Tr Auto ซ่อมรถยนต์ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซ่อมเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบรค
บริการซ่อมรถยนต์ ถ่ายน้ำมันเครื่อง เบรค ช่วงล่าง
TR AUTO บริการซ่อมรถยนต์ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ถ่ายน้ำมันเครื่อง ซ่อมช่วงล่าง ระบบเบรค เปลี่ยนเบรค ซ่อมแอร์ เติมน้ำยาแอร์ ระบบไฟฟ้า โดยช่างผู้ชำนาญการ

🛢️ ประเภทของน้ำมันเครื่อง… เลือกผิด รถพังไวไม่รู้ตัว!
น้ำมันเครื่องไม่ใช่แค่ของเหลวธรรมดา แต่คือ “หัวใจของเครื่องยนต์” ที่ช่วยหล่อลื่น ลดความร้อน และยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
ก่อนเปลี่ยนรอบหน้า มารู้จัก ประเภทของน้ำมันเครื่อง กันก่อนครับ
⸻
🧪 1. น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral Oil)
• ผลิตจากน้ำมันพื้นฐาน (Base Oil)
• ราคาถูก เหมาะกับรถใช้งานทั่วไป / รถรุ่นเก่า
• เปลี่ยนทุก 5,000 – 7,000 กม.
🔁 เหมาะกับ: คนที่ขับรถระยะสั้นหรือไม่ได้ขับบ่อย
⸻
⚙️ 2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic)
• ผสมระหว่างน้ำมันพื้นฐานกับน้ำมันสังเคราะห์
• ประสิทธิภาพดีกว่าแบบธรรมดา
• เปลี่ยนทุก 7,000 – 10,000 กม.
⚖️ เหมาะกับ: ผู้ใช้รถทั่วไปที่ต้องการคุณภาพกลางๆ
⸻
🚀 3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% (Fully Synthetic)
• ผลิตจากสารเคมีควบคุมคุณภาพสูง
• ทนความร้อนสูง ลื่นไหลดีเยี่ยม
• เปลี่ยนทุก 10,000 – 15,000 กม. (บางสูตรได้นานกว่านั้น)
💎 เหมาะกับ: รถใหม่, รถสมรรถนะสูง, รถใช้เดินทางไกล
⸻
❓ แล้วเราควรเลือกแบบไหนดี?
✅ ดูจากคำแนะนำใน คู่มือรถ
✅ พิจารณาตาม ลักษณะการใช้งาน เช่น ขับระยะทางไกล ใช้งานหนัก หรือจอดบ่อย
✅ เลือก ยี่ห้อที่เชื่อถือได้ และ เปลี่ยนตามรอบ อย่างสม่ำเสมอ
⸻
✨ สรุปง่ายๆ:
น้ำมันเครื่องมี 3 ประเภท
🟢 ธรรมดา → ถูก แต่เปลี่ยนบ่อย
🟡 กึ่งสังเคราะห์ → กลางๆ ใช้ได้คุ้ม
🔴 สังเคราะห์แท้ → แพงแต่คุ้มค่าและปกป้องเครื่องดีที่สุด

💧 น้ำหล่อเย็น ควรเปลี่ยนไหม? หรือเติมอย่างเดียวพอ?
คำตอบคือ… ควรเปลี่ยนครับ! เพราะน้ำหล่อเย็น (Coolant) ไม่ได้มีแค่น้ำ แต่มีสารพิเศษที่ช่วยดูแลเครื่องยนต์มากกว่าที่คิด!
⸻
✅ น้ำหล่อเย็นคืออะไร?
น้ำหล่อเย็นคือของเหลวที่ใช้ระบายความร้อนในระบบเครื่องยนต์
มีส่วนผสมของสารเคมี เช่น Ethylene Glycol ที่ช่วย
• ควบคุมอุณหภูมิ
• ป้องกันสนิม
• ป้องกันการจับตัวของคราบตะกรัน
• ช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำและเครื่องยนต์
⸻
📅 แล้วควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก
✅ 40,000 – 60,000 กิโลเมตร
หรือ ✅ ทุก 2 ปี แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
ดูจากคู่มือรถ หรือสอบถามช่างประจำได้เลยครับ
⸻
⚠️ ถ้าไม่เปลี่ยน จะเกิดอะไรขึ้น?
• เครื่องยนต์ร้อนง่ายขึ้น ♨️
• หม้อน้ำเกิดสนิม อุดตัน
• ปั๊มน้ำและท่อยางเสียเร็ว
• เครื่องยนต์พัง ค่าซ่อมหนักกว่าเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นหลายเท่า!
⸻
🧰 วิธีดูว่าน้ำหล่อเย็นควรเปลี่ยนหรือยัง
✅ สีเปลี่ยนจากเขียว/ชมพูใส → เป็นน้ำตาลขุ่น
✅ มีตะกอนลอยในถังพัก
✅ ระดับน้ำลดบ่อยกว่าปกติ
✅ เครื่องเริ่มร้อนเร็ว
⸻
🔧 สรุปสั้น ๆ:
เติมอย่างเดียวไม่พอ! ต้องเปลี่ยนตามระยะด้วย
เพื่อให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เย็นสบาย ไม่เสี่ยงพังครับ 💧🚗❄️

