นางงามไทย

ประภัสสร พานิชกุล
นางสาวไทยปีพุทธศักราช2509
มีชื่อเล่นว่า แดงเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 4 คน มีชีวิตในวัยเด็กที่ไม่สุขสบายนัก เนื่องจากบิดาผู้มีเชื้อสายจีนแต้จิ๋วจากจังหวัดเพชรบุรีนั้นมีภรรยาหลายคนตามความนิยมของชาวจีนในยุคนั้น ส่วนคุณแม่ที่เป็นชาวจังหวัดราชบุรีนั้นเป็นผู้ดูแลบุตรทั้ง 4 จวบจนประภัสสร อายุได้ 11 ปี คุณแม่ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ เติบโตโดยการ ดูแลของน้าสาว เธอสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเสริมสวยดาวรุ่ง เธอได้รับตำแหน่งนางงามเวทีแรกคือ นางงามบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เกิดจากการที่เธอได้ไปแต่งหน้าให้กับผู้เข้าประกวดในครั้งนั้น แล้วได้รับการชักชวนให้เข้าประกวด เธอจึงตกลงเข้าร่วม และชนะเลิศเวที่นี้ในที่สุด และเป็นตัวแทนของอำเภอ เข้าร่วมประกวดนางสาวไทย และคว้าตำแหน่งมาได้สำเร็จ ปีนั้นเป็นปีแรกที่มีบัลลังค์ให้นางงามนั่งตามแบบเวทีนางงามจักรวาล

ขณะดำรงตำแหน่งนางสาวไทย เธอมิได้เดินทางไปร่วมประกวด นางงามจักรวาล เนื่องจากอายุเธอเพียง16ปี ไม่ถึงเกณฑ์ของกองประกวดนางงามจักรวาล แต่ยังมีโอกาสเป็นตัวแทนประเทศได้เข้าร่วมประกวด มิส ควีน ออฟ เดอะ แปซิฟิค ที่ประเทศออสเตรเลีย และเธอก็ได้รับตำแหน่งนางงามบุคลิกภาพ มาฝากคนไทยอีกด้วย

ด้านชีวิตครอบครัว ประภัสสร หรือ จิตประภัสสรในปัจจุบัน สมรสกับ พล.ต.ต.เทอดพงษ์ เทียนสุวรรณ มีทายาทด้วยกัน 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กรุณพล เทียนสุวรรณ ดารา นักแสดง พิธีกร ปัจจุบันเปิดร้านอาหารจิตประภัสสร ย่านประชาชื่น เป็นธุรกิจเล็กๆ ที่เธอทำมานานอีกด้วย

แม่ดารา เมียดารา
นุช ชลธิชา บุญวานิช
คุณแม่ของนักแสดงหนุ่ม พีค กองทัพ ภรรยาคนสวยของ ปราบ ยุทธพิชัย เมื่อครั้งเข้าร่วมประกวดนางสาวไทยปีพุทธศักราช 2534
คุณนุชพร้อมพี่เลี้ยงคู่บุญ คุณกุ้ง ปิยะพร ไวจิตร ที่ยิ้มแย้มเคียงข้างนางงามคู่บุญคนสวย แต่ดูเหมือนกับว่าพี่เลี้ยงจะลั้ลลากว่านางงามนะ งานนี้

