ข้อมูลวัฒนธรรม อำเภอบ่อพลอย
เปิดเหมือนปกติ
การจัดเก็บข้อมูลองค์ความรู้ จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอบ่อพลอย
๑. ชื่อข้อมูล........จุ๊บผัก.......................................................................................................
ประเภท/หมวดหมู่......ภูมิปัญญาท้องถิ่น/วิถีชีวิต...................................................................................
๔. ประวัติ ความเป็นมา (อธิบาย/บรรยายลักษณะ)
จุ๊บผัก เป็นอาหารรสจัดของชาวไทยทรงดำ บ้านลำตะเพิน หมู่ ๕ ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งแต่เดิมใช้ผักพื้นบ้านที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ผักหวานป่า โดยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน เป็นฤดูกาลที่ผักหวานป่า ขึ้นตามตอไม้แห้งในป่า ชาวไทยทรงดำจึงนำผักหวานมาจุ๊บกับเห็ดบด เห็ดลม เป็นอาหารยอดนิยมในฤดูร้อน ต่อมาจึงวิวัฒนาการใช้ผักทั่วๆ ไป เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วพู มะเขือพวง ตำลึงฯลฯ นอกจากนี้แล้ว จุ๊บผัก ยังเป็นอาหารใช้ในพิธีกรรมของชาวไทยทรงดำ เช่น พิธีเสนเรือน พิธีปั๊ตตง โดยจะรับประทานหลังจากพิธีเสร็จแล้วประมาณตอนกลางวัน เรียกว่า " แลงกลางเฮือน " หมายถึง กินอาหารกลางบ้าน ซึ่งจุ๊บผักที่ใช้ในพิธีจะต้องนำไปจุ๊บในกะล่อหอง (ห้องผี) เท่านั้น
“จุ๊บ” หมายถึงการนำมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วรับประทานทันที จึงเรียกว่าการ “จุ๊บ”
ฤดูที่นิยมรับประทาน
รับประทานได้ตลอดปีสำหรับผักอื่น ๆ แต่ผักหวานป่าจะแตกยอดช่วงฤดูแล้ง
เทคนิคการทำ(เคล็ดลับ)
ลวกผักพอสุก ผักอื่น ๆ เช่นผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ใบมะกอก ใบมะม่วง ถั่วพู บัวบก ผักแว่น
มะเขือพวง ควรปรุงเครื่องจุ๊บ และน้ำปลาร้าต้มก่อน ลวกผักแล้ว รีบผสมปรุงรส รับประทานทันที
รสชาติ เค็ม เผ็ด และหวานจากใบผักหวาน ถ้าเป็นผักอื่น ๆ จะมีความหวานจากผักนั้นๆ
องค์ประกอบของอาหาร (สูตร)
เครื่องปรุง/ส่วนผสม
๑. ผักลวก(ผักหวาน/ถั่วฝักยาว/ผักบุ้ง/มะเขือพวง/ถั่วพู ฯลฯ)
๒. เนื้อปลาย่าง
๓. เนื้อหมู่สับต้มสุก
๔. พริกพาน (มะแข่น)
๕. พริกแห้งป่น(เผา)
๖. หอมแดงเผา
๗. กระเทียมเผา
๘. ข่า
๙. น้ำปลาร้าต้มสุก
ขั้นตอน/วิธีทำ
๑. นำผักลวกพอสุก แล้วหั่นใส่ภาชนะไว้
๒. ปลาเอาแต่เนื้อ ยีเนื้อปลาให้ฟูหยาบๆ
๓. นำหอมแดง กระเทียม พริกแห้ง ไปเสียบไม้เผา
๔. โขลกพริกพาน หอมเผา กระเทียมเผา ข่าสด พริกแห้งเผา และใส่เนื้อปลาโขลกไปด้วย
๕. นำผักต้ม เครื่องปรุงที่โขลก และเนื้อหมูสับต้มสุกมาคลุก ปรุงด้วยน้ำปลาร้าต้มสุก
๓. สถานที่ตั้ง/พิกัด (ถ้ามี) ๑/๙ ม.๕ บ้านลำตะเพิน ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
๔. ชื่อผู้ให้ข้อมูล/บุคคลอ้างอิง/ข้อมูลอ้างอิง นางไพลิน ไศลบาท
