นวดชาย Khon Kaen Massage
นวดชาย นวดไทย นวดไทยรีดเส้น นวดอโรมา นวดเท้า นวดเพื่อสุขภาพ นวดผ่อนคลาย

❗️สำคัญมาก นวดกษัยบำบัด จึงไม่ใช่นวดเฉพาะจุด
✖️ไม่ใช่นวดผ่อนคลาย✖️ไม่ใช่นวดกระตุ้นอารมณ์
👉ไม่อ่านไม่หาข้อมูล …โดนหลอกเสียเงินฟรี ต้องโทษตัวเอง🤬
กษัยสุข: นวดบำบัดกษัยประยุกต์ Swedish Therapy เพื่อสุขภาพชายที่ดีขึ้น
จุดประสงค์: ฟื้นฟูร่างกาย ลดอาการความเสื่อมของกษัย
หลักการสำคัญ:
>ใช้หลักการจากแพทย์แผนไทยและกายภาพบำบัด <
มุ่งเน้นกลไกห่วงโซ่กลศาสตร์ใน 4 อวัยวะสำคัญ
🔺ขั้นตอนการบำบัด 4 อวัยวะหลัก:
🎯หลัง (L, T, C): คลายกล้ามเนื้อ, ลดการกดทับเส้นประสาท
🎯เชิงกราน (ก้น) (สลักเพชร, กระเบนเหน็บ, ก้นย้อย): คลายกล้ามเนื้อรอบเชิงกราน, ลดการกดทับ Sacral Foramen (BL32) และเส้นประสาท
🎯ท้อง (กล้ามเนื้อ QL, ลำไส้, ตับ, ไต, กระเพาะปัสสาวะ, ต่อมลูกหมาก): ปรับสมดุลอวัยวะภายใน, คลายพังผืดที่เกี่ยวข้อง
🎯เชิงกรานส่วนหน้า (หัวหน่าว, ขาหนีบ, ถุงอัณฑะ, Perineum, องคชาติ): สลายพังผืดเฉพาะจุด, เพิ่มการไหลเวียนเลือดสู่บริเวณสำคัญ
เทคนิคประยุกต์ Swedish Therapy:
เทคนิคการนวดเพื่อคลายจุดตึง (Ischemic Compression)
เทคนิคการกดคลายพังผืด (Deep Friction)
การปรับแรงนวดตามการตอบสนองผู้รับบริการ
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง:
ฟื้นฟูการทำงานระบบประสาท (S2-S4 ควบคุมการแข็งตัว) (T12-L2 ควบคุมการหลั่ง)
เพิ่มการไหลเวียนโลหิต
ลดความตึงเครียดกล้ามเนื้อ/พังผืด
สุขภาพทางเพศชายที่ดีขึ้น (การแข็งตัว, การหลั่ง)
💡การควบคุมการแข็งตัว การทำงานของ S2-S4 และการหลั่งน้ำอสุจิ (T12-L2)
จากรูปภาพ สามารถอธิบายกลไกการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายและการหลั่งน้ำอสุจิได้ดังนี้
1. การแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย (Er****on)
* การควบคุมโดยเส้นประสาท: การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายถูกควบคุมโดยระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ไขสันหลังส่วน Sacral (S2-S4)
* เส้นประสาทพุดเดนดัล (Pudendal nerve): เส้นประสาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาท S2-S4 ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อของอวัยวะเพศชาย ทำให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อของอวัยวะเพศชาย เป็นผลให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว
* Pelvic splanchnic nerves: เส้นประสาทกลุ่มนี้ช่วยขยายหลอดเลือดที่อวัยวะเพศชาย ทำให้เลือดไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อมากขึ้น และกระตุ้นการทำงานของต่อม bulbourethral ซึ่งผลิตสารหล่อลื่น
2. การหลั่งอสุจิ (Ej*******on)
* การควบคุมโดยเส้นประสาท: การหลั่งอสุจิเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบประสาททั้งส่วนกลางและส่วนปลาย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ไขสันหลังส่วน Thoracic และ Lumbar (T12-L2)