เตือนใจ สุนุกุล หรือ ที่ใครๆ พอจะรู้จักเธอในชื่อ หนิง อภัสนันท์ สุทธิกุล รองนางสาวไทยอันดับ2ประจำปีพุทธศักราช 2534 และนางเอกละครหลังข่าว แก้วสารพัดนึก ในบทบาทที่ยอมสลัดลุคสวยหวานมาเป็นสาวหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่ห่วงสวย ในละคร
บทละครโด่งดังจน หนิง ขึ้นแท่นเป็นนางเอกละครหน้าใหม่ที่ผู้จัด ต่างอยากได้เธอมาร่วมงาน รวมถึงนิตยสารหัวสี รายวัน รายปักษ์ ต่างจองคิวเธอแน่นเอี๊ยด รวมถึงเหลือบริ้น เรไร ต่างจ้องมาก่อกวนให้รำคาญ จนเธอหมดความสุข ความเป็นส่วนตัวกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงไป
หนิงมองเห็นว่า งานในวงการไม่เหมาะกับเธอ เธอไม่สามารถใช้ชีวิตในกรุงเทพได้โดยลำพังโดยอีกต่อไปเธอยังอยากกลับไปใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด จึงลาวงการบันเทิงไป และไม่คิดแม้แต่จะหันหลังกลับมามองในช่วงที่กำลังโด่งดัง เธอหันไปศึกษาเล่าเรียนจนจบดังที่เธอใฝ่ฝันไว้ และได้สอบเป็นครูต่างจังหวัดสมดั่งใจฝัน ใช้ชีวิตเรียบง่าย และค้นพบว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้เกิดจาก ลาภ ยศ ชื่อเสียง เงินทอง แต่อย่างใด แต่หากเกิดจากความสุขทางใจที่แวดล้อมไปด้วย ญาติ พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ที่รักใคร่ คอยหยิบยื่น แบ่งปันความสุขให้แก่กันและกัน ได้ทำงานที่ตนรัก และอุทิศตนเพื่อสังคมและเด็กๆในต่างจังหวัด นั่นคือ ความสุขที่ยั่งยืนที่แท้จริง
ข้อมูลจำเพาะของ
หนิง อภัสนันท์ สุทธิกุล
เธอเข้าสู่วงการด้วยการประกวดนางสาวเชียงใหม่2534 ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศและขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน จึงมีคนแนะนำต่อให้รู้จักกับป้า ชุลี พี่เลี้ยงนางงามเบอร์1ของไทยในตอนนั้น ป้าชุลี ชักชวนเธอให้มาร่วมประกวดนางงามที่กรุงเทพ เวทีนางสาวไทย2534ต่อ ด้วยความเกรงใจเธอจึงตกปากรับคำ และขอลงประกวดแค่เวทีเดียวเท่านั้นให้ป้าชุลี หนิงพกพาความสูงระหงส์ในวัย18ปี 171เซนติเมตร หนัก52กิโลกรัม สัดส่วนตามมาตรฐานนางงามทุกกระเบียดนิ้ว อก34 เอว24 สะโพก 36 ผิวพรรณละเอียดงดงามผุดผ่องต้องตากรรมการ จนได้รับตำแหน่งรองนางสาวไทยปีพุทธศักราช2534ไปในที่สุด

ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน และตำแหน่งรองนางสาวไทยประจำปีพุทธศักราช2534
หม่อง ศิรินทรา ไสยประจำ
หม่องเป็นสาวนครราชสีมา อายุ22ปี สูง176เซนติเมตร(ว่ากันหลังเวทีว่าหม่องน่าจะสูงราวๆ 179เซนติเมตรด้วยซ้ำ)สัดส่วน 35/25/36
เรียนบริหารธุรกิจ ที่รามคำแหง อยากทำงานด้านการส่งออกสินค้าไทยไปต่างแดน สำหรับการประกวดในครั้งนี้ หม่องรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับตำแหน่งที่ได้รับ หม่องพูดถึงตัวเองว่า อาจจะเป็นที่ตัวเองเป็นคนรูปร่างสูง จึงทำให้เดินอย่างมั่นใจ บวกกับตนเป็นคนชอบยิ้ม หลายๆคนจึงบอกว่าหม่องยิ้มสวย สำหรับชุดไทยที่หม่องใส่อยู่นี้ หม่องมองว่าสวย รู้สึกชอบทันที เพราะเป็นชุดทางอีสานบ้านเรา แต่พอได้ใส่แล้ว รู้สึกว่าชุดออกจะโป๊นิดหน่อย แต่ก็สวยค่ะ
หม่องยิ้มอย่างเขินอายนิดหน่อย
รองนาวสาวไทยอันดับ3ปีพุทธศักราช2534 และขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน
หม่อง ศิรินทรา ไสยประจำ

