หมอแดง

พยากรณ์ดวงชะตาจาก : ไพ่ยิปซี+วันเดือ พยากรณ์ดวงชะตาจาก : ไพ่ยิปซี+วันเกิด+จิตสัมผัส หมอดูทายแม่นๆ บริการดูดวงทางโทรศัพท์ โทร. 087-308-6319

29/05/2019

ดูดวงรายสัปดาห์ (22) : 26 พ.ค.-1 มิ.ย. 2562

ดูดวงรายสัปดาห์ (22) : 26 พ.ค.-1 มิ.ย. 2562
https://freecheckhoroscope.wordpress.com/2019/05/29/week22/
เขียนโดย อดิศร นิตยาจาร (หมอแดง) โทร. 081-533-3529
ID Line : moredang

freecheckhoroscope.wordpress.com ในช่วงฤดูร้อนนี้ ….

01/05/2019

การกำหนดภาพพระพุทธเจ้าอยู่บนหัว
__ในการปฏิบัติธรรม เข้าฌานสมาบัติ ในปฐมฌาน (ฌานที่ 1) ให้กำหนดภาพพระพุทธเจ้าไว้ตรงหน้า จับลมหายใจเข้า/ออก ภาวนาพุท/โธ ใช้วิตก/วิจารณ์เป็นสติคอยตรวจสอบความสมบูรณ์ขององค์ประกอบทั้งหมด ว่าครบถ้วน/บริสุทธิ์เพียงใด
__หลังจากนั้น เมื่อใจสบายแล้ว จิตนิ่งสงบแล้ว สมา
ธิมั่นคงดีแล้ว ก็ค่อยๆผ่อนคลายอารมณ์ ตัดวิตก/วิจารณ์ออก (ฌานที่ 2)
__เมื่อต้องการให้สมาธิเข้มข้นมากขึ้น ให้ตัดคำภาวนาออก (ฌานที่ 3)
__เมื่อต้องการให้สมาธิถึงขั้นสูงสุด ให้ตัดประสาทสัมผัสการรับรู้ทางร่างกายทิ้งไป ให้ตัดการกำหนดลมหายใจเข้า/ออกทิ้งไป (ฌานที่ 4)
__ถ้ามาถึงตรงนี้ได้จริง เราสามารถุปลดภาระทางร่างกายได้ ปล่อยให้ร่างกายทำงานในโหมดหลับลึก หายใจน้อยแบบกบจำศีล และไม่ตาย
__จิตวิญญาณจะมีอิสระสูงสุด สามารถกำหนดจิตไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตามใจปราถนา ซึ่งเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติธาตุแท้ของจิตวิญญาณ
__ถ้าใครยังทำไม่ได้ ต้องไล่เรียงไปถึงเรื่องศีล ว่ารักษาศีลอันบริสุทธิ์มานานเพียงใด ถ้าไม่เคยเลยก็ต้องย้อนไปสะสมบุญบารมีในเรื่องศีลก่อน
__ถ้ามั่นใจว่าตนเองรักษาศีล 5-8 มาบริสุทธิ์หลายปีแล้ว ก็ต้องย้อนไปถามตัวเองว่าเคยฝึกสมาธิมานานเพียงใด ถ้าไม่เคยเลย ให้ลองสะสมบุญบารมีให้ฝึกสมาธิและสร้างบุญบารมีให้มากกว่าเดิม
__ถ้ามั่นใจในตนเองว่ามั่นคงในศีลและสมาธิดีแล้ว ให้ตรวจสอบว่าเคยฝึกกสิญ 10 มาแล้ว ได้ผลแล้ว ถ้ายังไม่เคยฝึกก็ต้องไปฝึกฝนมาให้คล่องก่อน
__ถ้ามั่นใจว่าตนเองใฃ้กสิญ 10 คล่องแล้ว ก็ให้ใช้ปัญญาในการฝึกสมาธิ โดยการกำหนดภาพกสิญขึ้นมา เป็นรูปภาพพระพุทธเจ้า น้่งสมาธิอยู่ตรงหน้า หรือวางภาพนั้นบนหัวของตนเอง กำหนดพระรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าให้ครบถ้วนทุกประการ ตามความเป็นจริง
__ความเป็นจริงของพระพุทธเจ้า...ต้องเริ่มถามตนเองว่าพระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ เอาอะไรมาพิสูจน์ ให้เห็นได้ตามความเป็นจริง และรูปลักษณ์ของท่านมีลักษณ์อย่างไรบ้าง ให้ไปค้นคว้าในพระไตรปิฏก ในตำราลักษณะพิเศษของพระพุทธเจ้า เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงในปัญหาและคำตอบนี้แล้ว การจะกำหนดพระรูปลักษณ์ของท่านก็จะไม่มีข้อสังสัยอีกต่อไป การเข้าสมาธิก็จะรวดเร็วและมั่นคง ได้มรรคผลชัดเจนดีกว่าปกติธรรมดา

05/06/2018

ใครได้โชคลาภจากบทความนี้บ้าง?

ดวงชะตา 12 นักษัตร รายเดือนมิถุนายน 2561
https://freecheckhoroscope.wordpress.com/2018/05/21/2018jun12fixedstar/
เขียนโดย อ.อดิศร นิตยาจาร (หมอแดง) โทร. 081-533-3529

เลขให้โชคของหมอแดงในงวดวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ออกอีกแล้วครับ : ปีเถาะ (17), มะโรง (7 17), มะเส็ง (17), มะเมีย (5), จอ (17), กุน (7)

ใครชื่นชอบบทความนี้-กดไลด์กดแชร์ด้วยครับ

06/05/2018

คำถาม : คนธรรมดาปรารถนานิพพานไปทำไม? อุปทานหมู่ โกหก ไร้สาระหรือเปล่า? เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่าไหม?

https://www.facebook.com/Nirvana.AND/photos/a.603808016347585.1073741830.603721839689536/1809034759158232/?type=3&theater

ดอกบัว 4 เหล่า

ก่อนครูบาอาจารย์ทั้งหลายจะสนทนาธรรมกับศิษย์หรือบุคคลทั่วไป ต้องพิจารณาความเหมาะสมก่อน ว่าคู่สนทนามีภูมิทางธรรมในระดับใด คัดแยกง่ายๆ เหมือนดอกบัว 4 เหล่า ดังนี้

ดอกบัว นั้นมี 4 เหล่า (1) บัวใต้ดินตม (2) บัวใต้น้ำ (3) บัวที่ใต้ผิวน้ำ, (4) พ้นผิวน้ำ

บุคคล 4 เหล่า :

(1) เหมือนบัวใต้ดินตม สะสมบุญบารมีมาน้อยเกินไป ไม่ชอบฟังธรรม ไม่มีศัทธา แม้นจะแสดงธรรมอันบริสุทธิ์เขาก็จะกล่าวว่าธรรมนั้นไม่บริสุทธิ์ ไม่ควรเสียเวลาอันมีค่าไปสนทนาธรรมใดๆเลย คุยเรื่องอื่นจะดีเหมาะกว่า

(2) เหมือนบัวใต้น้ำ สะสมบุญมาปานกลาง เริ่มสนใจปฏิบัติธรรมในเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้มรรคผลอะไรเลย ควรสนทนาธรรมในระดับพื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้น เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม แต่ถ้าชักชวนให้ปฏิบัติธรรม เช้่น ในกรรมฐาน 40 ซึ่งมีอยู่จริง เขาจะปฏิเสธและกล่าวว่าธรรมนั้นไม่บริสุทธิ์ เขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติธรรม

(3) เหมือนบัวที่ผิวน้ำ สะสมบุญบารมีมามาก มีภูมิทางธรรมะบ้างแล้ว ศีลเริ่มมั่นคงแล้ว แต่ยังเข้าไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน ถ้าไปสนทนาเรื่องการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานซึ่งมีอยู่จริง เขาปฏิเสธและจะกล่าวว่าธรรมนั้นไม่บริสุทธิ์ และไม่มีพระนิพพานเป็นคติหลังความตาย

