กองส่งเสริมสถาบันครอบครัว
ตำแหน่งใกล้เคียง บริการภาครัฐ
กรมกิจการเด็กและเยาวชน ชั้น 15 เลขที่ 1034 ถ. กรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
10400
10100
Krung Kasem Road
ถนนกรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
ถนน กรุงเกษม แขวง คลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร, Phra Nakhon
ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
ถนนกรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
กองส่งเสริมสถาบันครอบครัว (Division of Family Institution Promotion)
ประโยคยอดฮิตจากคุณพ่อคุณแม่ 💕
“เลี้ยงลูกเชิงบวกอย่างไร..? ไม่ให้บวกกับลูก”
วันนี้เรามีหลักสูตรดีๆ มาฝากค่า “หลักสูตรอบรมการเลี้ยงดูเชิงบวกเพื่อปรับพฤติกรรมลูกและสานสัมพันธ์ในครอบครัว สำหรับผู้ปกครองและผู้เลี้ยงดูเด็กอายุ 3 - 6 ปี”
สิ่งที่ท่านจะได้รับ คือ …
🧡 เทคนิคการปรับพฤติกรรมให้ได้ผล
🧡 วิธีการคุยกับลูก
🧡 ชื่นชมอย่างไรให้ใจฟู
🧡 ให้รางวัลแบบไหนที่ไม่ติดสินบน
🧡 ลงโทษอย่างไรไม่ให้เจ็บ
🧡 มารู้จักตารางเด็กดีกัน
🧡 พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน
การอบรมจัดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง ทุกวันจันทร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2567 เวลา 9.00 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมจงจินต์ ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช
ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับบุคลากรศิริราช สามารถเข้าอบรมได้โดยไม่ถือเป็นวันลา 😉
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครผ่านการสแกน QR code ในโปสเตอร์ได้เลยค่า รับจำนวนจำกัด !!!
*ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้าอบรมจะได้รับการติดต่อกลับในวันที่ 5 กันยายน 2567
**** ผู้ที่ต้องการเรียนแบบ #ออนไลน์ สามารถเข้าเรียนรู้ด้วยตนเองแบบออนไลน์ได้ที่ https://www.netpama.com/Course/detail/2 เนื้อหาเหมือนกันค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เชิญทุกท่านมาร่วมกันเดินทางหาคำตอบบนฐานความรู้ ผ่านผลงานวิจัยใหม่ 4 ชิ้นของ คิด for คิดส์ – ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ 101 PUB ในงานเสวนาสาธารณะ Research Roundup 2024 “เปิดเส้นทางใหม่ นโยบายเด็กและครอบครัวไทย”
ผู้คนมักมีความเชื่อว่าการมีความทะเยอทะยานจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ นั่นทำให้ผู้คนที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีกลายเป็นผู้ล้มเหลวไปโดยปริยาย เราจึงเห็นว่าในสังคมนี้ มีผู้คนมากมายเหลือเกินที่ต้องแข่งขันกันเพื่อประสบความสำเร็จและเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานมีราคาที่ต้องจ่าย หลายครั้งที่นอกจากความสุขแล้วเรายังต้องเสียเวลาพักผ่อน เสียสุขภาพจิตจากความกดดันความเครียด
การจะประสบความสำเร็จจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนที่มีความทะเยอทะยานระดับกลางไปจนถึงระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะพวกเขาเหล่านี้จะมีความกล้าเสี่ยงต่ำและมีแนวโน้มที่จะพอใจในจุดที่ตัวเองอยู่สูง ซึ่งจะแตกต่างคนที่มีความรู้ดี มีความสามารถสูง มีเป้าหมายสูง อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียงและอยากประสบความสำเร็จ คนกลุ่มนี้มักจะมีความทะเยอทะยานมากและมีความสามารถที่จะไปถึงเป้าหมายของตนเองด้วย
เราไม่ได้หมายความว่าคนที่มีความทะเยอทะยานน้อยคือคนที่ไม่เก่ง และไม่ได้หมายความว่าคนที่ความทะเยอทะยานสูงคือคนที่ไม่รู้จักพอ เราต้องยอมรับว่าแต่ละคนมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมายในชีวิตเล็กใหญ่แตกต่างกันไปจากหลายๆ ปัจจัย เช่น สถานะการเงินทางบ้าน สภาพแวดล้อมที่เติบโตมา การอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว การมีความทะเยอทะยานสูงหรือต่ำเกินไปก็อาจทำให้ไม่บรรลุเป้าหมายอะไรเลยก็เป็นได้