* Sacral splanchnic nerves: เส้นประสาทกลุ่มนี้ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ เช่น ต่อมสร้างอสุจิ (seminal vesicles) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) และกล้ามเนื้อเรียบที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของอสุจิ
* การทำงานร่วมกัน: เมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศ เส้นประสาทจากสมองจะส่งสัญญาณไปยังไขสันหลังส่วน T12-L2 ซึ่งจะกระตุ้นเส้นประสาท Sacral splanchnic ทำให้เกิดการบีบตัวของกล้ามเนื้อในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้มีการหลั่งอสุจิออกมา
สรุป
* การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายเป็นกระบวนการที่ถูกควบคุมโดยระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ไขสันหลังส่วน S2-S4 ผ่านทางเส้นประสาทพุดเดนดัลและ Pelvic splanchnic nerves
* การหลั่งน้ำอสุจิเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบประสาททั้งส่วนกลางและส่วนปลาย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ไขสันหลังส่วน T12-L2 ผ่านทางเส้นประสาท Sacral splanchnic
* การทำงานที่ประสานกันของระบบประสาทและอวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธุ์ มีความสำคัญต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย การหลั่งน้ำอสุจิ และการสืบพันธุ์

นวดชาย

การนวด “เดรนน้ำเหลือง” เรื่องที่ควรต้องรู้นวดคือ นวดเพื่ออะไร และภาวะร่างกายของคนไข้เหมาะสมที่จะนวดแบบนี้หรือเปล่า - อย่าคิดว่าการนวดเบา ๆ แบบนี้นวดกับใครก็ได้ไม่อันตราย ยังไงก็เสี่ยงต่อการเกิด Lymphedema อยู่ดี - ระบบน้ำเหลืองมีความใกล้ชิดกับภูมิคุ้มกันมาก
บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
(แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภสัชกรรมไทย)
บอกก่อนว่า ถ้าร่างกายของคุณอยู่ในภาวะปรกติหรือไม่ได้มีภาวะโรคใด ๆ ในร่างกายอยู่ การนวดเดรนน้ำเหลืองเพื่อผ่อนคลายสามารถทำได้ แต่ในความเป็นจริง คนไข้บางส่วนไม่รู้ว่าตนเองกำลังมีภาวะความผิดปรกติอะไรอยู่บ้าง บางคนรู้ว่าตนเองเป็นอะไรอยู่แต่ไม่ได้บอกหมอนวดเพราะตนเองคิดว่านวดได้ไม่อันตราย
*** ที่หนักสุดคือ คนไข้ที่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร และรู้ด้วยว่าการนวดอาจส่งผลต่อโรคของตนเอง แต่ไม่บอกหมอนวดเพราะคำว่า “อยากนวด” อย่างเดียวเลยก็มี
*** เพราะฉะนั้น ไม่ว่า พท. หรือหมอนวดตามร้านทั่วไป จำต้องซักประวัติและตรวจร่างกายให้เป็นโดยพื้นฐานอยู่แล้ว คนไข้ไม่รู้ถือว่าไม่ผิด แต่ถ้าคนที่ให้บริการสุขภาพหรือหมอ จะพูดว่าไม่รู้ “ไม่ได้”
*****************************
การนวด “เดรนน้ำเหลือง” ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่าเป็นการนวดเบา ๆ ไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริงมันอันตรายกว่าที่หลาย ๆ คนคิด เพราะระบบน้ำเหลืองไม่ใช่แค่ระบบส่ง Plasma อย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันโดยตรงเพราะเป็นถิ่นที่อยู่ของเม็ดเลือดขาวหลายจำพวก เพราะฉะนั้น ก่อนจะ “เดรนน้ำเหลือง” ก็ควรต้องมีความรู้เรื่องระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกันอย่างละเอียดก่อนเท่านั้น
