พรรคประชาชาติ Prachachat Party
ชาติของประชาชน บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

รมว.ยุติธรรม ต้อนรับ รมว.ความมั่นคงฮ่องกง ย้ำความร่วมมือปราบปรามค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 10.00-10.30 น. ณ ห้องรับรอง 205 อาคารรัฐสภา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ นายเติ้ง ปิง เฉียง (Mr. Tang Ping-keung) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงฮ่องกง (Secretary for Security) และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงฮ่องกงได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความช่วยเหลือและประสานงานกับทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือ เหยื่อค้ามนุษย์ชาวฮ่องกง 48 คน ที่ถูกหลอกไปทำงานใน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา จนสามารถเดินทางกลับฮ่องกงได้อย่างปลอดภัย พร้อมแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้
นายเติ้ง ปิง เฉียง ยังยืนยันว่า รัฐบาลฮ่องกงพร้อมทำงานร่วมกับทางการไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและป้องกันการค้ามนุษย์ พร้อมสนับสนุนประเทศไทยให้เป็น ประเทศปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว และป้องกันประชาชนจากการถูกล่อลวงเข้าสู่อาชญากรรมข้ามชาติในอนาคต
ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก พร้อมย้ำถึงความพร้อมของไทยในการ ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมจากทุกประเทศ
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอให้ จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างไทยและฮ่องกง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับเครือข่ายอาชญากรรม รวมถึงการสอบถามข้อมูลจากเหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือ เพื่อสืบสวนขยายผลไปถึง ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง โดยอาจพิจารณาการตรวจสอบ เส้นทางการเงิน ควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ ไทยยังเสนอให้มีการจัด สัมมนาเพื่อถอดบทเรียน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อพัฒนากลไกการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแนวทางช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึง ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและฮ่องกง ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป
#รมว.ยุติธรรม #รมว.ความมั่นคงฮ่องกง #ปราบปรามค้ามนุษย์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ

ศอ.บต. จับมือเอกชนไทยในตุรกี ดันอุตสาหกรรมต่อเรือ ยกระดับเศรษฐกิจ จชต. สู่ศูนย์กลางประมงและการต่อเรือ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมณ์ ณ พัทลุง เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา เดินทางไปยัง เขตอุตสาหกรรมทุซลา นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เพื่อศึกษาข้อมูลและแลกเปลี่ยนแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือกับ Mr. Murat Kiran ประธานสมาคมอู่ต่อเรือของตุรกี และประธานบริษัท NAVTEK บริษัทต่อเรือชั้นนำของประเทศ
การหารือครั้งนี้ให้ความสำคัญกับศักยภาพของ จังหวัดปัตตานี ที่มีทำเลเหมาะสมในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงและอู่ต่อเรือ ตลอดจนมีแรงงานคนรุ่นใหม่ที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว โดยมีเป้าหมายยกระดับจังหวัดปัตตานีให้เป็นศูนย์กลางการต่อเรือของอาเซียน คล้ายกับอุตสาหกรรมประมงของประเทศนอร์เวย์ที่สามารถพัฒนาและส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงสู่ตลาดโลก
ขณะเดียวกัน Mr. Sadullah Toprak ผู้แทนบริษัท NAVTEK เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับภาคเอกชนไทย จัดตั้งบริษัท NAVANIRAN เพื่อลงทุนในกิจการอู่ต่อเรือที่จังหวัดปัตตานี พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการต่อเรือประมงสมัยใหม่มาใช้ โดยตั้งเป้าสร้างเรือประมงพาณิชย์ 5,000 ลำ พร้อมผลักดันให้ปัตตานีเป็น ศูนย์กลางการต่อเรือในอาเซียน
ขณะนี้โครงการดังกล่าวได้เสนอแผนธุรกิจต่อ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดย ศอ.บต. ได้แจ้งให้ภาคเอกชนทราบถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น สิทธิพิเศษด้านภาษี การลดค่าธรรมเนียม และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) เพื่อกระตุ้นการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ เลขาธิการ ศอ.บต. ยังได้เยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการเรียนการสอนเกี่ยวกับการเดินเรือและต่อเรือที่ มหาวิทยาลัย Piri Reis ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านการเดินเรือเพียงแห่งเดียวของตุรกีที่เป็นสมาชิก องค์การมหาวิทยาลัยทางทะเลนานาชาติ (IAUM) มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเดินเรือและต่อเรือระดับโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก: เพจข่าว ศอ.บต.