ตัวอย่างเช่น การมีความพอใจมักน้อยมากเกินไปจะทำให้ชีวิตวนอยู่กับที่ พลาดโอกาสก้าวหน้าไปเจอความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้น หรือหากมีความทะเยอทะยานมากเกิน เราก็จะคอยหาเป้าหมายที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ต้องผลักตัวเองไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลาซึ่งอาจทำให้เหนื่อยล้าและกดดันตัวเองได้ในที่สุด
การหาความพอดีระหว่างความทะเยอทะยานและความสุขจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากหาตรงกลางของสององค์ประกอบนี้ได้ เราก็จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จด้วยการมีความสุขและบรรลุเป้าหมายได้ในเวลาเดียวกัน
ชีวิตเราต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น อย่ากดดันตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่ค่อยๆ เรียนรู้ไปอย่างมีความสุขจะทำให้เรามีแรงบันดาลใจมากกว่า
เมื่อเรามองเป้าหมายเป็นแรงผลักดัน เราจะรู้สึกสนุกกับการพยายามที่จะผ่านด่านไปให้ได้ เป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่เลยในทันที เราอาจเริ่มด้วยการกำหนดเป้าหมายสำคัญเล็กๆ แบบวันต่อวันก่อน โดยการวางแผนแบบนี้จะทำให้โอกาสทำงานสำคัญสำเร็จได้มากขึ้น เพราะเมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จ ความสุขความมั่นใจจะสะสมเพิ่มขึ้นทำให้เราเห็นภาพความสำเร็จได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและนำไปสู่ความมั่นใจที่จะบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นได้
อ่านบทความ ‘สุขสำเร็จ’ เมื่อสมดุลของความสำเร็จคือความทะเยอทะยานและความสุข https://thepotential.org/life/ambition-and-happiness/
เรื่อง จณิสตา ธนาธรชัย
Illustrator ภาณุพงศ์ สุวรรณจุฑามณี
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว #รับสมัคร บุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ (เพิ่มเติม)
ตามประกาศกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เรื่อง รับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 ซึ่งได้ประกาศรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 14 มิถุนายน 2567 เพื่อกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวจะได้เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกต่อไป นั้น
บัดนี้ ครบระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ปรากฏว่ามีผู้สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือก เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ มีจำนวนน้อยและไม่มีความหลากหลายและครอบคลุมตามที่กำหนดในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมและประสานงานสถาบันครอบครัวแห่งชาติ พ.ศ. 2551 ดังนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีผลงาน และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ โดยมีผลงานเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวจึงกำหนดรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ จากกำหนดสิ้นสุดเดิมถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ออกไปจนถึงวันที่ 6 กันยายน 2567
ทั้งนี้ รายละเอียดการรับสมัครให้เป็นไปตามประกาศกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เรื่อง รับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567
เปิดรับสมัครถึงวันที่ 6 กันยายน 2567
👇 ข้อมูลและเอกสารการรับสมัคร คลิกที่นี่ 👇
https://drive.google.com/drive/folders/14t100FXc0TGAdpbHFMfTketLEr3sCj6Y?usp=sharing
📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 0 2659 6721.