(4) เหมือนบัวพ้นน้ำ คือเหล่าพระอริยะเจ้า/บุคคล ปฏิบัติธรรมกระทั้งสำเร็จมรรค-ผลแล้ว บางท่านสามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้จากวิชามโนมยิทธิ แยกเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ แยกเป็นผู้ที่ได้มรรค และได้ผล สนทนาเรื่องพระนิพพานได้ แต่ต้องระวังว่าจะไปสอนพระอรหันต์เข้าโดยไม่รู้ตัว เพราะท่านเหล่านี้จะไม่แสดงออกว่าตนสำเร็จมรรคผลอะไรบ้าง ยกเว้นสอนลูกหลานตนเอง

ผู้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอริยะเจ้า/พระอริยะบุคคลในชาติปัจจุบัน ในอดีตชาติเป็นผู้เคยทรงศีลอันบริสุทธิ์ เคยปฏิบัติธรรมขั้นสูง ย่อมเคยรู้เห็นสัมผัสหยั่งเข้าถึงซึ่งพระนิพพานมาแล้ว ตั้งแต่ในอดีตชาติ เคยพิสูจน์ เคยทดลอง เคยได้มรรคผลมาก่อน จึงรู้ว่าพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง พระธรรมมีอยู่จริง พระอริยะสงฆ์ (พระอรหันตฺ์) มีอยู่จริง หนทางพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่มีอยู่จริง พระนิพพานมีอยู่จริง (โดยใช้วิชามโนมยิทธิ)

เมื่อพระอริยะเจ้า/บุคคล กลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ ก็ยังสนใจ ชื่นชอบ มั่นคง มีคติคือเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานให้ได้ ไม่ท้อถอยแม้นสังคมรอบๆตัวเองจะไม่เห็นด้วย เป็นนิสัยที่ติดตัวมาและไปในทุกชาติ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพานในชาติสุดท้าย จะรักพระนิพพานยิ่งกว่ารักสิ่งๆใดๆในโลกนี้ "โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย"

พระอริยะ มีทั้งบวชแล้ว (เป็นพระสงฆ์) และยังไม่ได้บวช (เป็นฆารวาส) แต่มีปฏิปทาเหมือนเป็นพระ เป็นผู้สะสมบุญบารมีมามาก มีภูมิปัญญาสูง ย่อมมีญาณหยั่งรู้ติดตัวมาแต่กำเนิด ยามใดที่พบครูบาอาจารย์ทางธรรม ฝึกฝนทบทวนอีกนิดหน่อย ก็สามารถใช้ ฌานและญาณได้อีกครั้ง ใช้ระลึกชาติ หยั่งรู้เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ตามความเป็นจริง ย่อมแลเห็นสุข/ทุกข์ในทุกๆชาติ

การใช้ญาณหยั่งรู้ มองเห็นวัฏฏะสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด วนเวียนซ้ำเดิมไม่มีที่สิ้นสุด ก็เหมือนนั่งดูหนังเรื่องเดิม ร้อยรอบพันรอบ ก็เห็นตัวละครเล่นซ้ำๆเดิมๆ เห็นต้นเหตุของวัฏฏะคือการจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด

ในที่สุดก็เริ่มเกิดความเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายในการเกิดและตายแบบไม่มีที่สิ้นสุดนี้ เห็นความจริงว่าทุกข์นั้นมีมากกว่าสุข จึงหาทางดับทุกข์ทั้งปวงของตนเอง ด้วยการตั้งความปรารถนาว่า "ถ้าเป็นไปได้จะไม่กลับมาเกิดใหม่อีก" นี้เป็นจุดเริ่มต้นของคนที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตของตนเองให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เริ่มตั้งความปรารถนาพระนิพพาน เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปสู่พระนิพพานในที่สุด

01/05/2018

พระนิพพานในชาตินี้
__ปฏิบัติธรรมดังต่อไปนี้แล้ว จะทำให้เกิดความก้าวหน้า สามารถบรรลุมรรคผลพระนิพพานในชาตินี้ได้.....

จริงhttps://www.facebook.com/Nirvana.AND/photos/a.603808016347585.1073741830.603721839689536/1805636246164750/?type=3&theater

พระนิพพานในชาตินี้

ปฏิบัติธรรมดังต่อไปนี้แล้ว จะทำให้เกิดความก้าวหน้า สามารถบรรลุมรรคผลพระนิพพานในชาตินี้ได้จริง
__ก่อนอื่นให้เริ่มต้นจากการควบคุม "ความคิด-คำพูด-การกระทำ" ในทุกย่างก้าวและอิริยาบทของท่าน รักษาทิศทางให้เป็นไปเพื่อก้าวไปสู่ และเข้าใกล้พระนิพพานเท่านั้น
__ใช้สติช่วยกลั่นกรองไตร่ตรองก่อนจะคิด-จะพูด-จะทำ ว่าจะมีผลอย่างไร ผลนั้นจะทำให้ท่านเข้าถึงซึ่งพระนิพพานจริงๆ
__ใช้อนุสติ ใน "สีลานุสติ" การใช้สติควบคุมจิตใจให้มั่นคงในศีล (5-8-10-227) จะช่วยกลั่นกรองทุกความคิด ทุกคำพูด ทุกการกระทำว่าละเมิดศีลหรือไม่? อย่างไร? ช่วยไม่ให้เกิดความพลาดพลั้งเผลอ
__ในกรณีกิจกรรมทางโลกขัดกับทางธรรม เกิดความลังเลในการตัดสินใจรักษาศีล ก็ยังมี "ปัญญาญาณ" ที่จะช่วยหาทางออกในการหลีกเลี่ยงผิดศีลธรรม
__"ศีลอันบริสุทธิ์" เมื่อรักษาศีลได้บริสุทธิ์ สม่ำเสมอดีแล้วสักระยะหนึ่ง มั่นใจแล้วว่าทำได้โดยไม่ยากเลย ก็ถึงเวลาที่จะตัดสินใจ ตั้งเป้าหมายว่าเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ตัดตรงไปสู่เส้นทางและปฏิปทาของเหล่าพระอริเจ้า/บุคคล โดยเริ่มการรักษาศีลไปตลอดชีวิต ไปจนกว่าจิตวิญญาณของท่านจะเริ่มสามารถหยั่งรู้ และเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
__"สมาธิอันบริสุทธิ์" ศีลที่รักษาได้บริสุทธิ์ดีแล้ว ตรงแล้ว งดงามแล้ว จะทำให้เกิดสมาธิอันบริสุทธิ์ อานิสงค์คือสามารถบังคับตนเองให้ปฏิบัติธรรมต่างๆได้ก้าวหน้าและมั่นคง ตลอดไป
__ผู้ใดใช้สมาธิอันบริสุทธิ์ในการปฏิบัติธรรม ใช้สมาธิอันบริสุทธิ์พิจารณาสมถะและวิปัสสนากรรฐาน จะสามารถเข้าถึงะรรมอันละเอียดได้อย่างทะลุแจ้งแทงตลอดได้โดยง่าย, เข้าใจในกรรมฐาน 40, ใช้ฌานสมาบัติ 8 ได้, ใช้ญาณหยั่งรู้ทั้ง 9 ได้จริง อีกทั้งยังไม่มีความผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง มองเห็นหนทางพ้นทุกข์ได้จริง บรรลุมรรคผลจริง ผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมกระทั้งเข้าถึงธรรมได้ทุกระดับชั้นนี้ เรียกว่า "ปัญญาญาณ"
__"ปัญญาญาณ" สามารถหยั่งรู้ทุกอย่างได้ตามความจริง เข้าถึงความเป็นจริงได้ทุกเรื่อง รู้ความจริงว่า กิเลสตัญหาอุปทานคืออะไร? มีอะไรเป็นส่วนประกอบ? เกิดจากอะไร? ดับอย่างไร?
รู้กระทั้งวิธีดับทุกข์ทั้งปวง ไม่ต้องมาเกิดใหม่ และสภาพสุขที่แท้จริง เข้าถึงบางส่วนของพระนิพพาน มีข้อพิสูจน์ที่ทำให้มั่นใจในตนเองว่าไม่ได้คิดไปเอง
__นี่เป็นก้าวแรกของการตัดสินใจของพระอริยเจ้า/บุคคล สามารถพัฒนาต่อๆไปกระทั้งเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันได้ในที่สุด