บอร์ด กคพ. มีมติวินิจฉัยชี้ขาด กรณีสมคบฟอกเงินของกลุ่มอั้งยี่ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิก เป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (6 มีนาคม 2568) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 10-01 กระทรวงยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 3/2568 โดยมี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานกรรมการฯ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และกรรมการคดีพิเศษ รวมถึง พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ พร้อมกรรมการรวม 18 คนเข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณากรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 (สำนวนสืบสวนที่ 151/2567) ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ประชุม กคพ. ได้ให้ดีเอสไอรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และนำเสนอผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ก่อนเสนอที่ประชุมเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดอีกครั้ง
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเท็จจริงและเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีมูลความผิดทางอาญาฐานอั้งยี่ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของการฟอกเงิน คณะกรรมการจึงเห็นชอบให้ปรับชื่อเรื่องเป็น “กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” และมีมติให้เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
นอกจากนี้ คดีอาญาอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น ความผิดฐานอั้งยี่ตามมาตรา 209 ความผิดตามมาตรา 116 และการฟอกเงินที่เกี่ยวกับกระบวนการได้มาของสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 วรรคท้าย จะถือเป็นคดีพิเศษที่สามารถสอบสวนต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีมติใหม่
อย่างไรก็ตาม หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบความผิดตามมาตรา 77 (1) ของกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้แจ้ง กกต. ทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
#พรรคประชาชาติ #กระทรวงยุติธรรม
สส.ซูการ์โน เรียกร้องกรมโยธาฯ เร่งแก้ไขปัญหาเขื่อนกันตลิ่งริมแม่น้ำสายบุรีพังเสียหาย
นายซูการ์โน มะทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา เขต 2 ได้หารือผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาเขื่อนกันตลิ่งริมแม่น้ำสายบุรีที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขใน 3 ประเด็นหลัก
1. เร่งซ่อมแซมเขื่อนกันตลิ่งที่ชำรุด
สส.ซูการ์โน เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ว่าเขื่อนกันตลิ่งริมแม่น้ำสายบุรีที่กรมโยธาธิการและผังเมืองก่อสร้างไว้เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมจากอุทกภัยซ้ำซาก จึงขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง โดยกระทรวงมหาดไทย ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเร่งซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
2. ขอสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งเพิ่มเติม สส.ซูการ์โน ได้เสนอให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งเพิ่มเติมบริเวณบ้านกำปงบาโงย ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อจากเขื่อนเดิมที่ยังสร้างไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
3. ขอให้สร้างเขื่อนกันตลิ่งบริเวณบ้านกำปงปาโยแง ในส่วนของพื้นที่บ้านกำปงปาโยแง สส.ซูการ์โน ระบุว่า ขณะนี้ที่ดินสวนยางพาราและสวนผลไม้ของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร จึงขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง โดยกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้โยธาธิการจังหวัดยะลาเข้าตรวจสอบ ออกแบบ และดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ทั้งนี้ สส.ซูการ์โน ได้เน้นย้ำว่า ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในแม่น้ำสายบุรี ส่งผลให้เขื่อนกันตลิ่งพังเสียหายทุกปี จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหาสาเหตุของปัญหา และดำเนินการแก้ไขอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับการคุ้มครองจากภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
#พรรคประชาชาติ #เขื่อนกันตลิ่ง #กรมโยธาธิการและผังเมือง #ซูการ์โนมะทา

ด่วน! กคพ. มีมติเสียงข้างมาก รับคดีฮั้วเลือก ส.ว. เป็นคดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน
วันนี้ (6 มีนาคม 2568) ที่กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้ประชุมเพื่อพิจารณาว่า คดีสืบสวนที่ 151/2567 ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีพฤติการณ์ไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม จะถูกพิจารณาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม
ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง นายภูมิธรรม แถลงว่า ที่ประชุม กคพ. มีมติให้คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 11 ต่อ 4 งดออกเสียง 3 โดยพิจารณาว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน และการกระทำของคณะบุคคลที่เข้าข่ายอั้งยี่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 21 วรรค 1
สำหรับ คดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษดังกล่าว ตามมาตรา 21 วรรค 2 จะถูกนำไปดำเนินการสอบสวนต่อไป
นายภูมิธรรม ยังระบุว่า หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบว่ามีการกระทำผิดตามมาตรา 47 วรรค 1 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ต้องแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่จำเป็นต้องมีมติให้เป็นคดีพิเศษ
ที่ประชุม กคพ. ซึ่งมีสมาชิก 18 คน ได้ลงมติในเรื่องนี้ โดยมีผลดังนี้
• รับเป็นคดีพิเศษ : 11 เสียง
• ไม่รับเป็นคดีพิเศษ : 4 เสียง
• งดออกเสียง : 3 เสียง
มติดังกล่าวส่งผลให้คดีนี้ถูกดำเนินการสอบสวนในฐานะ คดีพิเศษ ซึ่งจะได้รับการตรวจสอบและดำเนินคดีโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ต่อไป
#เลือกตั้งสว #ฮั้วเลือกตั้ง #คดีพิเศษ #ฟอกเงิน #กระทรวงยุติธรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนำทีมแถลง “ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3” ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดทรัพย์กว่า 80 ล้านบาท
วันนี้ (5 มีนาคม 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว “ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3” ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่มุ่งตัดเส้นทางการกระจายเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยเฉพาะไอซ์และเฮโรอีน
เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญรวม 10 จุดใน 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย 2 จุด, เชียงใหม่ 2 จุด, สุโขทัย 1 จุด, สุพรรณบุรี 2 จุด, อ่างทอง 2 จุด และพระนครศรีอยุธยา 1 จุด โดยเฉพาะที่บ้านเลขที่ 277 หมู่ 9 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงราย
ผลจากปฏิบัติการในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด มูลค่ารวมกว่า 80 ล้านบาท
#พรรคประชาชาติ #กระทรวงยุติธรรม
#ตัดไฟแต่ต้นลม #ยาเสพติด

“พ.ต.อ.ทวี” เตรียมหารือ “ภูมิธรรม” พาสื่อเยี่ยม 40 อุยกูร์ในจีน แจงปมจดหมาย 3 ฉบับ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงแนวทางการเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ 40 คน ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศจีน พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นอยู่ หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการส่งตัวกลับ
พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า รัฐบาลไทยมีความห่วงใยในเรื่องนี้ และคำนึงถึงหลักความเป็นธรรม โดยก่อนตัดสินใจส่งตัวกลับ ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย พร้อมระบุว่า ไทยไม่ต้องการให้ชาวอุยกูร์ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานต่อไป
สำหรับกรณีที่มีจดหมาย 3 ฉบับ อ้างว่าชาวอุยกูร์แสดงความจำนงไม่ต้องการเดินทางกลับจีน แต่กรมราชทัณฑ์กลับระบุว่าไม่มีเอกสารดังกล่าว พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า ต้องให้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ตรวจสอบและชี้แจงเอง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ 5 คนที่อยู่ในเรือนจำคลองเปรม ถูกควบคุมตัวในข้อหาปล้นทรัพย์ และมีการใช้กระดาษตรากรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นกระดาษที่จำหน่ายให้ผู้ต้องขังใช้เขียนจดหมาย อย่างไรก็ตาม หากจดหมายถูกส่งออกจากเรือนจำ จะต้องผ่านการตรวจสอบและเซ็นเซอร์ที่ซองจดหมายก่อน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จดหมายดังกล่าวจะออกมาจากผู้ต้องขังเอง โดยยืนยันว่า จดหมายที่เขียนโดยชาวอุยกูร์ในเรือนจำมีเพียงข้อความถึงภรรยาเท่านั้น
ส่วนจดหมายที่อ้างว่ามาจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องให้ สตม. เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงเอง
เมื่อถูกถามถึงประเด็นประเทศที่สามที่พร้อมรับชาวอุยกูร์ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนระหว่างข้อมูลขององค์กรสิทธิมนุษยชนและข้อมูลของรัฐบาลไทย พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เรื่องนี้ต้องให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้ชี้แจง เนื่องจากอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับหลักมนุษยธรรม และจะดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป
#พรรคประชาชาติ #กระทรวงยุติธรรม #ชาวอุยกูร์