📢 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมกับสถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเทศบาลในพื้นที่เชียงใหม่ ขอเชิญนวัตกรส่งผลงานนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาเชียงใหม่ให้เป็น “เมืองน่าอยู่” ใน 5 มิติของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย (1) มิติการพัฒนาคน (2) มิติการพัฒนาสิ่งแวดล้อม (3) มิติการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่งคั่ง (4) มิติการพัฒนาความสงบสุขและความปลอดภัยในเมือง และ (5) มิติการพัฒนาธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการเมือง
☑️ ทั้งนี้ ผลงานนวัตกรรมที่ได้รับเลือกจะได้รับการสนับสนุนที่ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมด
📍 เปิดรับวันนี้จนถึง 30 สิงหาคม 2567 (ส่งก่อนมีสิทธิได้รับการสนับสนุนก่อน)
☑️ สมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่: https://cmu.to/citylab4
แจกฟรี ! ไฟล์หนังสือ Free Play คู่มือการเล่นอิสระ
โดยกลุ่มไม้ขีดไฟค่ะ
แจกฟรี ! ไฟล์หนังสือ Free Play คู่มือการเล่นอิสระ
โดยกลุ่มไม้ขีดไฟ 📚🛝✨
เนื้อหาภายในเล่ม
🌟 แนวคิดเกี่ยวกับการเล่นอิสระ
🌟 การออกแบบการเล่นและขั้นตอนการเล่น
🌟 บทบาทของผู้แลการเล่น
เหมาะสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ครอง คุณครู ผู้ทำงานเกี่ยวกับเด็ก หรือผู้ที่สนใจการเลี้ยงดูเด็ก อ่านแล้วสามารถนำไปปรับใช้ได้เลย จะเซฟเก็บไว้ หรือส่งต่อก็ได้ เพียงแค่ไม่นำไปแสวงหากำไร
ดาวน์โหลดผ่านลิงก์นี้ได้เลย !
👉 https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fdrive.google.com%2Ffile%2Fd%2F1c94DjW9v0RQdRsl5cvv_abypl-eSOxHa%2Fview%3Fusp%3Dsharing%26fbclid%3DIwZXh0bgNhZW0CMTAAAR2EwNzS3tM2Veip5qHdQAhJQdt6_rK2W8GpTHMJCwU3Z_a1m6_hC5Fxu84_aem_rFRNIculJYIDCgCvmWLEZA&h=AT22m8X4IhvcZgnMtCRcLD6Qs-B6xMWd8Y7yJuppcPmaSZais1XwPYhOTmz2rtgSss6nj-PyAGPnaLlsLN0mY7ggM1r9anEnxDDI53XSPE-uQ7vJV0jAbpnuZckK3RhVgxFM16YKlUU
#กลุ่มไม้ขีดไฟ #เล่นอิสระ #หนังสือแจกฟรี ี
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในงานเสวนาสาธารณะ Research Roundup 2024 “เปิดเส้นทางใหม่ นโยบายเด็กและครอบครัวไทย”
วันพฤหัสบดี 8 สิงหาคม 2024 เวลา 9.00-16.00 น.
ณ ห้อง 201 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ลงทะเบียนร่วมงาน : https://forms.gle/k4zMGcnvQLv4GSPq8
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นต่อผลงานวิจัย 4 ชิ้นใหม่ล่าสุดของ คิด for คิดส์ - ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว โดยความร่วมมือระหว่าง สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth กับ 101 PUB - 101 Public Policy Think Tank
ในงานเสวนาสาธารณะ Research Roundup 2024
“เปิดเส้นทางใหม่ นโยบายเด็กและครอบครัวไทย”
วันพฤหัสบดี 8 สิงหาคม 2024 เวลา 9.00-16.00 น.
ณ ห้อง 201 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ลงทะเบียนร่วมงาน : https://forms.gle/k4zMGcnvQLv4GSPq8
มาแล้ว...ตามคำเรียกร้อง!! กิจกรรมครอบครัวสำหรับเด็ก 3 -7 ปี
วันเสาร์ ที่ 6 กรกฏาคม 2567 เวลา 9.00 - 11.30 น.
