอยู่ที่จอประสาทตา ทำให้ตาเป็นต้อ เพราะเลือดไม่ไปเลี้ยงที่จอประสาทตา
* หินปูนเกาะที่ขั้วปอด ทำให้เป็นหอบหืด

มากินข้าวโพคต้มกันค่ะ คุณค่ามากมาย น้องป่านคนสวยแห่ง น้ำคลอโรฟิลล์ เขียวทิพย์ ขอแนะนำ อาหารดี เป็นหนึ่งในโลกค่ะ รับประทานของสดๆ กันนะคะ คุณค่ามากมายค่ะ
กินข้าวโพดต้มสยบโรค
เพื่อนๆคงจะได้ยินกันบ่อยๆว่าผักและผลไม้สดๆจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผักและผลไม้ที่ถูกนำไปประกอบอาหารหรือผ่านความร้อนแล้ว เพราะว่าวิตามินซีที่อยู่ในพืชจะถูกทำลายไปโดยความร้อน ผู้บริโภคอย่างเราจึงจะไม่ได้รับคุณค่าทางสารอาหารได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับข้าวโพดแล้วตรงกันข้ามเลยล่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าวิตามินซีในข้าวโพดไม่ถูกทำลายในความร้อนหรอกนะคะ แต่ว่าเมื่อนำข้าวโพดมาผ่านการต้มแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานผลการวิจัยว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว จะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้น นักวิจัยทำการทดลองด้วยการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 องศาเซลเซียส ผลปรากฎว่า ยิ่งต้มนาน ก็จะยิ่งทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่า สารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษนี้จะช่วยทำลายล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังเป็นตัวก่อการร้ายที่จะทำให้เกิดโรคที่มีเหตุมาจากความชรา เช่น ต้อกระจก, โรคสมองเสื่อม รวมทั้งโรคร้ายอย่างโรคหัวใจ และโรคมะเร็งด้วย
กรดเฟรุลิก (Ferulic acid) เป็นสารสำคัญช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกใช้สำหรับต่อต้านความชรา ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
นักวิจัยกลุ่มนี้กล่าวว่า ข้าวโพดหวานต้มหรือปิ้ง จะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิกออกมา ยิ่งผ่านความร้อนสูงก็ยิ่งออกมามาก และยิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากกรดเฟรุลิกจัดอยู่ในพวกพฤษเคมี ซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่อุดมอยู่ในฝักข้าวโพดดังนั้นการทำสุกจึงช่วยให้มันปล่อยกรดเฟรุลิก
ออกมาได้มากขึ้น
http://th.openrice.com/bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=1630

กินผักให้ครบทุกสีนะคะ จะได้หล่อๆ สวยๆ กัน นานแสนนานค่ะ
สารเม็ดสีในพืช
สารคลอโรฟิลด์ พบในพืชใบเขียวทั่วไป เช่น คะน้า กะหล่ำ ผักใบเขียว และสาหร่ายหลายชนิด
สารคาโรทีนอยด์ พบในพืชที่มีสีส้ม – เหลือง และ สีแดง – ส้ม เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ มะนาว ส้ม และผักใบเขียว
สารแอนโทไซยานิดิน พบในพืชที่มีสีน้ำเงิน ม่วงแดง เช่น หัวบีท เชอร์รี่ องุ่นม่วง –แดง และ กะหล่ำม่วง
สารเหล่านี้มีคุณสมบัติป้องกันมะเร็ง ดังนี้
ต่อต้านอนุมูลอิสระ
ดูดซับสารพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง
ต้านการอักเสบ และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
เซลล์จากรังสียูวี
การไหลเวียนของเหลือด
ลดคลอเรสเตอรอล
ผู้ที่รับประทานพืชที่มีสารเม็ดสีเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก
ที่มา: เอกสารเผยแพร่ความรู้ "ผักครึ่งอย่างอื่นครึ่ง" สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ เรามาดื่มน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในกันเถอะค่ะ
หลายคนอาจเคยดื่มน้ำใบบัวบก ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วช่วยแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำได้ดีนักแล ซึ่งนอกจากใบบัวบกจะนำมาคั้นน้ำดื่มได้แล้ว ยังสามารถนำไปทาแผล ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผลได้ด้วย เพราะในใบมีกรดมาดีคาสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียติก (asiatic acid) ที่มีฤทธิ์สมานแผน ไม่ว่าจะเป็นแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
นอกจากนั้น ใบบัวบกยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อเป็นหนองในได้ วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ นำใบบัวบกสดทั้งต้น 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็นแผลเป็นบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
ส่วนต้นของใบบัวบก ก็มีสรรพคุณทางยามากมายไม่แพ้ใบ โดยสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้พิษงูกัด แก้ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ ใช้เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน แก้ช้ำในได้เช่นกัน และถ้าใครชอบทำอาหาร อย่าลืมใส่ใบบัวบกลงผสมลงไปในเมนูของคุณด้วย เพราะในใบบัวบกมีสารอาหารเพียบ โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีสูงมาก และยังให้คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน และไนอาซีน เรียกว่า คุณค่าครบเลยล่ะ
จะเห็นได้ว่าสมุนไพรใกล้ตัวมากมายเหล่านี้มีประโยชน์อย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน แต่คำนึงไว้ด้วยว่า สมุนไพรจะรักษาโรคได้ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการใช้สมุนไพรตามตำรับยาด้วย และที่สำคัญ คือสมุนไพรบางชนิดก็ไม่เหมาะกับคนที่ป่วยด้วยโรคบางประเภท หรือสตรีมีครรภ์ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูล และข้อควรระวังทุกครั้งก่อนจะใช้สมุนไพรจะดีที่สุดค่ะ