01/04/2018

#ญาณหยั่งรู้
__วิชาความรู้ทางโลก ถ้าอยากจะรู้จริง ก็ต้องมีครูผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้นสอน ใช้เงินทุนค่าเรียน ใช้เวลาในการเรียนรู้ ต้องเริ่มเรียนให้จบตั้งแต่อนุบาล ประถม ปวช. ปวส. มัธยม ปริญญาตรี-โท-เอก เรียนสูงมากเท่าไหร่ก็มีความรู้มากเท่านั้น มีใบประกาศณียบัตรรับรอง สามารถนำไปใช้ทำอาชีพการงาน หาเงิน สร้างฐานะทางการเงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ สังคมยกย่องนับถือคนมีความรู้สูง มีเงินเยอะๆ
__วิชาความรู้ทางธรรม ถ้าอยากจะรู้จริง ก็ต้องมีครูผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้นสอน แค่กล่าวประกาศว่าเคารพท่านรับท่านและยกฐานะท่านเป็นครูบาอาจารย์ ยอมให้ท่านว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนได้ แค่ดอกไม้ธูปเทียนเงิน 10 บาท ถ้าท่านรับเป็นครูก็สอนกันได้ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และปฏิบัติไปพร้อมกัน ต้องเริ่มเรียนตั้ง การรักษาศีล-ฝึกสมาธิและวิปสสนากรรมฐาน-ฝึกพิจารณาธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ให้ทะลุแจ้งแทงตลอด กระทั้งเกิดปัญญามองเห็นความจริงของโลกนี้ได้ทั้งหมด รู้จักกิเลสจริง รู้วิธีตัดกิเลสจริง และสามารถตัดกิเลสได้จริง จะมากหรือน้อยก็ทำได้จริง ก็ถือสำเร็จการศึกษาทางธรรมได้จริง....ถ้าทำได้มาถึงขั้นนี้ รู้จักและเห็นพระนิพพานแล้ว แต่ไม่ต้องการไปพระนิพพาน ก็เป็นเพียงการสำเร็จวิชาทางโลกอยู่ดี คือตายเมื่อไหร่ ต้องไปเกิดใหม่วนเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ตามยถากรรม อีกนับชาติไม่ได้....ถ้าตัดสินใจว่าจะเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ แล้วปฏิบัติธรรม คือตั้งสติควบคุมตนเองไว้ตลอดเวลา ทั้งความคิด คำพูด การกระทำของตนเอง ให้เป็นไปเพื่อพระนิพพานอย่างเดียว อะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพานไม่ทำ อย่างนี้ขึ้นชื่อว่า สำเร็จวิชาทางธรรมจริง มีมรรคผลจริง...วิชาทางธรรมอยู่สูงกว่า ละเอียดปราณีตกว่า สำเร็จได้ยากกว่า ทำให้เกิดความสุขได้มากกว่าวิชาทางโลก...วิชาทางธรรม ไม่มีใบประกาศรับรองความสำเร็จ แต่ถ้านำไปใช้ในอาชีพการงาน จะเกิดความเจริญก้าวหน้ามากกว่าธรรมดา เป็นเหตุให้ชีวิตและทรัพย์สินมีความสงบ เยือกเย็นเป็นสุข แม้นคนทั่วไปไม่อาจรู้ว่าคนนั้นสำเร็จทางธรรม แต่เหล่าเทวดานางฟ้าอารักษ์พรหมยมยักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายสามารถใช้จิตสัมผัสถึงศีล-สมาธิ-ปัญญาของคนนั้นได้ ให้สังเกตุว่าผู้ที่สำเร็จในทางธรรมพูดแต่เรื่องจริง พูดว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นในอนาคต ก็เกิดขึ้นจริงเสมอ
__ทุกคนสามารถเรียนรู้วิชาทางโลกและทางธรรมใหสูงมากได้ตามที่ตนเองต้องการ แต่ผู้มีภูมิความรู็เดิมสูงอยู่แล้ว จะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็วกว่าง่ายกว่าผู้มีภูมิความรู้น้อยหรือถ้าไม่มีภูมิความรู้นั้นเลย ก็ต้องไปเริ่มต้นเรียนรู้จากพื้นฐานล่างสุดก่อน
__ขอเตือนผู้ไม่รู้จักว่า #ญาณหยั่งรู้ ทำwfhอย่างไร ว่าอย่าได้คิด-พูด-กระทำ อย่าไปกล่าวหา อย่าล่วงเกินผู้ที่เขาทำได้ สอนได้ ก่อนจะพิสูจน์ความเป็นจริง....การปรามาส-ลบหลู่ผู้รู้จริง จะมีผลให้ท่านไม่อาจเรียนรู้วิชานี้ในชาตินี้ไป 1 ชาติ ตรงกับโบราณว่า "เสียชาติเกิด"....ถ้าท่านสงสัยใคร่รู้เรื่องนี้ อยากทำได้บ้าง ก็ต้องนอบน้อมมอบตัวเป็นศิษย์ เข้าไปกราบเท้าขอท่านเป็นครู ให้ช่วยสอนวิชาที่ท่านรู้ ไม่ใช้ไปทำกิริยาหยาบคาย ร้องด่าท้าทาย ให้ท่านทำนายเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าไม่ทำ หรือทำไม่ได้ แปลว่าท่านโกหกหลอกลวงโลก แบบนี้ถือว่าปรามาสครูบาอาจารย์ตัวเอง
__ขอย้ำบอกว่า ธรรมดาผู้ใช้ญาณหยั่งรู้ได้ ขัดเกลากิเลสเหลือน้อยแล้ว จึงจะสามารถใช้ญาณหยั่งรู้ได้ ย่อมไม่พูดโอ้อวดในสิ่งตนมีอยู่ เพราะมี #เจโต คือล่วงรู้ใจคนทั้งหลาย ว่าคนทั้งหลายย่อมจะใช้ให้ท่านทำอะไรมากมาย ในเรื่องที่มิใช่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน อันไม่ใช้ทางของตน จึงต้องปิดบังอำพรางไว้ ไม่ให้คนอื่นมาขอร้องหรือบังคับให้ตนเองทำโน้นนี้นั้นเรื่อยเปื่อยไร้สาระ....ถ้าท่านจะทำอะไรให้ปรากฏสักอย่าง ก็ต้องมีเหตุผล ต้องการให้เป้าหมายที่ท่านจะสงเคราะห์ สามารถสังเกตุเห็น รับรู้ถึงความพิสดารนั้นก่อน เป็นการดึงความสนใจ ให้เข้ามาขอวิชาความรู้....ทั้งที่เห็นความแปลกเหมือนกัน แต่สำหรับคนโง่เขลาเบาปัญญา อาจมองข้ามสิ่งนั้นไป เพราะจิตหมกหมุ่นอยู่แต่กิเลสในทางโลก จะสนใจแต่สิ่งที่ทำให้ตนเองร่ำรวย มีชื่อเสียง มีเกียรติยศสรรเสริญ มีความสุข(ปลอมๆ)เท่านั้น

13/03/2018

ดวงชะตารายวัน เด็กเกิดใหม่ในเดือน เมษายน 2561

ดวงชะตารายวัน เด็กเกิดใหม่ในเดือน เมษายน 2561
https://goo.gl/1Uztc9
เขียนโดย อดิศร นิตยาจาร (หมอแดง) ID Line : moredang โทร. 081-533-3529

freecheckhoroscope.wordpress.com ดวงชะตาเด็กเกิดใหม่ในเดือน เมษายน 2561 New born child horoscope in APRIL 2018.