“พ.ต.อ.ทวี” มั่นใจ 6 มี.ค. นี้ กคพ. ต้องได้ข้อสรุป รับ-ไม่รับ “โพยฮั้ว สว.” เป็นคดีพิเศษ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แสดงความมั่นใจว่า ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) วันที่ 6 มีนาคมนี้ จะได้ข้อสรุปว่า กรณีการล็อบบี้เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือ “โพยฮั้ว สว.” จะถูกรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ทั้งนี้ กรณีที่มีเอกสารหลุดรายชื่อผู้สมัครและผู้ได้รับเลือกเป็น สว. กว่า 1,200 รายชื่อ ซึ่งกำลังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกสอบในฐานะพยาน พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า เอกสารดังกล่าวไม่ได้หลุดจากดีเอสไอ แต่มีข้อมูลว่า ในวันเลือก สว. ที่เมืองทองธานี มีการใช้โพยรายชื่อประมาณ 1,000 คน ซึ่งอาจเป็นที่มาของรายชื่อที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ดีเอสไอจะตรวจสอบรายชื่อที่ได้รับ และอาจมีมากกว่า 1,200 ราย อย่างไรก็ตาม การมีรายชื่ออยู่ในโพยไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นมีความผิด โดยดีเอสไอจะเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล
ยันไม่มีปัญหาหาก สว. ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่ สว. ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ร้องเรียน และไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่ต้องตรวจสอบ
สำหรับรายชื่อที่หลุดออกมา พบว่ามี 138 คนที่อยู่ในสภาสูง และอีก 62 คนที่ไม่มีรายชื่อในโพย อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่หลักฐานที่ชัดเจน แต่เป็นข้อมูลที่ได้รับมาและต้องตรวจสอบต่อไป
พ.ต.อ.ทวี ทิ้งท้ายว่า ในการประชุม กคพ. วันที่ 6 มีนาคมนี้ จะได้ข้อสรุปว่า กรณีนี้จะถูกยกระดับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และยืนยันว่าต้องมีความชัดเจนในวันดังกล่าว
#พรรคประขาชาติ #กระทรวงยุติธรรม #คดีฮั้วสว.

“Ahlan Ramadan”
เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 / พุทธศักราช 2568
ขอพรต่อเอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) โปรดประทานความเมตตาและพรอันประเสริฐแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่าน ให้มีพลังใจและแรงบันดาลใจในการปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ เปี่ยมด้วยสมาธิและศรัทธา และได้รับความสันติสุขที่ยั่งยืน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
#พรรคประชาชาติ #กระทรวงยุติธรรม #ต้อนรับรอมฎอน

สส.ซูการ์โน หนุนตั้ง กมธ.วิสามัญ ศึกษาแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบ ชี้มาตรการ Seal Stop Safe เริ่มเห็นผล
นายซูการ์โน มะทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา เขต 2 พรรคประชาชาติ ส.ส.ซูการ์โน มะทา อภิปรายสนับสนุนญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาการแก้ไขปัญหาการระบาดของยาเสพติดทั้งในเมืองและชนบท โดยเน้นย้ำว่ายาเสพติดเป็นวิกฤตสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
สส.ซูการ์โน เปิดเผยว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา โดยเฉพาะมาตรการ “Seal Stop Safe” ที่เน้นการสกัดกั้นและปราบปรามใน 51 อำเภอชายแดน เริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 27 กุมภาพันธ์ พบว่า
• จำนวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพิ่มขึ้น 10% จาก 96,587 ราย เป็น 107,601 ราย
• ยึดยาบ้าเพิ่มขึ้นเป็น 375 ล้านเม็ด
• ยาไอซ์ยึดได้ 24,843 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 299%
• เฮโรอีนเพิ่มขึ้น 106%
• คีตามินเพิ่มขึ้น 9%
“ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการปราบปรามของรัฐบาลเริ่มเห็นผล การจับกุมคดีเพิ่มขึ้นถึง 13.33% และมีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีมากขึ้นถึง 13.40%”
นอกจากนี้ สส.ซูการ์โนยังเสนอให้รัฐบาลพิจารณาขยายมาตรการ Seal Stop Safe จาก 51 อำเภอชายแดนไปทั่วประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีถึง 878 อำเภอ 7,255 ตำบล และ 75,142 หมู่บ้าน การจำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอาจไม่เพียงพอ
“หากนายกรัฐมนตรีขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดด้วยตัวเอง และดำเนินมาตรการครอบคลุมทั้งประเทศ จะสามารถควบคุมปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ สส.ซูการ์โน ตั้งคำถามต่อรัฐบาล คือ แนวทางจัดการกับปัญหา กัญชาเสรีและกระท่อม ซึ่งในปัจจุบันกระท่อมถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่กลับกลายเป็นปัญหาใหม่ เนื่องจากมีการนำไปสกัดและผสมกับยาแก้ไอจนกลายเป็นสารเสพติดที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
“ผมอยากฝากคำถามถึงรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุขว่า จะจัดการกับปัญหากัญชาและกระท่อมอย่างไร เพราะตอนนี้เยาวชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อสังคมในระยะยาว”