ที่อยู่ ๑/๙ ม.๕ บ้านลำตะเพิน ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
เบอร์โทรศัพท์ ๐๘ ๓๗๐๘ ๒๙๒๔
การจัดเก็บข้อมูลองค์ความรู้ จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอบ่อพลอย
๑. ชื่อข้อมูล สวดพระมาลัย
ประเภท/หมวดหมู่ พิพิธภัณฑ์/สถานที่ทางวัฒนธรรม
๒. ประวัติ ความเป็นมา (อธิบาย/บรรยายลักษณะ)
สวดพระมาลัย บทโศก บทตลก มีตาลปัต ๔ อัน เล่นพื้นเมือง บทโศก
สวดพระมาลัย สวดพระธรรมในคัมภีร์พระมาลัย
สวดคฤหัสถ์ หรือ สวดกะหัด คือการสวดชนิดหนึ่ง เป็นการเล่นที่นิยมเล่นในงานศพ เป็นการเล่นเลียนแบบการสวดพระอภิธรรมของพระสงฆ์ และเล่นในตอนดึกหลังจากพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเสร็จแล้ว
การสวดจะมีบทสวด "พื้น" อยู่ 4 อย่าง คือ พื้นพระอภิธรรม (สวดบทพระอภิธรรม) พื้นโพชฌงค์มอญหรือหับเผย พื้นพระมาลัย (สวดเรื่องพระมาลัย) และพื้นมหาชัย 1 แต่ที่นิยมใช้สวดกันอย่างแพร่หลาย คือพื้นพระอภิธรรม แต่เดิมเป็นการละเล่นของพระสงฆ์ซึ่งสวดมนต์แล้วออกลำนำเป็นภาษาต่างๆ มีปรากฏในกฎหมายตราสามดวง ห้ามไม่ให้พระสงฆ์สวดออกลำนำแบบนี้ จากนั้นจึงแพร่หลายมาในหมู่ชาวบ้าน และเริ่มมีการแต่งตัวตามภาษาที่ใช้สวด
การเล่น
สถานที่เล่นอาจเล่นตามวัด หรือเล่นที่บ้าน จะเล่นกันแต่ตอนค่ำ บ้างก็เลิกจน รุ่งสว่าง ผู้เล่นสวดคฤหัสถ์มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส เรียกผู้สวดว่า “นักสวด” และเรียกผู้สวดคณะหนึ่งๆ ว่า “สำรับ” โดยแบ่งนักสวดเป็น 2 ประเภทคือ นักสวดอาชีพ และนักสวดสมัครเล่น นักสวดอาชีพมีทั้งสำรับพระสงฆ์ และสำรับฆราวาส สำรับหนึ่งมี 4 คน ที่นั่งสำหรับสวดเรียกว่า "ร้าน" ผู้ที่สวดทุกคนถือตาลปัตร ตั้งตู้พระธรรมข้างหน้า ตำแหน่งนักสวดทั้ง 4 คนนั่งเรียงจากซ้ายไปขวาของผู้ชมดังนี้
1. ตัวตุ๊ย คือตัวตลก มีหน้าที่ทำความขบขันให้แก่ผู้ชม แต่จะต้องอยู่ในแบบไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางไป
2. แม่คู่ (หรือคอหนึ่ง) มีหน้าที่ขึ้นต้นบท และนำทางที่จะแยกการแสดงออกไปเล่นในชุดใด ยังเป็นตัวซักไซ้ให้เกิดความขบขันจากตัวตลกด้วย
3. คอสอง มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยแม่คู่ คอยซักสอดเพิ่มเติม
4. ตัวภาษา เป็นตัวภาษาต่างๆ และตัวนาง ผู้ทำหน้าที่นี้จะต้องร้องเพลงได้ดี พูดเลียนสำเนียงภาษาต่างๆได้ชัดเจน
เมื่อเริ่มสวดคฤหัสถ์นักสวดทั้งหมดจะใช้ตาลปัตรบังหน้าเหมือนพระสวดพระอภิธรรม หากเป็นบทสวด คฤหัสถ์ของ “สำรับพระ” จะขึ้นต้นบทสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยพร้อมกัน 3 จบ แล้วจึงขึ้นบทสวดพระอภิธรรมสังคณี ตัวตุ๊ยก็จะขยับมือข้างหนึ่งออกท่ารำขณะที่ยังถือตาลปัตรอยู่ แม่คู่คนที่อยู่ใกล้จึงยึดมือไว้สักอึดใจหนึ่ง แต่ตัวตุ๊ยยังขยับมือรำอีกแต่จะเป็น 2 มือ หลังจากนั้นจึงมีการเจรจาระหว่างตัวตุ๊ยและแม่คู่