☔🚗 ดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝน ยังไงให้ปลอดภัย และไม่พังไว?
หน้าฝนทีไร รถพังบ่อย ขับลำบากทุกที!
มาดูเคล็ดลับการดูแลรถให้ปลอดภัย และพร้อมลุยฝนกันครับ
⸻
✅ 1. ตรวจสภาพยาง
🛞 ยางต้องมีดอกลึก ไม่สึก ไม่บวม เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดี และลดโอกาสลื่นไถล
แนะนำ: ตรวจลมยางทุก 2 สัปดาห์ และสลับยางตามระยะ
⸻
✅ 2. ตรวจใบปัดน้ำฝน
💧 ถ้าใบปัดปัดแล้วเป็นเส้น ปัดไม่เกลี้ยง หรือมีเสียงดัง ควรเปลี่ยนทันที
ใบปัดน้ำฝนที่ดี จะช่วยให้มองเห็นชัด ลดอุบัติเหตุ
⸻
✅ 3. ตรวจระบบไฟและเบรก
💡 ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก และเบรก ต้องพร้อม 100% เพราะฝนทำให้มองเห็นได้น้อยลง
ไฟสว่าง–เบรกดี = ขับปลอดภัย
⸻
✅ 4. หมั่นล้างรถและเคลือบสี
🚿 ฝน + โคลน + คราบน้ำฝน = ตัวการกัดสีรถ!
แนะนำล้างรถบ่อยขึ้น และเคลือบสีหรือเคลือบแก้วช่วยป้องกันสนิม
⸻
✅ 5. อย่าลุยน้ำท่วม!
🌊 ถ้าเห็นน้ำสูงเกินครึ่งล้อ อย่าเสี่ยงขับผ่าน
น้ำอาจเข้าท่อไอเสีย–เครื่องยนต์พัง เสียหายหลักหมื่น
⸻
✅ 6. ตรวจซีลยางขอบประตู
🚪 เพื่อกันน้ำรั่วเข้ารถ และป้องกันกลิ่นอับ
⸻
สรุปสั้น ๆ:
ฝนตก รถไม่พัง ถ้าดูแลก่อนลุย!
✅ ยางดี ✅ ใบปัดดี ✅ ไฟชัด ✅ เบรกมั่นใจ
ขับรถช่วงหน้าฝนได้สบายใจ ปลอดภัยทุกเส้นทางครับ ☔🚘
ร้านเปิดให้บริการ 8.30 -19.00 น.
ปิดให้บริการทุกวันเสาร์นะค่ะ