11/03/2018

เหตุที่ทำให้ท่านสามารถใช้ #มโนมยิทธิ ได้อย่างรวดเร็ว-ชัดเจน-ไม่เสื่อมคลาย
https://www.facebook.com/MaNoMaYitTi/posts/1030859440387581

เหตุที่ทำให้ท่านสามารถใช้ #มโนมยิทธิ ได้อย่างรวดเร็ว-ชัดเจน-ไม่เสื่อมคลาย

__ #รวดเร็ว __ท่านสามารถใช้มโนมยิทธิได้อย่างฉับพลันทันทีที่ต้องการ ต่อเมื่อท่านกำหนดจิตของตนเอง ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าไว้ตลอดเวลา ทันทีที่ว่างจากภาระกิจทั้งปวง (พุทธานุสติกรรมฐาน)
หรือแม้นกระทั้งในขณะกำลังทำภาระกิจใดๆก็ตาม ก็ยังน้อมนำเอาพระธรรมคำสอนของพุทธเจ้า และคำสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลายมาคิดพิจารณา ใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต และใช้เป็นหลักในการทำหน้าที่การงาน (ธรรมานุสติกรรมฐาน+สังฆานุสติกรรมฐาน)
พิจารณาให้รอบคอบก่อนจะเริ่มคิด พูด ทำสิ่งใดๆ ว่าเราต้องตัดสินใจแก้ไขปัญหาทั้งปวง โดยไม่ทำให้คนอื่นต้องเป็นทุกข์ทางกายใจ (ศีลานุสติกรรมฐาน, หิริ-โอตตัปปะ, พรหมวิหาร 4 )
เมื่อจิตของท่านอยู่ในพระกรรมฐานเป็นปกติ จิตท่านจึงว่างจากกิเลส (ชั่วคราว) จึงพร้อมจะใช้มโนมยิทธิได้ในทันที แค่เพียงอธิฐานถามครูบาอาจารย์ในสิ่งที่ต้องการรู้ต้องการเห็น แล้วก็วางใจลงที่อุเบกขา คือการรอคำตอบให้ผุดออกมาเอง (ต้องไม่ใช่การถามเอง-ตอบเอง) เมื่อได้คำตอบมาแล้ว ต้องใช้วิจารณญาณตรวจสอบตนเองอีกครั้ง (ป้องกันความประมาทในตนเอง และพญามารเข้าแทรกจิตใจ)

__ #ชัดเจน __ท่านสามารถใช้จิตสัมผัสเห็นนิมิตต่างๆ ในมโนมยิทธิได้อย่างชัดเจนมีรายละเอียด มีสีสรรมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปริมาณความมากน้อยของ :
#กำลังใจ....คือศัทธาของท่านที่มีต่อคุณพระศรีรัตนตรัย ว่ามีมากน้อยเพียงใด
#กำลังศีล.....ว่าท่านมีศีลบริสุทธิ์มากน้อยเพียงใด
#กำลังกิเลส....ในเวลานั้นท่านมีกิเลสเหลือมากน้อยเพียงใด โดยใช้ #พระกรรมฐาน40 มาพิจารณาเพื่อตัดกิเลส ตัดความห่วงใยในร่างกาย ตัด #วัฏสงสาร (ความเวียนว่ายตายเกิด)

ในขณะที่ท่านกำลังใช้งานกโนมยิทธิ-ครึ่งกำลัง ถ้าท่านตั้งกำลังใจของท่านให้บริสุทธิ์เสมือนเป็นพระอรหันต์ (ชั่วคราว) ในเวลานั้นได้จริง ท่านก็จะมองเห็นภาพนิมิตต่างๆได้ชัดเจน
แต่ว่าความชัดเจนนั้นมีของเขตจำกัด เป็นไปตามกำลังบุญกุศล ที่ท่านสะสมมา
ถ้าเป็น #พุทธภูมิ ที่ยังไม่ได้ลาพุทธภูมิ ก็เห็นภาพต่างๆเลือนลางมาก แต่จิตสามารถหยั่งรู้โดยไม่สงสัยว่าสิ่งนั้นคืออะไร (เหตุเพราะยังไม่ตัดสินใจไปพระนิพพาน)
ส่วนท่านที่ลาพุทธภูมิแล้ว แถมสะสมบุญบารมีเต็มล้น (เดิมพร้อมจะเป็นพระพุทธเจ้าได้แล้ว ได้รับการพยากรณ์แล้ว) ก็จะเห็นภาพนิมิตต่างๆได้ชัดเจนมาก (ใกล้เคียงกับพระอหันต์) แต่ถ้าสำเร็จมรรคผลเป็นพระอรหันต์ไปแล้วจะเห็นได้ชัดเจนกว่า (ใกล้เคียงกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้า)

__ #ไม่เสื่อมคลาย __ถ้าท่านเชื่อว่าตนเองมีศัทธาต่อพระพุทธเจ้า-พระธรรม- พระอริยะสงฆ์ เชื่อว่ามีอยู่จริง มีศัทธาเต็มเปี่ยม ท่านต้องหาข้อพิสูจน์ให้ตนเองและผู้อื่นสามารถเข้าใจ และเข้าถึงความจริงในข้อนี้ ได้อย่างชัดเจน ทะลุแจ้ง แทงตลอด ตอบคำถามสดทุกข้อได้โดยไม่ติดขัดเลย ตัวท่านต้องไม่มีความสงสัยในพระธรรมทุกคำสอนเหลืออยู่เลย หมายความลึกไปถึงว่าสามารถปฎิบัติตามคำสอนนั้นได้ด้วยนะ (ให้เอาไปคิดเป็นการบ้าน-เอาไว้ให้ลองใช้ปัญญาของตนเอง คิดพิจารณาว่า จะพิสูจน์ให้คนอื่นที่ยังไม่มีศัทธา ให้มีศัทธาได้อย่างไร? ขอเว้นกล่าวในรายละเอียดไว้ในที่นี้ เพราะเรื่องนี้ยาวมาก ว่างๆ หรือมีใครถาม อาจเฉลยในตอนต่อไป ใครรู้แล้ว ก็ลองเขียนบอกเพื่อนๆเอาบุญธรรมทานนะ)
ด้วยวิธีนี้ ท่านจึงจะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน เข้าสู่เขตแดน #โลกุตระ คือ จิตที่กำลังจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวงสู่ #พระนิพพาน จึงจะใช้มโนมยิทธิได้อย่างมั่นคงถาวรไม่มีเสื่อมคลาย ไม่ถอยหลังหดหาย มีแต่ความก้าวหน้า พัฒนาดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ

#มโนมยิทธิครึ่งกำลัง ๙([:-){_/|\_|B

18/01/2018

ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดความทุกข์และความสุข และวิธีการดับทุกข์
Misery VS Happinesshttps://www.facebook.com/Nirvana.AND/photos/a.603808016347585.1073741830.603721839689536/1693729380688771/?type=3&theater
เขียนโดย ๙[:-){_/|\_|B พระนิพพานnirvana .AND 603721839689536

ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดความทุกข์และความสุข และวิธีการดับทุกข์
Misery VS Happiness

ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดความทุกข์

สำหรับผู้เต็มไปด้วยกิเลสตัญหาอุปาทาน ยังไม่เคยขัดเกลาจิตใจ ยังไม่เกิดปัญญา ยังไม่เห็นภัยของกิเลส ยังไม่ละกิเลส ไม่ว่าเขาจะมีทรัพย์สินมากหรือน้อยเพียงใด จิตใจก็จะมีแต่ความทุกข์ โหยหาแต่เงินทอง คิดแต่หาหนทางกอบโกย สะสมทรัพย์สินสมบัติมาไว้กับตัวเองให้มากที่สุด ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุดพัก ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักเพียงพอกิเลสทำให้เกิดความต้องการที่ไม่สิ้นสุด
ในธรรมชาติปกติของคน แม้นพากเพียรหาทรัพย์สินมาได้แล้วมากมาย แต่ถ้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่รวยกว่า กิเลสตัญหาอุปทานจะทำให้เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยา หลอกหลอนให้ตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองยังมีน้อยไปกว่าคนอื่น เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่แล้ว
กิเลสย่อมล่อลวงคนเหล่านี้ ไปคิด-พูด-กระทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ทรัพย์สินมาเพิ่มเติม แม้นในทางลัด ที่ผิดศีลธรรมและผิดกฏหมายก็ยอม นี่เป็นเรื่องปกติธรรมชาติของคนที่ยังไม่ขัดเกลากิเลส กิเลสปิดบังปัญญา ทำให้มองไม่เห็นความสุข ที่ตนเองมีทรัพย์สินมากมายเกินปกติธรรมดาคนทั่วไป

ต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดความสุข

ผู้ใดพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่แล้ว จะมีความสุขได้ตามอัตภาพ จะมีมากหรือน้อยเพียงใดก็มีความสุขได้ ความสุขที่แท้จริงไม่ได้วัดที่การมีเงินทองมากมาย แต่วัดที่มีความสงบมากน้อนเพียงใด
ผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นผู้หมั่นขัดเกลากิเลสออกไปจากจิตใจของตนเอง ย่อมเหลือกิเลสน้อยกว่าคนทั่วไป ย่อมรู้จักกิเลสว่ามันเกิดและดับได้อย่างไร รู้เท่าทันเมื่อกิเลสตัญหาอุปทานปรากฏขึ้นมา จิตใจที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้ว ย่อมมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งอยู่เหนืออำนาจกิเลสตัณหาอุปทาน ย่อมมีปัญญาสามารถมองเห็นอนาคตอันยาวไกลของตนเองและผู้อื่น ย่อมมองเห็นภัยของวัฏฏะสงสารว่า ถ้าใครพลาดพลั้งทำผิดศีล 5 ตายไปจะตกนรกยาวนานอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเคยนั่งสมาธิกระทั้งสามารถหยั่งรู้เห็นชัดเจนว่านรกมีอยู่จริง ย่อมบังเกิดมีหิริ-โอตตัปปะ (conscience) คือละอายความชั่ว เกรงกลัวการทำบาป หมั่นตั้งสติคอยตักเตือนตัวเองไว้ตลอดเวลา ไม่ให้หลงลืมตัวไปทำบาปกรรมใดๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปตกนรกหลังความตาย
การพึงพอใจในทรัพย์สินของตนเอง ไม่ว่าจะมีทรัพย์สินมากหรือน้อยเพียงใด จิตใจก็มีแต่ความ "ความสงบเยือกเย็นเป็นสุข" ความสุขสงบที่ห่างไกลจากกิเลสนี้ คือสงบและสุขที่แท้จริง

วิธีการดับทุกข์

ในวิถีชีวิตแบบ "ชาวพุทธ" โดยเฉพาะเหล่าพระอริยะเจ้าและบุคคลผู้มั่นคงใน "ศีล-สมาธิ-ปัญญา" แล้ว จะใช้

"สติ" ในการควบคุมศีลให้เกิดความบริสุทธิ์
"หิริ+โอตตัปปะ+พรหมวิหาร 4" ในการควบคุมศีลให้มั่นคงอยู่ได้ตลอดชีวิต
"ศีลอันบริสุทธิ์และมั่นคงได้ตลอดชีวิต" จะเป็นต้นเหตุและปัจจัยให้เกิด "สมาธิอันบริสุทธิ์"
"สมาธิอันบริสุทธิ์" จะเป็นต้นเหตุและปัจจัยให้เกิด "ญาณหยั่งรู้อันบริสุทธิ์"
"ญาณหยั่งรู้อันบริสุทธิ์" จะเป็นต้นเหตุและปัจจัยให้เกิด "ปัญญาอันบริสุทธิ"
"ปัญญาอันบริสุทธิ" จะเป็นต้นเหตุและปัจจัยให้ตัดกิเลสได้หมดสิ้นไปโดยไม่เหลือ หยั่งถึงและเข้าสู่พระนิพพานได้ในที่สุด

การประคับประคองตนเองให้มีสติและปัญญาได้ทั้งวัน ทุกวัน เป็นพื้นฐานสำคัญแรกสุด เพราะสติใช้ตรวจสอบตนเองได้ รู้เท่าทันจิตใจและกิเลสของตัวเองได้ ตราบใดที่ไม่สำเร็จอรหันต์ แม้นมีกิเลสตัญหาอุปทานกำเริบขึ้นมาบ้าง ในบางครั้งคราว แต่ก็สติจะดึงหน่วงรั้งจิตใจไว้ ไม่ให้ผู้ปฏิบัติธรรมหลงทางไปทำความผิดกฏหมายศีลธรรม ผู้แฏิบัติธรรมจึงมีปัญหาน้อย ทุกข์น้อย ถึงมีทุกข์ทางกายใจบ้างก็ทุกข์ไม่นาน เพราะมีภูมิปัญญาสูง สามารถเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปถามใคร

แม้นชีวิตของทุกคนยังจำเป็นต้องขยันทำงานหาเงินยังชีพให้กับตนเองและครอบครัว แต่เราก็สามารถเลือกวิถีชีวิตของตนเองได้ ถ้าต้องการชีวิตที่มีปัญหาน้อย ก็ต้องเลือกชีวิตที่เรียบง่าย เลือกทำแต่อาชีพที่สุจริตไม่ผิดกฏหมายศีลธรรมอันดีงาม ไม่คดโกงใคร ไม่แอบเบียดบังผลประโยชน์ของคนอื่นมาเป็นของตนเอง ทำงานเต็มกำลังความสามารถ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และพอใจกับผลของงานของตนเอง

ท่านทั้งหลายที่กำลังมีทุกข์ ที่เกิดจากภัยของกิเลสในตนเอง จงลองคิดพิจารณาตามความเป็นจริงนี้ แล้วลองเลือกวิถีชีวิตที่ดีที่สุดให้ตนเองเถอด แล้วจะพ้นจากภัยของกิเลสอุปทานทั้งหลายไปได้ ชีวิตที่สงบสุขจะกลับคืนมาอีกครั้ง

เขียนโดย ๙[:-){_/|\_|B พระนิพพานnirvana .AND 603721839689536

14/12/2017

ท่านใดกำลังว่างงาน, ต้องการหารายได้เสริมให้กับตนเองหรือช่วยแนะนำคนอื่นให้มีรายได้, สร้างรายได้จากอาชีพนวดแผนไทย, งานง่ายรายได้พออยู่พอกิน
__ลักษณะงาน งานง่าย-นวดไปตามตำราและการอบรมจากครูบาอาจารย์ รายได้ตามความขยันอดทนญาติเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย มีเพียงมือเปล่าก็หากินได้ เป็นงานมีเกียรติศักดิ์ศรี มั่นคง งานอิสระ (เลือกประเภทลูกค้า, วันเวลาทำงานวันหยุด, ค่าบริการ,... บริหารงานได้ด้วยยตนเอง)
__ติดต่อมาที่โทร. 081-533-3529 หรือศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสุโขทัย โทรศัพท์ : 0-5568-2586
__ข้อมูลการเรียนการสอนนวดแผนไทย หลักสูตรระยะสั้นๆ 10 วัน เริ่มเรียนวันแรกวันที่ 5 หรือ 8 มกราคม 2561
__เอกสาร.นการสมัครเรียน : สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน, รูปถ่าย