แอนนี่ หรือแอน เพชรรัตน์ ศรีแก้ว นางงามอิมพอร์ตจากแอลเอ ผู้ที่ถือว่าเป็นตัวเต็งคนสำคัญในการประกวดนางสาวไทย2532
แอน เป็นสาวอีสานเกิดที่ศรีษะเกษก่อนย้ายอยู่ในสหรัฐอเมริกาบ้านเกิดของคุณพ่อ แอนพูดได้ถึง4ภาษา นั่นคือ ไทย อังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศส ชื่นชอบการออกแบบดีไซน์ จึงเลือกเรียนด้านดีไซน์ที่ เซลลี่ คอลเลค ณ.นครลอสแองเจอลิส ก่อนมาประกวดนางสาวไทย แอนคว้าตำแหน่งธิดาโดมแอลเอ มาก่อน และได้เบียร์สิงห์ส่งเข้าประกวด ผลการประกวดคว้าตำแหน่งรองนางสาวไทยอันดับที่1 มาครอง แอนเผยว่า การแข่งขันย่อมมีคนที่สมหวังและผิดหวัง แอนไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ไม่ได้เป็นนางสาวไทย แต่กลับรู้สึกภูมิใจด้วยซ้ำว่า แอนได้มายืนอยู่จุดนี้ คือความภาคภูมิใจที่สุดแล้ว และยินดีกับนางสาวไทยคนใหม่ เธอเหมาะสมและคู่ควรกับตำแหน่งแล้ว และหลังจากนี้เราจะร่วมปฎิบัติภาระกิจในตำแหน่งร่วมกันทั้ง5คน เรื่องไปประกวดเวทีอื่นตอนนี้ยังไม่คิดแอนรอคุยกับกองประกวดอีกทีเรื่องเวลาที่เหมาะสมตรงกันไหม ส่วนเรื่องแฟน แอนหัวเราะ พร้อมเผยว่าตอนนี้แอนอายุแค่21ปี เอง มองว่ายังไม่มีความพร้อมเรื่องความรัก รออายุ28ปีก่อน แอนขอไปทีละขั้นตอนก่อน เรียน ทำงาน ท่องเที่ยว และแต่งงาน
แอน เพชรรัตน์ ศรีแก้ว
รองนางสาวไทย2532

6 ตำนานนางสาวไทย
ความทรงจำ ที่มาพร้อมกับความสุขของคนไทย ผ่านเวทีเกียรติยศแห่งนี้
แม้จะล่วงเลยเวลาผ่านมามากกว่า50กว่าปีให้หลังแล้ว
แต่ความทรงจำที่งดงามนั้น ก็ไม่เคยเลือนลางจางหายไปจากใจคนไทยเลย
แต่ละท่านล้วนสร้างตำนานไว้กับการประกวดนางงามไทย ว่าด้วยเรื่องอะไรนั้น เรามาไล่เรียงกันไปทีละท่านกัน

นางสาวไทยปีพุทธศักราช2507
อาภัสรา หงสกุล คุณปุ๊ก ตำนานนางสาวไทยท่านแรกที่ไปคว้าตำแหน่งนางงามจักรมาให้แก่ประเทศไทยในปีพุทธศักราช2508

นางสาวไทยปีพุทธศักราช2508
จิระนันท์ เศวตนันท์ คุณเล็ก
ตำนานนางสาวไทยท่านแรกและคนเดียวของประเทศไทย ที่ยังอยู่ในทำเนียบตลอดกาลมาถึงปัจจุบัน ที่ครองตำแหน่งรองนางงามจักรวาลของไทย นั่นคือรองชนะเลิศอันดับที่2ในปีพุทธศักราช2509

นางสาวไทยปีพุทธศักราช2509
ประภัสสร พานิชกุล คุณแดง
เธอได้รับตำแหน่งนางสาวไทยในวัย16ปี และเป็นนางสาวไทยในยุคนั้น ที่ไม่ได้ไปประกวดนางงามจักรวาล แม้ว่าประเทศไทยจะเพิ่งคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลและรองนางงามจักรวาลมาครองในปีก่อนหน้า แต่ว่าเธอก็อดสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่องในการประกวดและเข้ารอบนางงามจักรวาล เพียงเพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์