กิจกรรมการเล่นเพื่อกระตุ้นระบบประสาทสัมผัส เน้นให้เด็ก ๆ ได้เล่น Sensory Play กล้าที่จะเล่น กล้าที่จะตัดสินใจ เล่นและทำของเล่นไปด้วยกันกับครอบครัว พร้อมนำของเล่นทำเองกลับบ้าน
สมทบค่ากิจกรรมครอบครัวละ 350 บาท (ค่ากิจกรรมและอุปกรณ์)
รับสมัคร 10 ครอบครัว (เด็ก 1 ผู้ใหญ่ 1 : ครอบครัว)
สมัครและอ่านรายละเอียดได้ที่ 👇
https://forms.gle/xvKmF2nbkQHms2VSA
สอบถามรายละเอียดได้ที่ IB โรงเล่น
#โรงเล่น
ครอบครัวได้เล่นด้วยกัน เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้บ่มเพาะความผูกพัน
พัฒนาความไว้วางใจ เด็ก ๆ รับรู้ว่ามีคนเคียงข้างพวกเขาอย่างมั่นคง
#มาเล่นด้วยกันนะ
“รักลูกนะ” คำง่ายๆ แต่ทำไมถึงกลายเป็นคำพูดแสนยาก ที่ลูกๆ มักไม่ค่อยได้ยินจากปากของพ่อแม่
“รักลูกนะ” คำง่ายๆ แต่ทำไมถึงกลายเป็นคำพูดแสนยาก ที่ลูกๆ มักไม่ค่อยได้ยินจากปากของพ่อแม่
ถึงลูกๆ จะเป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้รับหน้าที่สานต่อธุรกิจครอบครัว แต่ก็อาจมีความรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์และขาดความมั่นใจในตนเอง เมื่อไม่เคยได้รับการกระทำที่แสดงออกถึงความรักจากพ่อแม่ โดยเฉพาะการบอกรักลูกอย่างตรงไปตรงมา
แม้ในใจของลูกๆ จะเชื่อว่าพ่อแม่รักและปรารถนาดีกับเราเสมอ แต่การขาดการยืนยันทางคำพูดก็อาจสร้างช่องว่างทางความรู้สึกและความเข้าใจ หรือหนักเข้าก็อาจกระทบไปถึงการทำงานร่วมกันระหว่างคนสองรุ่นได้
หากเรารู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ยอมพูดคำว่ารัก แทนที่เราจะโกรธหรือแสดงความน้อยใจ อาจเปลี่ยนเป็นการแสดงออกที่ง่ายกว่านั้น นั่นคือการพูดคำว่า “รัก” กับพ่อแม่ก่อน
เพราะมุมมองของนักจิตวิทยาทางสังคม ได้มีการอธิบายเกี่ยวกับงานวิจัยจากทฤษฎีการแลกเปลี่ยนทางสังคม (Social Exchange Theory) ไว้ว่า เมื่อเรามีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น โดยเฉพาะการแสดงความใส่ใจ ความเห็นอกเห็นใจ และบุญคุณ ก็มีแนวโน้มสูงที่อีกฝ่ายจะตอบสนองในทิศทางเดียวกัน
อธิบายเพิ่มเติมคือ ยิ่งเราเป็นคนเริ่มแสดงความรัก (พูดว่ารัก กอด หอมแก้ม) ความใส่ใจ และเข้าอกเข้าใจพ่อแม่ก่อน ก็ยิ่งเป็นไปได้ที่พ่อกับแม่จะแสดงความรักออกมาเช่นเดียวกันกับเรา
แง่หนึ่ง การที่พ่อแม่ไม่ค่อยชอบพูดว่ารักลูก นั่นอาจมาจากรากฐานทางวัฒนธรรม ที่การพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ สำหรับคนเอเชียนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าเขินอาย รวมถึงพ่อแม่บางคนไม่ชอบพูดว่ารักลูก เพราะรู้สึกกังวลว่าลูกๆ จะคิดว่าตัวเองแสดงออก ‘เกินจริง’ หรือแบบทีเล่นทีจริงกับลูกเกินไป จนอาจดูไม่จริงใจ
แต่ถึงอย่างไร ลูกๆ ก็ยังอยากได้ยินคำว่า “รัก” จากพ่อแม่ของตัวเองอยู่ดี แต่การจะไปตั้งแง่กับพ่อแม่จนเสียบรรยากาศในการทำงานร่วมกันก็คงจะไม่เกิดผลดีอะไร
แล้วลูกๆ จะทำอย่างไรได้บ้างในสถานการณ์เช่นนี้?