*** ระบบน้ำเหลืองเป็นระบบเปิด หมายความว่าไม่มีปั๊มหัวใจเหมือนระบบไหลเวียนโลหิต แต่ทำงานโดยอาศัยแรงจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและแรงกดจากภายนอก (เช่น การนวด) ในการช่วยไหลเวียนของน้ำเหลือง
*** หากมีการบีบ กด หรือกระแทกที่เนื้อเยื่อบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลือง อาจทำให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองช้าลงหรือถูกกระตุ้นมากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของแรงที่กระทำ
เพราะฉะนั้น ในกรณีของคนที่ร่างกายปรกติ ไมได้เป็นโรคระบบภูมิคุ้มกันและระบบน้ำเหลืองอยู่ก่อนแล้ว การนวดแบบนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าบางทีคนไข้ก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นควรต้องเช็คให้รู้ก่อน ว่ามีอาการหรือไม่
*******************************
การนวดส่งผลอย่างไรต่อผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิ
- กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ: ผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเองมักมี ภาวะอักเสบเรื้อรัง อยู่แล้ว การกระแทกหรือการบีบนวดแรงๆ อาจไปกระตุ้นการอักเสบที่ซ่อนอยู่ และทำให้เกิดการกำเริบของโรค
- อาจรบกวนระบบน้ำเหลือง: ในบางกรณี การนวดแรงๆ หรือการกระแทกอาจทำให้เกิด บาดแผลเล็กๆ ในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจไปกระตุ้นระบบน้ำเหลืองและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตื่นตัวมากขึ้น
- เสี่ยงต่อภาวะน้ำเหลืองคั่ง (Lymphedema): หากเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของหลอดน้ำเหลือง เช่น Sjögren’s Syndrome หรือ Lupus อาจทำให้เกิดอาการบวมได้ง่ายขึ้น
ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจคิดว่านวดเบา ๆ ไม่น่าจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ ขอบอกเลยว่าไม่จริง เพราะแค่สะกิดนิดเดียวมันก็มาแล้ว ถ้าเกิดคนไข้มีภาวะโรครออยู่แล้ว
******************************
กลุ่มอาการโรคที่อาจได้รับผลกระทบ หรือแสดงอาการขึ้นมาหลังจากนวด “เดรนน้ำเหลือง” หากคนไข้มีภาวะรออยู่แล้ว ยกตัวอย่างลักษณะตามทางเวชกรรมไทยและโรคทางแผนปัจจุบัน (บางส่วนเท่านั้น) เช่น
- เรื้อนมูลนก
- กลุ่มโรคไข้กาฬ
- กลุ่มโรคไข้ออกผื่น ในกลุ่มลักษณะผื่น “อีดำอีแดง”
- Systemic Lupus Erythematosus
- กลุ่มอาการลำบองข้อต่อของร่างกาย

https://www.facebook.com/share/1EcU7SEKck/
⚠️ 10 จุดนวดอันตราย ที่ควรระวัง! ⚠️
การนวดเป็นวิธีบำบัดที่ได้รับความนิยมเพื่อช่วยลดอาการปวดและผ่อนคลายร่างกาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีบางจุดในร่างกายที่หากกดหรือนวดผิดวิธี อาจเป็นอันตรายต่อเส้นประสาท หลอดเลือด หรืออวัยวะสำคัญได้ วันนี้ บัณฑิตกายภาพ จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ 10 จุดนวดอันตราย ที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ!