03/12/2017

แนะนำบทความน่าสนใจ....
มีเหตุปัจจัยใดบ้าง? ที่ทำให้ผู้ใช้วิชา "มโนมยิทธิ" เป็นแล้ว ไม่สามารถสำเร็จมรรคผล ตายแล้วจะไม่ตรงเข้าไปสู่พระนิพพาน
https://www.facebook.com/MaNoMaYitTi/photos/a.143132402493627.29104.139858776154323/738460862960775/?type=3&theater
เขียนโดย ๙([:-){_/|\_|B

ถาม__มีเหตุปัจจัยใดบ้าง? ที่ทำให้ผู้ใช้วิชา "มโนมยิทธิ" เป็นแล้ว ไม่สามารถสำเร็จมรรคผล ตายแล้วจะไม่ตรงเข้าไปสู่พระนิพพาน
ตอบ__เนื่องจากวิชามโนมยิทธินี้ เป็นคุณสมบัติพิเศษเฉพาะผู้มีปราถนา "พุทธภูมิ" แน่นอนว่าแม้นจะศึกษาเล่าเรียนศึกษาจดจำพระไตรปิฎกได้แม่นยำ ปฏิบัติธรรมได้ใกล้ถึงพระนิพพาน แต่ถ้ายังไม่ลาพุทธภูมิ ก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผลพระนิพพานได้ ต้องสะสมบุญบารมีต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร สิ่งที่ตัวเองปรารถนานั้นมีลำดับก่อนหลังอยู่ มีคิวยาวไกลอยู่ จึงต้องรอได้อย่างเดียว ระหว่างนั้นก็วนเวียนเกิดตาย บำเพ็ญเพียรสร้างบุญบารมีสะสมไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่อดทนรอคิวที่จะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ไหว ก็ลาพุทธภูมิไป นี่เป็นปกติธรรมดา บางครั้งก็พลั้งพลาดไปตามกิเลสมาร ต้องตกนรก เสียเวลาไปก็เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน เปรียบว่าก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องเป็นมารก่อน ประมาณนี้
__ต่อไปนี้เป็นอนุสติ ย้ำเตือนใจ สำหรับทุกคนที่สามารถใช้วิชามโนมยิทธิได้แล้ว เพื่อตักเตือนตัวเองไม่ให้ประมาทในตัวเอง ไม่ให้ประมาทในบุคคลอื่น

1__ถ้าตั้งใจมุ่งมั่น จะไปพระนิพพานในชาตินี้ให้ได้จริง ประการแรกที่ต้องทำคือ "ลาพุทธภูมิ" อย่าลาเล่นๆเพียงเพื่อทำตามคนอื่น อย่าทำด้วยความไม่รู้ จงศึกษาวิธีลาพุทธภูมิอย่างถูกต้อง ได้ผลจริง (แอดมินไม่สอนเรื่องนี้ เพราะไม่รู้พิธีการที่ถูกต้อง ถึงจะรู้ก็คงไม่สอน เพราะไม่ใช่หน้าที่ เป็นการชี้นำที่เสี่ยงที่จะสอนในเรื่องที่ไม่รู้จริง ถ้าใครอยากลาพุทธภูมิต้องหาวิธีลาเอาเอง)

2__มีหลักตกยะศาสตร์ง่ายๆ ที่ชี้ชัดว่า "คนที่เกิดมาใหม่ในชาตินี้ ย่อมยังไม่บรรลุอรหันต์" วิชามโนมยิทธิใช้ได้เหมือนแก้วสาระพัดนึก จงใช้ค้นหาว่าตัวเองบกพร่องสิ่งใด ทำไมชาติที่ผ่านมา จึงไปไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน แล้วแก้ไขที่ต้นเหตุนั้น

3__การจะไปพระนิพพาน ก็ต้องเริ่มจากการตั้งความปรารถนา ว่า "ขอไปพระนิพพานในชาตินี้" ถ้าไม่ตั้งความปรารถนานี้ ถึงจะสะสมบุญบารมีมามากเพียงใด ก็ไม่สามารถไปพระนิพพานได้ในชาตินี้ (และชาติหน้า) เพราะเกิดมากี่ชาติก็ขอให้ไปพระพระนิพพานในชาติหน้า อธิฐานชาติหน้าทุกชาติ ก็ได้อย่างที่ขอ คือไม่ได้ไปในชาตินี้อย่างแน่นอน

4__ ก่อนจะอธิฐานขอไปพระนิพพานในชาตินี้ ขอให้ถามตัวเองก่อนว่าจะอยากไปจริงหรือไม่ อะไรเป็นเหตุให้ต้องไป ถ้าตอบตัวเองไม่ได้ แสดงว่าไม่ได้ต้องการไปจริง ถึงจะกล่าวคำอธิฐานกี่รอบ ก็ไปพระนิพพานไม่ได้ เพราะจะไม่มีความเพียรพยายามที่จะตัดกิเลสของตัวเองทิ้งไป ตายไปพร้อมกิเลสเหมือนเดิม วนเวียนในวัฎฎะนี้ตามเดิม

5__เมื่อตั้งใจจะไปพระนิพพานในชาตินี้ ต้องหมั่นตัดกิเลสที่ทำให้เกิดความอยากร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีทิ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก เพราะกิเลสนี้เป็นภาระหนัก ที่ทำให้ทุกคนเสียเวลาปฏิบัติธรรมไปมาก ควรตั้งค่าปานกลางไว้ว่า เราจะทำงานปานกลาง หาทรัพย์สินเลี้ยงชีวิตและครอบครัว ทำงานด้วยปัญญา คือทำให้งานทุกอย่างสั้น ง่าย สบายใจ กำไรดี ไม่คดโกงใคร (ท่องคาถาเงินล้านไว้ทุกวัน) ผลงานที่ออกมา จะดีกว่าปกติธรรมดา พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี อย่าเปรียบเทียบฐานะทางการเงินกับคนอื่น เพราะเราจะไปคนละทิศทางกับคนอื่น คนอื่นทำงานเพื่อสะสมทรัพย์สินแบบไม่มีเพดานจำกัด ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งมีมากยิ่งไม่พอ จิตใจยึดติดอยู่กับทรัพย์สินและกิเลสอย่างเหนียวแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้จะไปพระนิพพานเลือกจะทำงานตามหน้าที่ตามสมควรแบบพร้อมจะปลดปล่อยวางกิเลสและทรัพย์สินทั้งปวง พร้อมจะปลดปล่อยวางในร่างกาย เมื่อเวลาความตายมาเยือน

7__เข้าสู่ความเป็นโสดาบันก่อน ถ้าตั้งใจจริง ควรทำสำเร็จได้ภายใน 3 วัน - 3 เดือน จุดนี้ขึ้นอยู่กับ "การตัดสินใจ" เลือกวิถีชีวิตของตนเอง ว่าจากนี้เป็นต้นไปจนตาย เราจะเป็น หรือไม่เป็น มีวิธีตัดสินใจย่อๆ ดังนี้...คิดพูดทำดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตแจ่มใส เชื่อว่าพระพุทธพระธรรมพระอรหันต์มีจริง เราจะทำตามคำสอนของท่าน อยู่ในศีล 5-8 ไปตลอดชีวิต มีอานาปานุสติเป็นปกติ อธิฐานขอไปพระนิพพานในชาตินี้ แล้วแบ่งเวลาไปศึกษาปฏิบัิติธรรม พยายามตัดกิเลสทุกวัน ให้เกิดความก้าวหน้า ไม่ถอยหลังหรือหยุดอยู่กับที่เดิม