การเริ่มลองเสียงจะร้องว่า "เออเฮอะ เออๆๆๆ" หลายๆครั้ง ต่อจากนี้จึงขึ้นบท "เอ๋ย กุ...สลา ฯลฯ" แล้วจึงสวดแยกออกร้องเพลง ตัวตุ๊ยกับตัวภาษาก็ขึ้นรำแสดงท่าทาง มีการตี และตบกันด้วยตาลปัตรบ้างตามสมควร แล้วจึงหันเข้าบทพระธรรม ตัวภาษาตีกลองเข้าจังหวะเพลง ตัวตุ๊ยเข้าแทรกประกอบ แล้วจึงร้องลำจีนกำกับท้ายกราวต่อจากนี้จึงแยกออกชุดจีน และชุดอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งการแสดงชุดต่าง ๆ ยังมีอีกมากแล้วแต่ทางคณะเช่น ชุดภาษาญวน มอญ แขก ลาว พม่า เขมร ฝรั่ง เพลงฉ่อย และละคร เป็นต้น ไม่มีการวางลำดับตายตัว
การเล่นพื้นพระอภิธรรม
ในการเล่นพื้นพระอภิธรรม ทั้งสี่คนจะสวดบทพระสังคิณี เริ่มจากบทสวดภาษาบาลีก่อน แล้วจึงเจือลำนำทีละน้อยจนเป็นลำนำล้วน เมื่อท้ายตู้กับหัวตู้แต่งตัวพร้อมแล้วจะร้องลำนำเป็นเรื่องต่างๆ เช่นออกภาษาไทยจะเล่นเรื่องไกรทอง รามเกียรติ์เป็นต้น ถ้าออกภาษาจีน จะนิยมเล่นเรื่อง ตั๋งโต๊ะ-เตียวเสี้ยน (สามก๊ก) ไกโซบุ๋น และจีนไหหลำ ซึ่งเป็นการเจรจาโต้ตอบแบบจำอวด ถ้าออกภาษาลาว นิยมเล่นเพลงเส่เหลเมา ถ้าออกภาษาญวน ใช้บทสวดสังคโหและใช้เพลงญวนทอดแห[2]
พ่อเพลงคนสำคัญ นายประเทือง สุกใส,นายสุนทร สุกใส บ้านเลขที่ ๒ หมู่ ๓ ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
พ่อเพลงประกอบด้วย นายประเทือง สุกใส , นายสุนทร สุกใส
นายสำรวย ละว้า , นายสำรอง รุ่งสว่าง , นางปราณี สำราญวงศ์
คัมภีร์ที่ใช้ในบทสวดนี้เรียกว่า " คัมภีร์มาลัย " หรือ หนังสือสวดมาลัย หรือ หนังสือมาลัย การสวดมาลัยมีจุดมุ่งหมาย เฝ้าศพ เพื่อไม่ให้งานศพเงียบ ทำให้เจ้าบ้านหรือญาติของผู้ตายต้องเศร้าโศกจนเกินไป การนั่ง นอนกันเฉย ๆ หรือเล่นการพนันจะไม่เหมาะสม จึงคิดหาวิธีที่ทำให้ไม่เงียบเหงา จึงมีการสวดขึ้นมาเพื่อความรื่นเริงเข้ามาแทรกบ้าง มีบทส่งท้ายเรียกว่า ส่งเปรต หมายถึง ส่งศพขึ้นสวรรค์ เล่นแต่การบุญคือลักษณะส่งวิญญาณสอนศพก่อนที่จะส่งขึ้นสวรรค์
๓. สถานที่ตั้ง/พิกัด (ถ้ามี)...องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อพลอย ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย.............
จังหวัดกาญจนบุรี ...................................................................................................................................
๔. ชื่อผู้ให้ข้อมูล/บุคคลอ้างอิง/ข้อมูลอ้างอิงนายสนอง วิเศษสิงห์
ที่อยู่ องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อพลอย ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
เบอร์โทรศัพท์ ๐๘ ๑๘๐๗ ๗๐๕๑
การจัดเก็บข้อมูลองค์ความรู้ จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอบ่อพลอย
๑. ชื่อข้อมูล........กลุ่มน้ำพริกบ้านพิมพ์.......................................................................................................