✔️ 1. ท้ายทอย (Occipital Region)
บริเวณใต้ฐานกะโหลกศีรษะมีเส้นประสาทและเส้นเลือดสำคัญ การกดแรงเกินไปอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหมดสติได้ งานวิจัยจาก Journal of Manipulative and Physiological Therapeutics ระบุว่าการกดจุดบริเวณนี้ผิดวิธีอาจส่งผลต่อระบบประสาทเวกัสและความดันโลหิต
✔️ 2. คอด้านข้าง (Carotid Artery)
บริเวณเส้นเลือดใหญ่ที่คอ หากกดแรงหรือกดนานเกินไป อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการหมดสติหรือเกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ American Heart Association เตือนว่าการกดแรงบริเวณนี้อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
✔️ 3. กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical Spine)
หากมีแรงกดที่ผิดวิธี อาจทำให้หมอนรองกระดูกหรือกระดูกสันหลังเสียหาย ส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรังหรืออาการชาได้ งานวิจัยจาก Spine Journal ระบุว่าการกดนวดผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดภาวะกระดูกคอเสื่อมเร็วขึ้น
✔️ 4. รักแร้ (Axilla)
บริเวณนี้มีต่อมน้ำเหลืองและเส้นประสาทจำนวนมาก การกดแรงเกินไปอาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและทำให้แขนอ่อนแรงได้ โดยเฉพาะการกดที่ผิดจังหวะอาจมีผลต่อเส้นประสาทแขน (Brachial Plexus)
✔️ 5. หน้าอก (Sternum)
กระดูกหน้าอกอยู่ใกล้หัวใจและปอด หากกดแรงอาจทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก หรือกระทบต่อการทำงานของหัวใจ Journal of Cardiopulmonary Rehabilitation ระบุว่าการกดแรงบริเวณกระดูกหน้าอกอาจรบกวนระบบไหลเวียนเลือดและการทำงานของปอด
✔️ 6. ช่องท้อง (Abdomen)
อวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ม้าม ลำไส้ อยู่ในบริเวณนี้ หากกดแรงหรือกดผิดจุด อาจทำให้อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บได้ การศึกษาจาก International Journal of Gastroenterology ชี้ให้เห็นว่าการกดแรงที่ช่องท้องอาจกระตุ้นการทำงานผิดปกติของระบบย่อยอาหาร
✔️ 7. ข้อพับเข่า (Popliteal Fossa)
จุดนี้มีหลอดเลือดแดงและเส้นประสาทสำคัญ หากได้รับแรงกดมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการชาหรือปัญหาการไหลเวียนเลือดที่ขา British Journal of Sports Medicine ระบุว่าการกดผิดวิธีอาจกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือดที่ขาโดยตรง
✔️ 8. ขาหนีบ (Inguinal Region)
บริเวณนี้มีเส้นเลือดใหญ่และต่อมน้ำเหลือง หากกดแรงหรือกระทบกระเทือนมาก อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือปัญหากับระบบไหลเวียนเลือด งานวิจัยจาก Journal of Vascular Surgery ชี้ให้เห็นว่าการกดที่ขาหนีบผิดวิธีอาจกระตุ้นภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
✔️ 9. หลังส่วนเอว (Lumbar Spine)
การกดนวดบริเวณนี้ผิดวิธีอาจทำให้กล้ามเนื้อหลังตึงตัวมากขึ้น หรือเสี่ยงต่อการกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา Journal of Orthopedic Research ระบุว่าการกดแรงในบริเวณนี้อาจกระตุ้นภาวะหมอนรองกระดูกเคลื่อน
✔️ 10. ใต้กระดูกสะบัก (Subscapular Region)
เป็นจุดที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก การนวดผิดวิธีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองของเส้นประสาท ทำให้ปวดร้าวไปที่แขนหรือหัวไหล่ การศึกษาจาก Clinical Journal of Pain ระบุว่าการกดบริเวณนี้อย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะปวดเรื้อรัง
📌 ข้อแนะนำในการนวดให้ปลอดภัย✔ เลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์✔ หลีกเลี่ยงการกดแรงเกินไปในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง✔ หากมีอาการชา ปวดรุนแรง หรือวิงเวียนศีรษะ ควรหยุดนวดทันที✔ หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการนวด
🌟 ติดตามเคล็ดลับสุขภาพจากนักกายภาพบำบัดได้ที่ [Facebook: บัณฑิตกายภาพ]
ศึกษาเพิ่มเติม ---> https://www.facebook.com/share/v/19ANFYMkrm/
✨ แชร์เก็บไว้เตือนตัวเองและคนที่คุณรัก! ✨
#บัณฑิตกายภาพ #กายภาพบำบัด #การนวด #จุดนวดอันตราย #นวดผิดชีวิตเปลี่ยน #สุขภาพดีไม่มีขาย #ดูแลตัวเอง



ปวด” ส้นเท้า รองช้ำ” แก้ง่ายๆ
( ไม่ต้องทานยา )
- กายภาพบำบัด -


ปวดเหนื่อยเมื่อยล้า เชิญแวะมาผ่อนคลาย แบบสบายๆสไตล์หมอนวดชายกันนะครับ
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
356
Khon Kaen