นางสาวไทยปีพุทธศักราช2510
อภัณตรี ประยุทธ์เสนีย์ คุณปุ้ย นางสาวไทยต่อเนื่อง (แม้จะข้ามไปปีเดียว) ที่ได้ผ่านเข้ารอบ15คนสุดท้ายนางงามจักรวาลด้วยการสวมใส่ชุดว่ายน้ำที่งดงามที่สุดในการประกวด รางวัลที่ได้ สร้างความสุขให้กับคนไทยไม่ยิ่งหย่อนเช่นกัน

นางสาวไทยปีพุทธศักราช2011
แสงเดือน แม้นวงศ์ คุณตุ๋ม
นางสาวไทยผู้สร้างประวัติศาสตร์คนแรกที่พาชุดนางละครสวมชฎาคว้าตำแหน่งชุดประจำชาติยอดเยี่ยมในการประกวดนางงามมาให้กับประเทศไทย สร้างความสุขและความภูมิใจให้กับแฟนนางงามและคนไทยอย่างท่วมท้นในปีนั้น

นางสาวไทยปีพุทธศักราช2512
วารุณี แสงศิรินาวิน คุณเปีย
สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการครองตำแหน่งนางสาวไทย2ปีซ้อน และยังเป็นนางงามคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ได้เดินทางไปประกวดนางงามจักรวาลถึงสองครั้งสองครา โดยในครั้งแรกถูกส่งตัวกลับเพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กองประกวดกำหนด แม้ว่าในปีต่อมาการเข้าร่วมประกวดของเธอจะไม่สามารถคว้าตำแหน่งมาฝากคนไทยได้ แค่ประวัติศาสตร์ก็ยังต้องจารึกชื่อเธอไว้ว่า นางสาวไทยที่ได้ไปประกวดนางงามจักรวาลถึงสองครั้งสองครา

นางสาวไทยความทรงจำในอดีตที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์ชาติไทย

อ้อย บุศราภรณ์ ธีระทรัพย์ รองอันดับ3นางสาวไทยประจำปีพุทธศักราช 2512

เอ รสศิรินทร์ โสตสิริ
รองอันดับ4 มิสไทยแลนด์เวิลด์1992 จัดเป็นนางงามม้าตีนปลายที่ทะลุไปถึงรอบ5คนสุดท้ายแบบพลิกความคาดหมาย ในขณะที่เอ ตอบคำถามรอบ10คนสุดท้าย และรอบ5คนสุดท้ายได้อย่างฉะฉาน ส่วนนางงามตัวเต็งคนอื่นๆ อาทิ ป้อม ปภัสสร ส้ม มาริสา นุช ธัญวรรณ กิ๊ฟ กาญจนา ผึ้ง เกษราภรณ์ ต่างตอบคำถามได้อย่างใจหายใจคว่ำ รวมถึงเจ้าของตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ปีนั้น ลูกเกด เมทินี ก็ตอบคำถามช๊อตไมค์ไปหลายวิ กว่าจะคืนสติกลับมาได้ ก็ทุลักทุเล พอสมควร
เอ ตอบคำถามว่า งามอย่างมีคุณค่าในความคิดของเธอ งามภายในและภายนอกต้องตรงกัน
เอ รสสิรินทร์ โสตสิริ
สูง169เซนติเมตร หนัก56กิโลกรัม สัดส่วน34/24/37 อายุ23 จบการศึกษาชั้นปริญญาตรี มหาวิทยาลัย รามคำแหง

หลายท่านที่โตมาพร้อมกัน กับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
คงพอจะจำได้ว่า
เวทีแห่งนี้คือการประกวดนางงามในประเทศไทย จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พุทธศักราช 2543 โดยใช้ชื่อว่า มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส มี คุณหน่อง พลากร สมสุวรรณ เป็นผู้จัดการกองประกวด โดยดำเนินการจัดประกวดในนามสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ‪โดยมี คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นผู้อำนวยการประกวดและประธานองค์กร เพื่อคัดเลือกตัวแทนของประเทศไทยเข้าประกวดนางงามจักรวาล Miss Universe
ได้ผู้ชนะคนแรกคือ
คุณเหน่ง กุลธิดา เย็นประเสริฐ
นักศึกษาจากสถาปัตย์จุฬา เป็นผู้ครองตำแหน่งคนแรก
และเป็นตัวแทนคนแรก ในนามเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์จากประเทศไทยเข้าร่วมประกวดนางงามจักรวาลที่ เมืองนิโคเซีย ประเทศไซปรัส