ประเภท/หมวดหมู่......ภูมิปัญญาท้องถิ่น/วิถีชีวิต...................................................................................
๓. ประวัติ ความเป็นมา (อธิบาย/บรรยายลักษณะ)
กลุ่มน้ำพริกบ้านพิมพ์ มีสมาชิกทั้งหมด ๕ ครัวเรือน โดยมีประธานกลุ่ม คือนางวรรณา พิมพ์จันทร์ ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ ๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี น้ำพริกที่กลุ่มน้ำพริกบ้านพิมพ์ ผลิตเพื่อจำหน่าย มีดังนี้
๑. น้ำพริกแกง ได้แก่ น้ำพริกแกงส้ม น้ำพริกแกงป่า น้ำพริกแกงเขียวหวาน และน้ำพริกแกงเผ็ด
๒. น้ำพริกแห้งและน้ำพริกเปียก ได้แก่ น้ำพริกเผาตาแดง น้ำพริกเผาแมงดา น้ำพริกนรกแมงดา น้ำพริกปลาป่น น้ำพริกมะขามอ่อนกุ้ง น้ำพริกมะขามเปียก และน้ำพริกเผาป่า
๓. น้ำพริกผัด น้ำพริกผัดหมู น้ำพริกปลาร้าผัด และน้ำพริกผัดกุ้ง
กลุ่มน้ำพริกบ้านพิมพ์ ได้รับการถ่ายทอดสูตรน้ำพริกจาก คุณยายสง่า แย้มบุญไทร ซึ่งเดิมเป็นคนอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และคุณแม่เปลว สุขสมจิตร มารดาของประธานกลุ่มภูมิปัญญาน้ำพริกบ้านพิมพ์
การจัดจำหน่าย จะมีจำหน่ายในรูปแบบกระปุก ราคา ๑๕ บาท ๒๕ บาท และ ๓๕ บาท
แบบ ๑ กิโลกรัม ราคา ๑๐๐ – ๒๐๐ บาท
สถานที่จัดจำหน่าย ๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี และร้านค้าชุมชน ร้านค้าประชารัฐ และร้านค้ารับจำหน่ายรวม ๖๐ ร้าน
๓. สถานที่ตั้ง/พิกัด (ถ้ามี)...๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี...........................
๔. ชื่อผู้ให้ข้อมูล/บุคคลอ้างอิง/ข้อมูลอ้างอิง…นางวรรณา พิมพ์จันทร์……………..………………………….……..
ที่อยู่ ๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี.............................................….……..
เบอร์โทรศัพท์...๐๖ ๓๖๔๒ ๐๔๘๘
การจัดเก็บข้อมูลองค์ความรู้ จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอบ่อพลอย
๑. ชื่อข้อมูล........วัดบึงหล่ม และตำนานวัดบึงหล่ม....................................................................................
ประเภท/หมวดหมู่......สถานที่ทางวัฒนธรรม/ศาสนสถาน.....................................
๒. ประวัติ ความเป็นมา (อธิบาย/บรรยายลักษณะ)
ประวัติวัดบึงหล่ม เดิมเป็นวัดร้างไม่มีใครทราบที่มาเพราะเป็นวัดเก่าแก่มาก จากอิฐเจดีย์ กองเจดีย์หักพังที่พบเห็นได้ในบริเวณโดยรอบของวัดหลายจุด ในพื้นดินเคยขุดพบไหที่เต็มไปด้วย พระเก่าโบราณ มีเศษโบราณวัตถุกระจายอยู่ทั่วไป และชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าหลวงปู่มั่น ภูริตโต เคยธุดงค์ ณ วัดร้างแห่งนี้ จากประวัติพบว่าในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ หลวงตาอบ (เหมือนสี) มาบูรณะจากวัดร้าง และ ทำเรื่องขอวิสุงคามสีมา และได้รับวิสุงคามสีมา ในปี ๒๕๑๓
การก่อสร้างเสนาสนะ เริ่มตั้งแต่หลวงตาอบ และในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ พระอธิการจวบ นราสโภ และในช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ –๒๕๒๕ ได้สร้างเหรียญหลวงปู่มั่น และมีรูปหล่อและศาลาหลวงปู่มั่นอยู่ภายในวัด