รถความร้อนขึ้น…อย่าเพิ่งตกใจ! ⚠️♨️
ถ้าไฟเตือนอุณหภูมิขึ้น หรือเห็นไอน้ำพุ่งจากฝากระโปรง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า “เครื่องยนต์ร้อนเกินไป” มาดูวิธีรับมือเบื้องต้นกันครับ
⸻
1. หยุดรถในที่ปลอดภัย แล้วดับเครื่อง ⛔
อย่าฝืนขับต่อ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายหนักยิ่งขึ้น
⸻
2. อย่าเพิ่งเปิดฝาหม้อน้ำทันที! ♨️🚫
รอให้เครื่องเย็นลงอย่างน้อย 20–30 นาที เพราะไอน้ำและแรงดันอาจพุ่งใส่จนเกิดอันตราย
⸻
3. เปิดฝากระโปรง เพื่อระบายความร้อน 🚗
ช่วยให้อุณหภูมิในห้องเครื่องลดลงเร็วขึ้น
⸻
4. ตรวจระดับน้ำหล่อเย็น 💧
• ดูถังพักน้ำว่าแห้งหรือไม่
• หากมีน้ำหล่อเย็นหรือ “coolant” ให้เติมเมื่อเครื่องเย็นแล้ว
• ห้ามใช้น้ำประปาแทนน้ำหล่อเย็นบ่อยๆ
⸻
5. เช็กสายพาน-พัดลมหม้อน้ำ 🔧
สายพานหลุดหรือพัดลมไม่หมุน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ความร้อนขึ้น
⸻
6. เรียกช่างหากไม่แน่ใจ 📞👨🔧
ถ้ารถยังมีอาการร้อนซ้ำ ควรให้ช่างตรวจสอบระบบระบายความร้อนอย่างละเอียด เช่น หม้อน้ำ ปั๊มน้ำ เทอร์โมสตัท ฯลฯ
⸻
แนะนำ:
ตรวจเช็กระบบน้ำหล่อเย็นทุกเดือน หมั่นล้างหม้อน้ำ และห้ามมองข้ามไฟเตือนอุณหภูมิเด็ดขาด!
🌶️🌶️🌶️

ก่อนซื้อรถ EV ควรรู้อะไรบ้าง? ⚡🚗
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาเรื่องเหล่านี้ให้ดี
⸻
1. ความต้องการใช้งานของคุณ 🛣️
คุณขับรถระยะไกลแค่ไหน? ขับในเมืองหรือต่างจังหวัด?
• ถ้าขับไม่ไกลมาก – EV เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
• ถ้าต้องวิ่งต่างจังหวัดบ่อย – ควรดูรุ่นที่วิ่งได้ไกลต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
⸻
2. ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 🔋
รถ EV แต่ละรุ่นมีระยะทางแตกต่างกัน
• บางรุ่นวิ่งได้ 300-400 กม.
• รุ่นท็อปอาจแตะ 500 กม.
ควรเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
⸻
3. สถานีชาร์จใกล้บ้านหรือไม่? 🗺️
เช็กว่ามีสถานีชาร์จ EV ใกล้บ้าน-ที่ทำงานไหม หรือสามารถติดตั้งที่บ้านได้หรือไม่
⸻
4. เวลาในการชาร์จไฟ ⏱️
• ชาร์จเร็ว (DC) ใช้เวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง
• ชาร์จบ้าน (AC) อาจใช้ 6–8 ชั่วโมง
ควรดูว่าตอบโจทย์ชีวิตประจำวันไหม
⸻
5. ค่าใช้จ่ายระยะยาว 💰
EV ประหยัดค่าน้ำมัน แต่ควรคำนึงถึง:
• ค่าติดตั้งเครื่องชาร์จ
• ค่าบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในอนาคต
⸻
6. การรับประกันและบริการหลังการขาย 🧾
แบตเตอรี่มีรับประกันกี่ปี? ศูนย์บริการครอบคลุมหรือไม่? มีอะไหล่เพียงพอหรือเปล่า?
⸻
7. ทดลองขับก่อนตัดสินใจ 🧪
อย่าลืมไปทดลองขับ เพื่อสัมผัสการขับขี่จริง และเปรียบเทียบกับรถน้ำมันหรือรถไฮบริด
⸻
รถ EV ดี แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเอง
ซื้อแล้วจะได้คุ้มค่า ประหยัด และขับสบายในระยะยาว!