น้ำคลอโรฟิลล์ เขียวทิพย์'s cover photo

“ราชาแห่งการถอนพิษ”
สมุนไพร รางจืด
เป็นสมุนไพรที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ให้เกษตรกรหรือบุคคลทั่วไปเลือกใช้เพื่อใช้แก้พิษต่างๆ เช่น พิษจากยาฆ่าแมลง ยาเบื่อ สารตะกั่ว ฯลฯ ยิ่งเมื่ออยู่ในสถานที่ห่างไกลจากโรงพยาบาล การจะนำส่งแพทย์เพื่อรับการรักษาอาจจะต้องใช้ระยะเวลานาน จนอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ แต่ถ้ามีต้นรางจืดปลูกอยู่แถวบ้าน เราก็สามารถใช้ใบรางจืดที่ไม่แก่หรืออ่อนมากเกินไป หรือใช้รากที่มีอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในขนาดปริมาณเท่านิ้วชี้ มาใช้เพื่อรักษาบรรเทาอาการของพิษเฉพาะหน้าไปก่อน ก่อนที่จะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยานั้นก็ได้แก่ ใบ ราก และเถาสด

จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า
เขาเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของเรา
เขาเป็นเพื่อน เวียนว่าย อยู่ในวัฎฎสงสาร ด้วยกันกะเรา
เขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจ กิเลส เหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง
เขาก็มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่น้อยไปกว่าเรา
เขาย่อมพลั้งเผลอบางคราว เหมือนเรา
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เหมือนเรา ไม่รู้จักนิพพานเหมือนเรา
เขาโง่ในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยโง่
เขาก็ตามใจตัวเองในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยกระทำ
เขาก็อยากดี เหมือนเรา ที่อยาก ดี – เด่น – ดัง
เขาก็มักจะกอบโกย และ เอาเปรียบ เมื่อมีโอกาสเหมือนเรา
เขามีสิทธิ ที่จะบ้าดี – เมาดี – หลงดี – จมดี เหมือนเรา
เขาเป็นคนธรรมดา ที่ยึดมั่น ถือมั่น อะไรต่าง ๆ เหมือนเรา
เขาไม่มีหน้าที่ ที่จะเป็นทุกข์ หรือตายแทนเรา
เขาเป็นเพื่อน ร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา
เขาก็ทำอะไร ด้วยความคิดชั่วแล่น และ ผลุนผลัน เหมือนเรา
เขามีหน้าที่รับผิดชอบ ต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา
เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเลือก ( แม้ศาสนา ) ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะใช้สมบัติ สาธารณะ เท่ากันกับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะขอความช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจ จากเรา
เขามีสิทธิ ที่จะได้รับอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือ เสรีนิยม ตามใจเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น
เขามีสิทธิ แห่งมนุษยชน เท่ากับเรา สำหรับจะอยู่ในโลก
ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการ ขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น….
Cr:http://www.mukdahannews.com/e-dubtook.htm