ท้ายที่สุด สส.ซูการ์โน ย้ำว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องจำเป็น เพราะแม้รัฐบาลจะเริ่มเห็นผลในมาตรการปราบปราม แต่การแก้ปัญหาต้องมีความต่อเนื่องและครอบคลุมทุกพื้นที่
“วันนี้ประชาชนกว่า 79.90% มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด และ 93.80% รู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น หากรัฐบาลเดินหน้าต่ออย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าเราจะสามารถควบคุมปัญหานี้ได้ในที่สุด”
#ปราบปรามยาเสพติด #พรรคประชาชาติ

“สส.สุไลมาน เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความยากจนในชายแดนใต้เป็นวาระแห่งชาติ”
นายสุไลมาน บือแนปีแน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดยะลา พรรคประชาชาติ สุไลมาน บือแนปีแน ได้อภิปรายในที่ประชุมสภาฯ เรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเสนอให้กำหนดเป็นวาระเร่งด่วนระดับประเทศ
สส.สุไลมานระบุว่า พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ยังคงติดอันดับพื้นที่ที่มีอัตราความยากจนสูงสุดของประเทศ แม้จะมีศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สามารถนำมาใช้พัฒนาเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ติดกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงกว่าประเทศไทย
“เรามีสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ เช่น ทุเรียน เรามีอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ และมีภาคการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ของไทย แต่เรายังขาดการส่งเสริมและพัฒนาที่เป็นระบบจากภาครัฐ” สส.สุไลมานกล่าว
สส.สุไลมาน ยังตั้งข้อสังเกตว่า แม้รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ แต่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของประชาชน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของวัฏจักรปัญหาที่ยังคงดำเนินต่อไป
สส.สุไลมาน เสนอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญกับการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะการสนับสนุนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ตาดีกา และปอเนาะ ให้ได้รับการพัฒนาที่สอดคล้องกับระบบการศึกษาของรัฐ นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น การขยายโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบและวิกฤตเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางอำนวยความสะดวกให้กับแรงงานไทยที่ไปทำงานในมาเลเซีย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจร้านอาหารไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยวชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย เพื่อเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่
ท้ายที่สุด สส.สุไลมานได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีกำหนดให้การแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล พร้อมเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานพิเศษที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อติดตามผลและกำหนดแนวทางการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม
“ผมอยากให้รัฐบาลจริงจังกับเรื่องนี้ และขอให้นายกฯ ลงมาดูแลด้วยตัวเอง ให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่นำร่องในการแก้ปัญหาความยากจน หากมีแนวทางชัดเจน ผมพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” สส.สุไลมานกล่าวปิดท้าย
#พรรคประชาชาติ #แก้ความยากจน
#สุไลมานบือแนปีแน

จุฬาราชมนตรีประกาศ วันแรกของเดือนรอมฎอน ฮ.ศ. 1446 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2568
สำนักงานจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1446 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พุทธศักราช 2568 โดยขอให้พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศเริ่มถือศีลอดตามหลักศาสนาอิสลาม
ทั้งนี้ เดือนรอมฎอนถือเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม ซึ่งมุสลิมทั่วโลกจะปฏิบัติศีลอดตลอดทั้งเดือน และประกอบศาสนกิจเพื่อเสริมสร้างศรัทธาและความใกล้ชิดต่อพระผู้เป็นเจ้า
#จุฬาราชมนตรี #รอมฎอน1446 #พรรคประชาชาติ

สส.สุไลมาน หนุนตั้ง กมธ.วิสามัญ ศึกษาแนวทางพัฒนาทุเรียนชายแดนใต้ หวังยกระดับคุณภาพ-เพิ่มโอกาสส่งออก
นายสุไลมาน บือแนปีแน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา เขต 1 สุไลมาน บือแนปีแน อภิปรายสนับสนุนญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางส่งเสริม พัฒนา และแก้ไขปัญหาทุเรียนอย่างยั่งยืนทั้งระบบ โดยเน้นย้ำว่าทุเรียนยะลาเป็นหนึ่งในผลผลิตคุณภาพสูงของประเทศ และกำลังกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทุเรียนยะลา: ศักยภาพสูง แต่ยังขาดการสนับสนุนที่เป็นระบบ