ขับรถ EV ตอนฝนตก…อันตรายไหม? ⚡️☔️
หลายคนยังไม่มั่นใจว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ EV ขับตอนฝนตกได้ไหม เปียกแล้วจะไฟช็อตหรือเปล่า? มาหาคำตอบกันครับ!
⸻
1. ขับตอนฝนตกได้แน่นอน! ✅
รถยนต์ EV ได้รับการออกแบบให้ป้องกันน้ำและความชื้น มีการซีลระบบไฟฟ้าอย่างดี
• แบตเตอรี่ถูกหุ้มแน่นหนา
• ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เช่น IP67 หรือสูงกว่า
• ทดสอบกันน้ำลึกได้ระดับหนึ่ง
⸻
2. ลุยน้ำได้ แต่ต้องระวัง 🌊
แม้จะกันน้ำ แต่ ไม่ควรลุยน้ำท่วม เพราะอาจทำให้ระบบเสียหายเหมือนรถทั่วไป
ข้อควรระวัง:
• หลีกเลี่ยงน้ำสูงเกินครึ่งล้อ
• ขับช้า เบรกเบา ไม่เร่งแรง
• อย่าสตาร์ทรถทันทีหากน้ำเข้าตัวถัง
⸻
3. ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ตามปกติ 🔌
ปัดน้ำฝน ไฟหน้า วิทยุ หรือหน้าจอ ทำงานได้ตามปกติในช่วงฝนตก ไม่ต้องกังวล
⸻
4. จุดชาร์จไฟก็มีระบบป้องกัน ⚠️
สถานีชาร์จ EV ส่วนมากมีการซีลและตัดไฟอัตโนมัติหากเกิดความผิดปกติ
แต่ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จกลางสายฝน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
⸻
สรุป:
รถ EV ขับตอนฝนตกได้ ไม่ต้องกลัวไฟดูด!
แต่ควรขับด้วยความระมัดระวังเหมือนรถทั่วไป และหลีกเลี่ยงน้ำท่วมขัง

🙏🏻ขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการกับ TR AUTO SERVICE ให้บริการไปแล้วกว่า 10,000 ราย
✨มาเตรียมความพร้อมให้รถของคุณให้พร้อมใช้งาน
✨ขอบพระคุณที่เลือกสาขาเราให้ดูแล มั่นใจ ไว้ใจในทีมงาน
⏰เราเปิดให้บริการทุกวัน 08.30- 18:00 น.
❇️ ร้านอยู่สี่แยกสนามบินเชียงใหม่
แผนที่ 📍https://g.co/kgs/RTWuDX
สามารถจองคิวได้เลยนะคะ
ที่ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของเรามีบริการมากมาย อาทิเช่น
♦️ซ่อมเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบรค ครัช
♦️ตรวจเช็คไฟโชว์ ซ่อมกล่อง ECU
🚗เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
🚕เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์
🚗เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้าย
🚗เปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์
🚕เปลี่ยนน้ำมันเบรคและตรวจเช็คระบบเบรค หม้อลมเบรค
🚗ล้างภายในเครื่องยนต์ด้วยการฟลัชชิ่งออยล์
🚗ล้างซ่อมระบบแอร์ เปลี่ยนไส้กรองอากาศ/ไส้กรองแอร์
🚕น้ำกลั่นแบตเตอรี่
🚗บริการตรวจเช็คมาตรฐานความปลอดภัยเบื้องต้น
🚕บริการอบโอโซน ฆ่าเชื้อโรค
Contact us
Add Line อัตโนมัติ คลิกเลย https://line.me/R/ti/p/%40ubo2818i
Line:
Phone: 093 181 2873 ( 8.30-18.00 )
Website https://www.trillionthailand.com
#เปลี่ยนน้ำมันเกียร์เชียงใหม่
#ฟลัชชิ่งเกียร์เชียงใหม่
#ถ่ายน้ำมันเกียร์เชียงใหม่
#ซ่อมเกียร์เชียงใหม่
#เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
#ซ่อมกล่องecuเชียงใหม่
#ซ่อมเครื่องยนต์
Tr Auto Service Chiang Mai · 8 16 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50100 ไทย 4.5 ★ · ซ่อมรถยนต์และบำรุงรักษา
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
ประเภท
ติดต่อ ธุรกิจของเรา
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
8/16 หมู่ที่ 1
Chiang Mai
50100
เวลาทำการ
จันทร์ | 08:30 - 19:00 |
อังคาร | 08:30 - 19:00 |
พุธ | 08:30 - 19:00 |
พฤหัสบดี | 08:30 - 19:00 |
ศุกร์ | 08:30 - 19:00 |
อาทิตย์ | 08:30 - 19:00 |