วิธีดับทุกข์ เพราะ กลัวตาย
ตาย คือ การหมดลมหายใจ ร่างกายกับจิตใจ หรือรูปกับนามแยกออกจากกัน ที่เรียกว่า “ศพ” หรือ “ผี” ซึ่งมีชีวิต เมื่อมีการเกิดแล้วก็มีการตายเสมอกันหมด ไม่มีการยกเว้น ต่างแต่ว่าจะเร็วหรือช้ากว่ากันเท่านั้น การกลัวตาย นั้น เป็นธรรมดาของปุถุชน ที่หนาด้วยกิเลสและตัณหาที่ปรารถนาความสุขความเกลียดความทุกข์ จึงต้องกลัวตาย เพราะการตายหมายถึงความสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งแม้แต่ร่างกายของตนเองก็ต้องสูญสลาย
คนที่ไม่กลัวความตาย มี 3 พวก คือ พระอรหันต์ ผู้ไม่ประมาท และผู้มีกิเลสตัณหาจัด
การกลัวตายเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เกิดการแสวงหาที่พึ่งที่ดีกว่า ประเสริฐกว่า ถ้าทำความชั่วไว้ ความชั่วก็ต้องตอบสนอง ทำความดีไว้ ความดีก็ต้องสนอง ไม่มีใครหลบหลีกพ้น
ผู้มีปัญญาจึงไม่ควรประมาท รีบสะสมและกอบโกยเอาแต่ความดี หลีกหนีความชั่ว เพราะความชั่วมีผลเป็นทุกข์ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต การระลึกถึงความตายจึงมีประโยชน์ที่ช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้คนเราทำความชั่ว และกลับตัวเป็นคนดี เพื่อจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง คือสุขที่ไม่เบียดเบียน ทั้งตนเอง และผู้อื่น
ทางแก้
1. อย่าประมาท จงรีบทำความดีไว้มาก ๆ จะเกิดความ “ อุ่นใจ “ จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ พร้อมอยู่แล้วสำหรับความตาย
2. หัด “ ตายเทียม “ คือ เมื่อเห็นคนตาย ก็ให้น้อมเข้ามาเทียบกับตัวเอง จะทำให้เกิดความเคยชิน ความกลัวในเรื่องความตายจะน้อยลง
3. พูดถึงความตายบ่อย ๆ ทำพินัยกรรมเตรียมไว้ บอกลาตายเตรียมไว้ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลเตรียมไว้ให้ตนเอง บางคนถึงกับต่อโลงเตรียมไว้ก่อน
4. เลิกความเชื่อที่ว่า เมื่อพูดถึงเรื่องความตายบ่อย ๆ ก็จำทำให้เป็นลาง และตายเร็ว ๆ
5. เจริญมรณัสสติ เป็นวิธีที่ดีที่สุด คือ มีสติระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าลมหายใจออก
ถ้าทำได้ถูกวิธีแล้ว โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ หรือตัณหา มานะ ทิฐิ และอุปทาน มันจเบาบาง เหมือนกับหมดไปหรือไม่มีเป็นบางครั้ง
ทั้งหมดนี้ตามที่ได้กล่าวมา หลายข้อ ถึงวิถีทางแห่งการดับทุกข์ เป็นเรื่องจริง
Cr:http://www.mukdahannews.com/e-dubtook.htm