ตำนานและประวัติบอกเล่าบ้านบึงหล่ม จากคำบอกเล่าของภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ๒ ท่านคือ ๑. นายกุญทน รุ่งสว่าง ๑๒๙/๑ ม.๓ ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย และนายธีรพัฒน์ อำนวยเกียรติ ๗๔๓/๒ ม.๑ ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย
สมัยก่อนการเดินทางใช้ลำตะเพินซึ่งเป็นลำน้ำสาขาแม่น้ำน้อยเป็นหลัก และในเขตบ้านบ่อพลอย บึงหัวแหวนในอดีตมีวัดอยู่ ๕ วัด คือวัดไทย อยู่บริเวณศูนย์โอทอป วัดพม่าอยู่บริเวณปั๊มปตท. วัดละว้าอยู่ฝั่งวัดหนองเตียน(หรือบ้านใหญ่)ใกล้กับที่ตั้งเหมืองบิ๊กด๊อก และวัดมอญไม่ทราบที่ตั้ง อีกวัดหนึ่งคือวัดบึงหล่ม ส่วนประวัติที่เกี่ยวข้องกับวัดบึงหล่ม ที่เดิมน่าจะไม่ใช่ชื่อบึงหล่ม แต่เนื่องจากอยู่ติดกับลำตะเพินที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจรในอดีต เดิมเรียกบึงเรือล่ม เป็นแม่น้ำ มีประเพณีชักพระ มีวัดเก่าแก่ ซึ่งมีประวัติเล่าว่ามีวัดทุ่งสมอจะมาขอนำพระไปบูชา ซึ่งในขณะนั้นมีสององค์ องค์น้องใหญ่กว่า องค์พี่องค์เล็กกว่า การเดินทางสมัยนั้นมีลำน้ำลำตะเพินไหลผ่านเส้นทางนี้ จึงจะนำพระทั้งสองรูปขึ้นเรือ เมื่อเอาขึ้นเรือชักตามแม่น้ำมา ชาวบ้านเห็นก็พากันทักว่าองค์ใหญ่คือองค์พี่องค์เล็กคือองค์น้อง ชาวบ้านเชื่อว่าพระองค์พี่เกิดความรู้สึกน้อยใจ จึงไม่ยอมไปจะทำให้เรือล่ม ได้มีการนำพระพุทธรูปสององค์เพื่ออัญเชิญไปไว้อีกวัดหนึ่งที่ไม่ทราบประวัติ แต่พอเดินทางมาถึง บริเวณท้ายวัดเกิดน้ำ ใน ลำตะเพินหมุนทำให้เรือที่อัญเชิญพระพุทธรูปมาล่มลง จึงเชื่อว่าเป็นบึงเรือล่มจมหายไปตรงนั้น เรียกว่า “บึงเรือล่ม” และเรียกเพี้ยนมาเป็น “บึงหล่ม” ในปัจจุบัน เคยมีคนตามเพื่อจะขุดขึ้นมาบูชาก็หนี ขุดตามหาไม่เจอ และผู้อัญเชิญได้อัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาได้เพียงองค์เดียว อีกองค์หนึ่งไม่สามารถนำขึ้นมาได้จึงอัญเชิญพระพุทธรูปที่นำขึ้นมาได้ไปไว้ที่วัดทุ่งสมอ อำเภอพนมทวนและได้เป็นที่เคารพศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ เรียกกันว่าหลวงพ่อวัดทุ่งสมอ
๓. สถานที่ตั้ง/พิกัด (ถ้ามี)...วัดบึงหล่ม ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ........................
๔. ชื่อผู้ให้ข้อมูล/บุคคลอ้างอิง/ข้อมูลอ้างอิง…นายสนอง วิเศษสิงห์…………………………………………….……..
ที่อยู่ องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อพลอย ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี….……..
เบอร์โทรศัพท์...๐๘ ๑๘๐๗ ๗๐๕๑
การจัดเก็บข้อมูลองค์ความรู้ จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอบ่อพลอย
๑. ชื่อข้อมูล........กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขาเขียว........................................................................................
ประเภท/หมวดหมู่......วิถีชีวิต/ภูมิปัญญา................................................................................................