สส.สุไลมาน ระบุว่าปัจจุบันยะลามีพื้นที่ปลูกทุเรียนกว่า 130,000 ไร่ และมีผลผลิตที่สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วกว่า 90,000 ไร่ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลให้กับพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพและราคาทุเรียนที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาการตัดอ่อนที่กระทบคุณภาพผลผลิต ปัญหาหนอนเจาะทุเรียนและสารตกค้าง ความจำเป็นในการพัฒนาองค์ความรู้ให้เกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดการใช้สารเคมี
เรียกร้องรัฐบาลสนับสนุนเกษตรกรไทย ไม่ให้เสียเปรียบทุนต่างชาติ
สส.สุไลมาน ยังสะท้อนถึงแนวโน้มที่ กลุ่มทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาเช่าที่ดินปลูกทุเรียนเอง ซึ่งอาจกระทบต่อผลประโยชน์ของเกษตรกรไทย ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งสร้าง แหล่งเงินทุนที่เข้าถึงได้ เพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะการตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจทุเรียน เพื่อให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าของห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
“วันนี้ต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของสวนทุเรียนเองแล้ว รัฐบาลต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้รับประโยชน์สูงสุด” สส.สุไลมานกล่าว
พัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจสารเคมี-ผลักดันการส่งออก
อีกหนึ่งข้อเสนอสำคัญ คือ การเพิ่มจำนวน ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสารเคมีตกค้าง เพื่อรับรองคุณภาพทุเรียนไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ รวมถึงผลักดันให้มี ตู้แช่เย็น สำหรับเก็บรักษาทุเรียนในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก
“วันนี้ตลาดจีนยังมีอีกหลายมณฑลที่คนยังไม่เคยลิ้มรสทุเรียนไทย รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้ผลักดันทุเรียนยะลาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น”
สรุป: หนุนตั้ง กมธ.วิสามัญ หวังแก้ปัญหาทุเรียนอย่างยั่งยืน
ท้ายที่สุด สส.สุไลมานย้ำว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมทุเรียนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่ช่วยเกษตรกร แต่ยังส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของเมืองยะลาโดยรวม เนื่องจากรายได้จากภาคเกษตรจะหมุนเวียนไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ในพื้นที่
“ผมขอสนับสนุนให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาแนวทางพัฒนาทุเรียนอย่างยั่งยืน หวังว่าจะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรได้รับการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มศักยภาพ”
#ทุเรียนยะลา #พืชเศรษฐกิจชายแดนใต้ #พัฒนาการเกษตรไทย
#พรรคประชาชาติ #สุไลมานบือแนปีแน

สส.สมมุติ ผลักดัน กีฬาอิสลามโลก “Islamic Solidarity Games” สู่สันติสุขชายแดนใต้ เสนอจัดแข่งระดับนานาชาติ
นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปัตตานี เขต 3 พรรคประชาชาติ สมมุติ เบ็ญจลักษณ์ - Sommut Benjalak ได้หารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษ ถึงแนวทางการพัฒนากีฬาสู่สันติสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเสนอให้รัฐบาลผลักดันการแข่งขัน Islamic Solidarity Games หรือ กีฬาอิสลามโลก เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยมุสลิม โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้เข้าร่วมเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ
สส.สมมุติกล่าวว่า “การแข่งขันนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแบ่งแยกศาสนา แต่เป็นการส่งเสริมกีฬาที่สอดคล้องกับหลักศาสนา และเป็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถานะประเทศผู้สังเกตการณ์ เราควรใช้เวทีนี้ให้เป็นประโยชน์”
ข้อเสนอหลักเพื่อพัฒนากีฬาสู่สันติสุข ได้แก่:
1. แนวคิด “Muslim Sports HUB” – ผลักดันให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์กลางกีฬาในกลุ่มประเทศมุสลิม เช่น บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมกีฬา โดยเฉพาะอาหารฮาลาลที่ตอบโจทย์นักกีฬาและผู้ร่วมแข่งขัน
2. ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเปลี่ยนโฉม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ – สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของพื้นที่ผ่านกิจกรรมกีฬาระดับนานาชาติ
3. พัฒนา “ศูนย์ฝึกกีฬามาตรฐาน” ในพื้นที่ – เสนอให้ใช้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นศูนย์ฝึกกีฬาที่ได้มาตรฐานระดับสากล