8__ศึกษาพระกรรมฐานทั้ง 40 ให้เข้าใจ กระทั้งหมดความสงสัย คล่องแคล้ว ทำได้จริง สอนคนอื่นให้เกิดมรรคผลได้จริง

9__ศึกษาพระไตรปิฎก และพระวิสุทธิมรรค ซึ่งเป็นพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เรียนรู้เพื่อคัดแยกว่าสิ่งใดพระพุทธเจ้าสอนไว้จริง สิ่งใดท่านไม่ได้สอน ตัวเราเองจะได้ไม่สับสนว่าอะไรผิดอะไรถูก เมื่อรู้ความจริงแล้ว ใครก็หลอกลวงเราไม่ได้ (สังคมไทยปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่เรียนรู้อะไรเลย จึงถูกมาร-ตัวเอง-คนอื่นหลอกได้ง่ายๆ หลงทิศผิดทาง ทะเลาะถกเถียงกัน หาข้อยุติไม่ได้ เพราะความไม่รู้จริงทั้งคู่ ทั้งสองฝ่าย ส่วนผู้รู้จริงก็ชอบจะปลีกวิเวก)

10__หลักปฎิบัติธรรมที่ทำให้สำเร็จมรรคผลได้เร็วคือ ทำให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าวันละ 1 ก้าว ทำอะไรก็ได้ พยายามขัดเกลากิเลสให้หมดไปทุกวัน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะในที่สุด วันสุดท้ายของท่านก็จะมาถึงอย่างแน่นอนในอนาคต โดยที่ท่านอาจยังไม่พร้อม ยังไม่รู้จะไปพระนิพพานอย่างไร เป็นอย่างนี้มาทุกชาติ ชาตินี้ท่านมีโอกาสแล้ว อย่าให้โอกาสนั้นผ่านไปอีก

ยังมีเหตุปัจจัยอีกมากมาย แต่เหตุที่กล่าวมานี้ เป็นเหตุปัจจัยใหญ่ ที่ทำให้คนที่ใช้วิชามโนมยิทธิได้ น่าจะไปพระนิพพานได้ง่าย แต่กลับไปไม่ได้ วนเวียนว่ายตายเกิดอีกหลายชาติ กลายเป็น "วิชาเก่า" ของเก่าที่ติดตัวมาหลายชาติ สรุปง่ายๆว่า "เป็นคนดี พกพามีดคมมา แต่ไม่ใช้ตัดกิเลสให้หมดไปสักที"

เขียนโดย ๙([:-){_/|\_|B

30/11/2017

#กิจกรรมพิเศษ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560
__ลูกค้าท่านใดต้องการดูดวงทางโทรศัพท์กับหมอแดง ในราคา 100 บาท/ดวง/3คำถาม/30นาที
__ภายในวันนี้ หมอแดงกำลังปล่อยคิวพิเศษให้ลูกค้าดูดวง 5 คิว
__ผู้สนดูดวงทางโทรศัพท์ สามารถติดต่อสอบถามและจองคิวพิเศษนี้ได้ โดยโทรศัพท์เข้ามาจองคิว ที่เบอร์โทร. 081-533-3529 ภายวันนี้ ในเวลา 11.00 - 13.00 น. เท่านั้น
__ผู้ที่จองคิวได้แล้วต้องโอนเงินค่าบริการมาล่วงหน้า เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย-ออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 233-228-6407 ในนาม อดิศร นิตยาจาร ในทันที หรือก่อนถึงเวลาที่จองคิวดูดวงไว้ พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการโอนเงิน ให้ข้อมูลวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด คำถาม 3 คำถาม ไว้ล่วงหน้า

28/11/2017

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงหรือไม่?

บทความน่าสนใจ...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงหรือไม่?
http://adisorn49.blogspot.com/2017/11/blog-post_28.html
เขียนโดย อ.อดิศร นิตยาาร (หมอแดง) ดูดวงทางโทรศัพท์ 500 บาท/ดวง/5คำถาม/ชั่วโมง โทร. 081-533-3529

adisorn49.blogspot.com สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงหรือไม่? Sacred item real or not ?

29/10/2017

หมอแดง's cover photo

25/09/2017

การฝึก "สมาธิ"
__การฝึกสมาธิ คือการฝึกบังคับทั้งร่างกายและจิตใจของเรา ให้อยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาของเราเต็ม 100%
__เราจำเป็นต้องบังคับทั้งร่างกายและจิตใจ ให้อยู่ในสภาพ "นิ่ง-สงบ-ว่างเปล่า-ไร้ภาระกิจใดๆ" เพื่อให้เกิดความสุข เป็นความสุขที่เกิดจากความสงบ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริง-ดั้งเดิมของจิตใจ
__จิตใจดั้งเดิม เป็นพลังงงาน (ปราศจากร่างกาย) ที่เราเรียกกันว่า "จิต" หรือ "ใจ" หรือ "วิญญาณ" หรือ "ผี" คือตัวตนที่แท้จริงของเรา
__ส่วนร่างกาย เป็นธาตุ 4 (ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ) เป็นที่อยู่อาศัยสิงสถิตย์ของจิตวิญญาณแบบชั่วคราวเท่านั้น เมื่อร่างกายแก่เกินซ่อมก็ตายไป จิตวิญญาณต้องหาที่สิงสถิตย์ใหม่ (ไปเกิดใหม่)
__จิตวิญญาณ ดั้งเดิมก่อนมาติดในร่างกายนี้ เคยเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วจักรวาล ไม่มีภาระกิจใดๆ ว่างจากความคิดทั้งปวง (เพราะไม่สมองไว้คิด) ไม่มีครอบครัว ไม่รักใคร ไม่เกียจใคร ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง อยากรู้อะไรก็รู้ได้ด้วยตัวเอง อยากเดินทางไปไหนๆ ก็ไปได้ด้วยความเร็วเกินความเร็วแสง คือนึกจะอะไรก็ไปปรากฏที่นั้นได้ในทันที
__แต่ปัจจุบัน จิตวิญญาณพวกเรา หลงมาติดอยู่ในร่างกาย มีภาระกิจมากมาย มีครอบครัว มีความต้องการแบบไม่จำกัดไม่มีขอบเขต อาการอย่างนี้เราเรียกว่า "กิเลส"
__กิเลส ทำให้จิตวิญญาณหลุ่มหลงยึดติดแน่นอยู่กับ : ร่างกายตนเอง ร่างกายคนอื่น ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงวงษ์คตระกูล เชื้อชาติเผ่าพันธ์ ภาคภูมิในอาชีพตนเอง ฯลฯ
__"วัฏฏะ" คือการวนเวียนว่ายตาย-เกิดไม่รู้จบสิ้น ด้วยเหตุที่จิตวิญาณหลงลืมตัวตนเดิมไปแล้ว หลงว่าตัวตนคือร่างกาย คิดว่าตัวเองมีภาระกิจอีกมากมายยังไม่ได้ทำ ห่วงใยในทุกคนในครอบครัว : พ่อแม่พี่น้องญาติสนิทมิตรสหายลูกหลานบริวาร ห่วงทรัพย์สมบัติ ริษยาอาฆาตพยาบาดจองเวรศัตรูคู่แข่ง จึงต้องหวนกลับมาเกิดใหม่ เพราะตัวเองกำหนดทิศทางไว้เอง
__เมื่อมาเกิดใหม่ ก็เริ่มต้นก่อกรรมใหม่ ชดใช้กรรมเก่า ซ้ำไปซ้ำมา เหมือนเข็มนาฬิกาเดินวนเป็นวงกลม ดูเหมือนเดินไปข้างหน้า แท้จริงเดินวกวนกลับมาทางเดิม ความจริงเป็นอย่างนี้เอง
__ถ้าใครต้องการสมาธิในการทำงาน สมาธิในการปฏิบัติธรรม สมาธิเพื่อให้เข้าถึงและเกิดมรรคผล เราต้องตัดภาระกิจทุกอย่างออกไปจากจิตใจและสมอง แบบชั่วคราวในขณะฝึกสมาธิ (ออกจากสมาธิแล้วยังต้องทำงานหาเงินเหมือนเดิม) ช่วงเวลาที่ต้องการสมาธิ ต้องไม่ใช้สมองคิดเรื่องอะไรขึ้นมาเลย (ทำเหมือนกำลังหลับไปแล้ว หรือตายไปแล้ว) คือทำใหสมองและจิตใจว่างเปล่านั้นเอง
__อธิบายขยายความ เรื่อง "ความว่างเปล่า" ความว่างของจิตใจ ขณะกำลังฝึกสมาธิ
คืออาการของจิตที่กำลัง......
______"ว่างจากความคาดหวังทั้งปวง" ผู้ฝึกสมาธิ ต้องทำตามคำสอนของครูบาอาจารย์สั่งสอน ทำดีอย่างดีที่สุด แล้ววางอุเบกขา ยอมรับผลของการกระทำของตนเอง
______"ว่างจากกิเลสทั้งปวง" กิเลสคือเครื่องรัดตรึงกักขังจิตเอาไว้กับร่างกาย กิเลสเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์ : ความรัก โลภ โกรธ หลง อยากได้ อยากมี อยากเป็น
______"ว่างจากอารมณ์ทั้งปวง" อารมณ์ คือ ความรู้สึกดี-ร้าย-ปลางกลาง : ดีใจ เสียใจ เฉย ตึงเครียด กลัว สงสัย สบสน วิตกกังวล ฯลฯ (แบบชั่วคราว)