๒. ประวัติ ความเป็นมา (อธิบาย/บรรยายลักษณะ)
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขาเขียว ตั้งอยู่ที่หมู่ ๙ ผู้ก่อตั้งกลุ่มคือ นายปัญญา อินทรสกุล ที่ปรึกษาสภาวัฒนธรรมอำเภอบ่อพลอย ประธานกลุ่มคือ นางเกศวดี เนียมสมิง จำนวนสมาชิก มี ๗ ครัวเรือน โดยได้รับความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นการปลูกข้าวปลอดสารพิษ มาจาก นายทองเหมาะ แจ่มแจ้ง เกษตรกรดีเด่น จ.สุพรรณบุรี และนายเชาวัฒน์ หนูทอง จ.ลพบุรี จุดเด่นของกลุ่มคือการปลูกข้าวปลอดสารพิษ ๑๐๐ เปอร์เซ็น ไม่ใช้ยาคุมหญ้า ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงโดยกลุ่ม จะแบ่งปันความรู้ในการปลูกข้าว การทำน้ำหมักชีวภาพใช้ในไร่นาของตนเอง ข้าวที่ปลูกจะเน้นไปที่ข้าวเพื่อสุขภาพ ประกอบไปด้วย ข้าวไรเบอร์รี่ ข้าวหอมมะลินิล ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวทับทิมกาญจน์ และข้าวหอมมะลิ ๑๐๕ รวมถึงการทำข้าวกล้องเพาะงอก ผู้ปลูกข้าวคนสำคัญ ของกลุ่มได้แก่
๑. นายอภิวัฒน์ เนียมสมิง ได้รับใบประกาศ เป็นปราชญ์แผ่นดิน Smart farmar ประจำปี ๒๕๕๙ เกี่ยวกับเทคนิคจุลินทรีย์ชีวภาพในการผลิตข้าว
๒. นายปัญญา อินทรสกุล ผู้ปลูกข้าวพันธ์ ทับทิมกาญจน์ ซึ่งเดิมคือพันธ์ข้าวทับทิมชุมแพ เมื่อนำมาปลูกแล้วนำข้าวไปตรวจปรากฏว่ามีคุณค่ามากกว่าและ ดีกว่าเดิม ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่าทับทิมกาญจน์ และได้รับการตรวจมาตรฐานการปลอดสารพิษ ๑๐๐ % ทุกปี ตั้งแต่ ปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๒
ราคาจำหน่าย
ขนาด ๑ กิโลกรัม ราคาขายส่ง ราคา ๕๐ บาท ราคาขายปลีก ๕๕ บาท
ขนาด ๕ กิโลกรัม ราคาขายส่ง ราคา ๒๕๐ บาท ราคาขายปลีก ๒๗๕ บาท
ขนาด ๕๐ กิโลกรัม ราคาขายส่ง ราคา ๒,๐๐๐ บาท ราคาขายปลีก ๒,๕๐๐ บาท
๓. สถานที่ตั้ง/พิกัด (ถ้ามี) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขาเขียว ตั้งอยู่ที่หมู่ ๙ ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย
จังหวัดกาญจนบุรี ...................................................................................................................................
๔. ชื่อผู้ให้ข้อมูล/บุคคลอ้างอิง/ข้อมูลอ้างอิง…นายปัญญา อินทรสกุล…………………………………………….…
ที่อยู่ ๔๕๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี….…………………………………...
เบอร์โทรศัพท์....๐๘ ๑๓๗๘ ๐๙๒๔
หจก.กาญจนบุรีแอร์ แอนด์ ซาวด์ ศูนย์ประดับยนต์ ครบวงจร จ.กาญจนบุรี
คำกุญแจสระกระโจม0635463929 ทำกุญแจทุกชนิด กุญแจรีโมท เปิดรถ เปิดเซฟ บริการนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง
“พีดีเฮ้าส์” เราคือผู้ให้คำปรึกษาและบริการสร้างบ้านอย่างครบวงจร
ของเล่นเด็ก ของเล่นเสริมพัฒนาการ สั่งซื้อทาง inbox/www.cheesytoy.com shopee : https://shp.ee/cdaczph / line id: @cheesytoy
ขายโมเดล Model Military เครื่องบิน Aircraft,War Plane,Fighter jet / รถถัง Tank,Truck / เรือ War ship / ทหาร Figure ,Bust, Action figure ที่สะสมมา
จำหน่ายเสื้อมือ 2 เสื้อวง สเก็ต การ์ตูน อื่น ๆ มากมาย หลากหลายแนว
ลูกผู้ชายไม่ได้หล่อที่หน้าตาแต่ต้องหล่อที่ใจ ^^
อินแฟนต้าคาร์ช็อป กาญจนบุรี จำหน่ายสินค้า และ ของตกแต่งรถยนต์ทุกชนิดจ้า