และมีเพลงประจำการประกวด ซึ่งทุกคนจะร้องและจดจำกันได้ดี เมื่อดนตรีมา โดยได้นักร้องคุณภาพอันดับ1ของประเทศไทย
คุณเบิร์ด ธงชัย แมคอินไตยเป็นผู้ขับร้องนำ
เนื้อเพลงมีดังนี้

สวยเกินกับความสวยล่าเริงสดใสใครๆชื่นชมตลอดมางดงามดั่งจันทร์ฉายพร่างพรายขอบฟ้าไม่คิดว่าจะมาได้พบเจอ เธอทำให้ความร้อนกลับเป็นชุ่มเย็นใครเห็นก็ชื่นใจอยู่เสมอเธอสวยที่ความคิดจิตใจของเธอแต่งเติมความอ่อนหวานให้โลกนี้
หนึ่งในร้อยเธอคือดวงดาวที่คอยนำทางรอยยิ้มของเธอเปลี่ยนแปลงคืนวันเธอเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงหนึ่งในร้อยเพียงเธอที่คู่ควรทุกสิ่งเธองดงามจากในใจลึกซึ้งเธอคือหนึ่งในใจ
ค้นไปสุดขอบฟ้าหาไปสุดแดนไม่มีใครแทนเธอคนนี้สร้างความสุขสดใสให้บนโลกนี้ไม่มีใครทำได้เหมือนเธอ
เธอทำให้ความร้อนกลับเป็นชุ่มเย็นใครเห็นก็ชื่นใจอยู่เสมอเธอสวยที่ความคิดจิตใจของเธอแต่งเติมความอ่อนหวานให้โลกนี้
หนึ่งในร้อยเธอคือดวงดาวที่คอยนำทางรอยยิ้มของเธอเปลี่ยนแปลงคืนวันเธอเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงหนึ่งในร้อยเพียงเธอที่คู่ควรทุกสิ่งเธองดงามจากในใจลึกซึ้งเธอคือหนึ่งในใจ

ย้อนวันวานในอดีต
ร่วมแสดงความยินดีกับนางสาวไทยปีพุทธศักราช2534 ในวันเสาร์ที่30มีนาคม เราได้นางสาวไทยคนใหม่ เธอมีชื่อว่า
เก๋ จิระประภา เศวตนันท์
เก๋คือสาวงามผู้เข้าประกวดหมายเลข23 อายุ18ปี สูง170เซนติเมตร หนัก52กิโลกรัม สัดส่วน33/24/36 เธอได้สวมสายสะพาย มิตซูบิชิ ดีเซล เป็นสปอนเซอร์ส่งเข้าประกวด โดยมีคุณสมชาย นิลวรรณ เป็นพี่เลี้ยง และมีดีกรีเป็นหลานสาวของอดีตนางสาวไทย2508อีกด้วย

สาวงามหมายเลข4 ของการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ประจำปีพุทธศักราช 2539 ลูกศร กฤศนา ชัยชนะ
อายุ19ปี
สัดส่วน 32/24/35
ส่วนสูง 173 เซนติเมตร
น้ำหนัก 56 กิโลกรัม
ศึกษาที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ความสามารถพิเศษรำไทย

ผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ประจำปีพุทธศักราช 2539 หมายเลข3
จิราภรณ์ จิตต์อ่อน
อายุ24ปี
สัดส่วน 34/24/37
ส่วนสูง 169 เซนติเมตร
น้ำหนัก 55 กิโลกรัม
การศึกษา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัย ยูซีแอลเอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ชื่นชอบการร้องเพลงโอเปร่า และงานแสดงละครเวที