__จิตที่กำลังรวบรวมสมาธิ แล้วสามารถบังคับร่างกายและจิตใจสงบนิ่ง ตั้งมั่นอยู่ได้นานๆ จะบังเกิด "พลังจิต" ขึ้นมาเองโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ สามารถใช้พลังจิตนี้ เพ่งไปหยั่งรู้สิ่งต่างได้ตามความเป็นจริง
__สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกสมาธิใหม่ๆ อาจหยั่งรู้ได้ทั้งจริงและไม่จริงปะปนกันมา ตามคุณภาพของจิตในขณะนั้น ถ้าฝึกสมาธิบ่อยๆ รู้หลักตามที่กล่างมาข้างต้นนี้แล้ว ก็จะสามารถพัฒนาบังคับจิตใจตัวเองได้ดีกว่าเดิม มั่นคงกว่างเดิมได้ในที่สุด
__สมาธิจะเกิดขึ้นได้ง่ายและมั่นคง ถ้าผู้ฝึกสมาธิอยู่ใน "ศีล 5" เป็นเวลาต่อเนื่องมายาวนานหลายสิบปีแล้ว (มีศีลบริสุทธิ์) หรือมีศีล 5 อยู่ในกมลสันดานตั้งแต่เกิด (มีบุญบารมีสูง) ขึ้นอยู่กับความพากเพียรพยายาม
__การมีครูบาอาจารย์ที่รู้จริง คอยอบรมสั่งสอน บอกทิศทางการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง จะทำให้ท่านไม่เสียเวลา ไม่ต้องลองผิดลองถูก การมีครูบาอาจารย์ที่ไม่รู้จริงสั่งสอน ก็จะพากันปฏิบัติผิดบ้างถูกบ้างไปตามยถากรรม เสียเวลาอีกหลายชาติ
__ท่านใดได้พบครูที่ดีนำทางท่านได้ถูกต้อง โดยไม่มีความผิดพลาดเลย จงรีบทำตามครูบาอาจารย์สอน การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ให้ยึดถือหลักการแรกเริ่มต้นว่า อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะเวลานั้นมีน้อย มีจำกัด ถ้าเรามาเกิดในชาตินี้ได้ แสดงว่าเราเคยผลักวันประกันพรุ่งมาแล้ว จึงยังเข้าไม่ถึงซึ้งพระนิพพาน ถึงได้มาเกิดในชาตินี้อีก

16/09/2017
01/08/2017

ถาม...ราคะ คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
ตอบ...ราคะ(จริต) คือ (นิสัย)"รักสวยรักงาม" มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดทุกคน ปกติคนทั่วไปต้องใช้ราคะในชีิวตประจำวัน ใช้ในการทำอาชีพ เช่นอาชีพช่างศิลปะ ยิ่งต้องใช้ราคะนี้เป็นอย่างมากมาย
__ธาตุ 4 มีวิธีซ่อนโปรแกรม "รักสวยรักงาม" นี้ไว้ในกรรมพันธ์ ทั้งในคน-สัตว์-พืช ใครจะขายสินค้าบริการอะไรให้ได้ร่ำรวยเร็วๆไวๆ ต้องโฆษณาให้ดูน่าสนใจ น่าทดลองใช้ โดยกระตุ้นทำให้ลูกค้าเกิดราคะขึ้นมา ก็จะทำให้ลูกค้ามีความต้องการซื้อใช้สินค้าและบริืการนั้นๆมากขึ้น เพราะสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ(ทุกอย่าง)ในโลกนี้ต้องอาศัย "ราคะ" นี้เป็นกลไกหล่อเลี้ยงชีพของตนและเผ่าพันธ์ ให้ดำรงค์อยู่ต่อไป ไม่สาบสูญหายไป
__แต่เหล่าพระอริยะเจ้า/บุคคล มองลึกลงไปว่า กิเลสตัญหาราคะอุปทาน เป็นสิ่งที่ดึงรั้งจิตวิญญาณไว้ให้หลงมัวเมาในร่างกาย ในโลกธาตุ เป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์ทั้งปวง ผู้ใดเบื่อหน่ายในทุกข์ทั้งหมด จำเป็นต้องตัดสายเชื่อมโยงใยนี้ทิ้งไป
__การตัด"ราคะ" นี้ทิ้งไป เพื่อให้ตัวเองมีอิสระภาพสูงสุด เพื่อหลุดพ้นจากเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ราคะเปรียบเสมือนโซ่ที่ล่ามจิตใจไว้ ให้ยึดติดอยู่กับที่เดิมๆ ยึดติดกับชื่เสียงวงษ์ตระกูลชาติภพภูมิเผ่าพันธ์เดิม วัฏฏะเดิม
__ใครตัดราคะได้จริง ก็จะเริ่มเกิดปัญญา มองเห็นทางเข้าสู่พระนิพพาน สามารถใช้ "มโนมยิทธิ" ได้เที่ยงตรงตามความเป็นจริงทุกประการ โน้มจิตเข้าสู่พระนิพพานได้ง่ายเพียงวินาทีเดียว....ใครรู้และเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว (ราคะจริต) ก็เท่ากับว่ารู้กำเนิดทุกสิ่งในโลกนี้ รู้เหตุแห่งทุกข์ รู้วิธีดับทุกข์ ถ้าปรารถนาจะพ้นทุกข์ก็จะพ้นได้จริง (ครูของครูของครูฝากบอกมา)
๙[:-){_/|\_|B

ต้องการให้ธุรกิจของคุณ ธุรกิจ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง วาณิชย์ ใน Khlong Tan?
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?

เบอร์โทรศัพท์

เว็บไซต์

ที่อยู่


Khlong Tan
64120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 18:00
อังคาร 08:00 - 18:00
พุธ 08:00 - 18:00
พฤหัสบดี 08:00 - 18:00
ศุกร์ 08:00 - 18:00
เสาร์ 08:00 - 18:00
อาทิตย์ 08:00 - 18:00

Khlong Tan วณิชย์อื่นๆ (แสดงผลทั้งหมด)
ตาบก หีบศพ ตาบก หีบศพ
บ้านไร่
Khlong Tan, 64120