หากมองตามกรอบแนวคิด "Give and Take" ของ Adam Grant นักจิตวิทยาองค์กร ที่กล่าวถึงการเป็นฝ่ายให้ก่อนโดยไม่หวังผลตอบแทน มักนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จในระยะยาว และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการหล่อหลอมวัฒนธรรมใหม่ในการสื่อสารความรู้สึกเชิงบวกต่อกันระหว่างคนในครอบครัวได้ด้วย
เช่น ถ้าเราลองเปลี่ยนมาเป็นคนบอกรักพ่อแม่ทุกเช้าก่อนออกไปทำงาน โดยที่ไม่หวังให้พวกท่านพูดว่ารักกลับมา แม้เราเองจะรู้สึกไม่คุ้นชินในช่วงแรกๆ แต่ในระยะยาวพวกท่านจะพูดกลับมาเอง ถึงไม่ใช่คำว่า “รัก” ในครั้งแรก แต่คำนั้นที่สื่อออกมา ก็มักมีความหมายไม่แตกต่างไปจากคำว่ารักลูกอย่างแน่นอน
ซึ่งการทำ "Give and Take" ยังส่งผลดีต่อสายสัมพันธ์ระหว่างคนสองรุ่นด้วย เพราะการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จะช่วยให้เราทำออกมาได้เต็มที่จากใจจริง ทำให้เรารู้สึกมีความสุขและภูมิใจในตนเอง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์และขาดความมั่นใจในตนเองได้มากขึ้น
ทั้งนี้ การจะเปลี่ยนใครคนหนึ่งให้เป็น giver เราเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะกล้าให้และรู้จักยื่นโอกาสได้ก่อนเสมอ เพราะท้ายที่สุด เมื่อทำไปบ่อยๆ สักวันคนที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเปลี่ยนทัศนคติต่อการให้ตามเราไปเอง และเราเองก็ยังได้ถือโอกาสนี้สร้างวัฒนธรรมการแสดงความรักใหม่ๆ ที่อยากให้ครอบครัวเป็นขึ้นมาได้อีกด้วย
สุดท้าย บอกรักกันเมื่อยังมีโอกาสได้พูด และสร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกันเมื่อยังมีเวลาได้อยู่ร่วมกัน อย่าปล่อยให้ช่องว่างทางความรู้สึกและความเข้าใจเข้ามาเพิ่มระยะห่างของความสัมพันธ์ จนไม่เหลือให้เชื่อมความรักที่มีต่อกันได้เลย
#ทำที่บ้าน
🏳️🌈 ต้อนรับ Pride Month ด้วยคอร์สเพศศึกษา! สอนโดย หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน
ทำไมผู้ใหญ่ต้องคุยเรื่องเพศกับเด็ก? เพศศึกษาสัมพันธ์กับ Pride Month ยังไง?