วิธีดับทุกข์ เพราะ ปมด้อย
คำว่า “ ปมด้อย “ ในที่นี้ หมายถึงความรู้สึกที่ “ ด้อยกว่า “ คนอื่น ในหลาย ๆ อย่าง เช่น ฐานะ รูปร่าง ผิวพรรณ การศึกษา ชาติตระกูล และอาชีพ เป็นต้น บางอย่างเราทำได้ เช่น ฐานะ การศึกษา หรือคุณธรรมความดี ต่าง ๆ บางอย่างเราทำเองไม่ได้ เราก็อย่าไปสนใจมัน เช่น ชาติตระกูล ผิวพรรณ หรือรูปร่าง เป็นต้น
ความคิดทำให้เกิดปัญญา ( โยคา เว ซายเต ภูริ – ธรรมบท 25/44 ) แต่อย่าคิดให้ฟุ้งซ่าน จนเกิดความวุ่นวายหรือเป็นทุกข์มันก็ไม่เกิดโทษแก่จิตใจตนแต่ประการใด ในทางกลับกัน คนที่ไม่มีความคิด ปัญญาก็ไม่เกิด เมื่อขาดปัญญาเพียงอย่างเดียว คนเราไม่อาจจะพัฒนาตนให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าในรูปธรรมหรือนามธรรม
ในทางพระ ถือว่าคนเราไม่อาจแข่งบุญหรือวาสนากันได้ เพราะเป็นเรื่องของอดีตแต่เราก็สามารถที่จะ แข่งกันทำความดีได้ และจะเป็นต้นเหตุให้บุญวาสนาในอนาคตของเราเทียบเท่าหรือเหนือคนอื่นได้อย่างไม่ต้องสงสัย ความจริงอีกอย่างหนึ่ง คนที่มีฐานะดี รูปร่างดี ผิวพรรณดี การศึกษาดี ตระกูลดี มียศศักดิ์ และอาชีพที่สูงส่งนั้น ใช่ว่าจะมีความสุขไปหมดทุกคน บางคนก็มีความทุกข์เช่นเดียวกัน หรือบางทีอาจจะมากกว่าคนจน เสียอีก ถ้ามองให้ลึก จะเห็นสัจจะของชีวิตที่ว่า สิ่งเหล่านี้ ( ยศถาบรรดาศักดิ์ ) ยิ่งมีมากเท่าไร จิตใจของเราก็ยิ่งจะห่างไกล จากความสงบสุขมากขึ้น
ทางแก้
1.ควรปรับความคิด ให้มีจิตสันโดษ สมถะ พอใจในสิ่งที่ตนมี
2.คนเราแม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำความดีได้
3.ความสุขที่แท้จริงของคนเรา ไม่ใช่อยู่ที่ ฐานะ ตระกูล รูปร่าง ผิวพรรณ การศึกษา ยศศักดิ์ หรืออาชีพ แต่อยู่ที่จิตใจที่สงบเย็น
4.ในโลกนี้ คนเขามิได้นับถือหรือบูชากันที่รูปร่างหรือตระกูลแต่ เขานับถือกันที่คุณธรรมความดีต่าง ๆ
5.คนเราควรสนใจในคุณธรรมความดี มากกว่าจะมาสนใจ เรื่อง รูปร่าง ผิวพรรณ ยศถาบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ
วิธีดับทุกข์ เพราะ ฝืนธรรมชาติ
ธรรมชาติ คือ ของ ที่เกิดเอง และเป็นไปเองตามวิสัยของโลก เช่น สิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต ต่าง ๆ ภายในโลกนี้ มันเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นเอง และก็ต้องเสื่อมสลายลงไปเมื่อถึงเวลา
ธรรมชาติ แยกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่มีจิตใจ และฝ่ายที่ไม่มีจิตใจ
ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ย่อมจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ แต่ก็ไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงได้ถ้าปฏิบัติให้ถูกต้องตาม กฎของธรรมชาติก็จะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ได้ ตรงกันข้ามสิ่งเหล่านี้ อาจก่อให้เกิดคุณแก่เรา อย่างสูงสุดจนถึงพระนิพพานได้ ถ้ามีสติและปัญญาพอ เหตุที่เกิดความทุกข์ก็เพราะเราไม่เข้าใจ ในกฎธรรมชาติหรือชอบ “ ฝืนธรรมชาติ “ ฝ่ายที่มีจิตใจ ได้แก่ คน และ สัตว์ เหตุที่เกิดทุกข์ก็คือ อยากได้ อยากกิน หรือความอยากนั่นเอง และ ความไม่อยาก ความไม่อยากให้เกิด ต่าง ๆ คือการฝืนหรือบังคับ ธรรมชาติไม่ให้เกิด เมื่อไม่รับผลตอบแทนตามที่อยาก หรือไม่อยาก ก็เลย ทำให้ สุขภาพจิตเสื่อม
ทางแก้
1.อย่าฝืนโลก อย่าแบกโลก ให้คิดเสียว่า “ อะไรจะเกิดมันก็เกิด อะไรจะดับมันก็ดับ “ ไปตามเหตุปัจจัยของมัน หน้าที่ของเราคือ “ ทำเหตุที่ดีและถูกต้อง “ เท่านั้นเป็นพอ
2.ธรรมชาติจะไม่โหดร้าย ถ้าเราปรับใจได้ถูกต้อง แถมจะได้รับบทเรียนที่ล้ำค่าจากธรรมชาติ เป็นของขวัญเสียอีกด้วย
3.ถ้าอยากให้ธรรมชาติ ตอบปัญหาอันเร้นลับ ก็จงตั้งปัญหาถามธรรมชาติดูเถิด แล้วธรรมชาติจะตอบคำถามเอง ถ้าท่านไม่มีเชื้อ “ ปทปรมะ “ อย่างหนาแน่น ท่านจะได้ยินเสียงธรรมชาติตอบปัญหาเอง……
Cr:http://www.mukdahannews.com/e-dubtook.htm
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
ประเภท
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
Nakhon Lampang
52000
162 ถ. ทิพย์ช้าง หัวเวียง
Nakhon Lampang, 52000
We serve traditional Thai Indian seasoning and medicine for your better alternative health care in L