4. ขอสนับสนุนสนามกีฬาที่ได้มาตรฐาน – โดยเฉพาะที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขัน ซีเกมส์ 2027 ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งหากมีสนามที่ได้มาตรฐาน อาจดึงดูดทีมชาติจากประเทศเพื่อนบ้านมาเก็บตัวฝึกซ้อมในพื้นที่
5. จัดการแข่งขันระดับประเทศและนานาชาติในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ – เพื่อให้รัฐบาลสามารถตั้งงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาในพื้นที่
นอกจากนี้ สส.สมมุติยังกล่าวถึงวันสำคัญของพี่น้องมุสลิม โดยระบุว่า “วันนี้ สำนักงานจุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้ดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันแรกของเดือนรอมฎอน หากมีการเห็นดวงจันทร์ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน พรรคประชาชาติขอนำความสุขและสันติให้กับพี่น้องมุสลิมในประเทศไทยและทั่วโลก ขอให้ทุกท่านได้รับบารอกัตในเดือนรอมฎอน และขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน”
แนวคิดนี้ได้รับความสนใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง เพื่อใช้กีฬาสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมสันติสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้.
#พรรคประชาชาติ #กีฬาอิสลามโลก
#สมมุติเบ็ญจลักษณ์ #รอมฎอน #ชายแดนใต้

สส.ประชาชาติ เสนอแผนพัฒนาพื้นที่ 2568-2570 มุ่งเน้นเศรษฐกิจ-ศึกษา-สันติสุข
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ณ ห้องมณฑาทิพย์ 1 โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับพื้นที่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี สส.จากพรรคประชาชาติร่วมสะท้อนมุมมองและข้อเสนอแนะเพื่อผลักดันแนวนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง
ปัญหาสำคัญ: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ
สส.กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ จังหวัดนราธิวาส ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาหลักของจังหวัดชายแดนภาคใต้คือการที่นโยบายและการปฏิบัติไม่สอดคล้องกัน แม้จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แต่ปัญหายังคงเกิดซ้ำ เนื่องจากการขาดความเข้าใจในพื้นที่ เช่น กฎหมายห้ามถ่ายรูปบัตรประชาชนของประชาชนในพื้นที่ แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่ยังถ่ายรูปประชาชนตามด่านต่าง ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดเงื่อนไขทางความมั่นคง
ด้านเศรษฐกิจ: เพิ่มโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่
สส.อับดุลอายี สาแม็ง จังหวัดยะลา เน้นย้ำว่า รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนในพื้นที่อยู่ที่เพียง 60,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับต่ำสุดของประเทศ ทั้งที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ JDA แต่ประชาชนกลับไม่ได้รับประโยชน์โดยตรง รัฐควรมีแนวทางสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ
ด้านการศึกษา: คืนบทบาทให้ ศอ.บต.
สส.อับดุลอายี ยังเสนอให้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กลับมามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษา เช่น โครงการทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในพื้นที่ให้ได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ
มิติด้านวัฒนธรรมและ Soft Power
สส.วรวิทย์ บารู จังหวัดปัตตานี สนับสนุนให้มีการส่งเสริมวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่ เช่น การแต่งกายแบบมลายู และการส่งเสริม Halal Moral Economy ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เขายังเสนอให้จัดการแข่งขันท่องจำอัลกุรอานระดับนานาชาติที่จังหวัดปัตตานี เพื่อให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์กลางด้านศาสนาและวัฒนธรรม
แนวทางสร้างสันติสุข
สส.สมมุติ เบ็ญจลักษณ์ จังหวัดปัตตานี กล่าวถึงหลักสำคัญในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างคำพูดของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่า “การประชุมใดที่ไม่กำหนดเป้าหมาย เป็นการประชุมที่ล้มเหลว” พร้อมเสนอว่า การแก้ปัญหาต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1. ประชาชน ต้องได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2. ผู้นำที่ดี ต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจริงใจต่อการแก้ปัญหา
3. กฎหมายที่เป็นธรรม ต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่
ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล
สส.สุไลมาน บือแนปีแน จังหวัดยะลา สะท้อนว่ารัฐบาลต้องแสดงความจริงใจและมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมสนับสนุนให้ กระบวนการสันติภาพ (Peace Process) เดินหน้าต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมีแหล่งเงินทุนคล้ายๆsoft loan เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำธุรกิจ
การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของ สส. ในพื้นที่ที่ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้จริง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม และกระบวนการสันติภาพ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน
#พรรคประชาชาติ
ส.ส.กมลศักดิ์ อภิปรายกรณีผลักดันผู้ลี้ภัยอุยกูร์ กลับจีน จี้รัฐบาลชี้แจง หวั่นละเมิดสิทธิมนุษยชน
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.พรรคประชาชาติ ได้อภิปรายกรณีการเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณาข้อเท็จจริงและผลกระทบจากการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน โดยแสดงความกังวลว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนและส่งผลกระทบต่อหลักมนุษยธรรม
สส.กมลศักดิ์กล่าวว่า “ผมและพรรคประชาชาติขอมีส่วนร่วมในประเด็นนี้ เราเป็นห่วงว่า ชาวอุยกูร์ 48 ราย ที่ถูกส่งกลับไปแล้ว อาจถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
นอกจากนี้ ยังย้ำว่าพรรคประชาชาติได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “เราไม่รู้ข้อเท็จจริงแค่ไหน รัฐบาลต้องออกมาชี้แจง หากเรื่องนี้เป็นความจริง ท่านต้องตอบให้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย”
พร้อมกันนี้ สส.กมลศักดิ์ยังตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า “รัฐบาลได้ส่งชาวอุยกูร์กลับไปจริงหรือไม่ และหากส่งไปแล้ว ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ละเมิดกฎหมาย รวมถึงมีการดำเนินการด้วยความสมัครใจของผู้ลี้ภัยหรือไม่”
ประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาชี้แจงอย่างโปร่งใส และยืนยันการดำเนินการที่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและพันธกรณีระหว่างประเทศ.
#พรรคประชาชาติ

สส.สาเหะมูหามัด จี้งบพัฒนา รพ.มายอ รองรับประชาชน 90,000 คน – แก้กัดเซาะชายฝั่ง ฟื้นฟูทรัพยากรทะเล
นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดปัตตานี ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ ปัญหาด้านสาธารณสุข และปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงพื้นบ้านในอ่าวปัตตานี
เรียกร้องงบประมาณพัฒนาโรงพยาบาลมายอ รองรับประชาชนกว่า 90,000 คน
สส.สาเหะมูหามัดฯ ระบุว่า โรงพยาบาลมายอ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง ต้องให้บริการประชาชนกว่า 90,000 คน ทำให้เกิดปัญหาความแออัด ขาดแคลนบุคลากร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพการรักษาพยาบาลของประชาชนในพื้นที่
“เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการประชาชน ผมขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับ 2 โครงการหลัก ได้แก่ การก่อสร้างอาคารผู้ป่วยขนาด 60 เตียง และการสร้างอาคารทันตกรรม ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาด้านสาธารณสุขในอำเภอมายอ และยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน” สส.สาเหะมูหามัดฯ กล่าว
เสนอแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งและฟื้นฟูทรัพยากรทะเล ช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้าน
อีกหนึ่งปัญหาที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก คือ ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการลดลงของทรัพยากรทางทะเล ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและอาชีพของชาวประมงพื้นบ้านในอ่าวปัตตานี
“ชาวประมงพื้นบ้านกำลังเผชิญกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดลง ส่งผลให้การทำประมงพื้นบ้านมีความยากลำบาก กระผมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และสร้างโครงสร้างทางวิศวกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง รวมถึงขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์หอย เพื่อฟื้นฟูอาชีพงมหาหอย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของชาวประมงในพื้นที่”
เรียกร้องรัฐบาลเร่งพิจารณางบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนปัตตานี
สส.สาเหะมูหามัดฯ เน้นย้ำว่า ปัญหาด้านสาธารณสุขและการทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้าน เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เสนอมา เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดปัตตานีสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ และสามารถดำรงชีวิตด้วยอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน
“ผมขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดปัตตานีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” สส.สาเหะมูหามัดฯ กล่าวทิ้งท้าย
#พรรคประชาชาติ #โรงพยาบาลมายอ
#ประมง #ปัตตานี #ทันตกรรม
#สาเหะมูหามัดอัลอิดรุส
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
ติดต่อ องค์กรนั้น
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
สรงประภา 30
Bangkok
10210