👩👩👧👦 ชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่องเพศที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพศสัมพันธ์ แต่หมายรวมถึงตัวตน ร่างกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ การใช้ชีวิตในสังคม เด็ก ๆ ต่างซึมซับเรียนรู้เรื่องเพศจากผู้ใหญ่และสังคมรอบตัวตั้งแต่เล็ก ดังนั้น เราต้องสร้างการพูดคุยและแนะนำเรื่องเพศที่ถูกต้อง รวมไปถึงเปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงตัวตนของตนเอง ที่ไม่จำกัดแค่หญิงและชาย
เมื่อผู้ใหญ่เข้าใจเรื่องเพศ และสร้างการพูดคุยถึงตัวตน ร่างกาย จิตใจที่ถูกต้องได้ ก็จะช่วยให้เด็กมีสุขภาวะทางเพศที่ดี มีพื้นที่ในการแสดงตัวตนของตนเอง มีทัศนคติเชิงบวกต่อเพศต่าง ๆ เข้าใจเพศวิถีของตนเองและผู้อื่น
เรียนวิชาเพศศึกษานอกตำราได้ที่ 👉 https://hooklearning.com/course/sexducation/
__________
HOOK Learning พื้นที่เรียนรู้ออนไลน์เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว พัฒนาโดยสำนักพิมพ์ Bookscape ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth
#เข้าใจเด็กเข้าใจเราเข้าใจโลก #เพศศึกษา
Yuedpao ประกาศนโยบายของบริษัทที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความหลากหลาย 10 ข้อดังนี้
1. ลาทรานส์ฟอร์ม (TransFormation Leave): ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเพศสภาพใด คุณสามารถลาได้สูงสุด 30 วัน พร้อมรับค่าจ้างปกติ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของคุณ
2. ลารับบุตรบุญธรรม : สำหรับคู่รักไม่ว่าจะเพศไหน รวมถึง LGBTQIA+ ที่จะจดทะเบียนสมรส เรามีวันลาไปรับบุตรบุญธรรม พร้อมมีของขวัญรับขวัญบุตร เพื่อให้ครอบครัวของคุณสมบูรณ์แบบ
3. วันลาสมรสสุดเก๋: ไม่ว่าจะเพศไหน คุณสามารถลาวันสมรสพร้อมรับเงินขวัญถุงในวันแต่งงาน โดยไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส
4. ลาพักใจ Love & Loss: เมื่อคุณสูญเสียสิ่งที่รัก เรามีวันลาพักใจเพื่อฟื้นฟูตัวเอง พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ
5. ลาห่วงใยคนที่คุณรัก: คุณสามารถลาเพื่อดูแลครอบครัว คนรัก หรือสัตว์เลี้ยงที่ป่วยได้ พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ
6. พ่อจ๋าลาคลอด: คุณพ่อสามารถลาเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรได้สูงสุด 10 วัน พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ
7. ลาสงบจิตใจ: ลาพิเศษสำหรับพนักงานที่นับถือศาสนาอื่นๆ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา
8. ลาพัฒนาทักษะ Level Up: คุณสามารถลาเพื่อการศึกษาและพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเสริมศักยภาพในการทำงาน
9. นโยบายส่งเรียนส่ง Up skill Gen AI & Digital Skill: เราสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้าน AI และทักษะดิจิทัล เพื่อเสริมศักยภาพในการทำงานและพัฒนาอาชีพ
10. สิทธิ์เบิกค่าหนังสือ Bookworm: ทุกคนมีสิทธิ์เบิกค่าหนังสือเดือนละ 1 เล่ม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
แถลงการณ์จาก Yuedpao เนื่องในโอกาส Pride month :
ที่ผ่านมา “Pride month” เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภูมิใจใน LGBTQIA+ แต่เราคิดว่านั่นยังไม่เพียงพอในความเป็น ”Pride” และเราอยากให้ “Pride” เป็นมากกว่าการสนับสนุน LGBTQIA+ เพียงเดือนเดียวแล้วจบกันไป
เราเชื่อว่า “Pride” คือจิตวิญญาณของทุกคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกไซซ์ ที่ควรมีทุกวัน ไม่ใช่แค่เดือนเดียว เพราะ ”Pride” คือความภูมิใจในตัวเองว่าเรามีดี เรามีเรื่องให้ยืดได้ ไม่ว่าใครจะมองยังไง เราก็รักตัวเองที่เป็นแบบนี้
Yuedpao จึงขอประกาศว่า เราจะไม่อยู่เคียงข้าง LGBTQIA+ แค่ “Pride month” เดือนเดียว แต่สนับสนุนให้ทุกวันเป็น ”Pride day” ที่ทุกเพศ ทุกวัย ทุกไซซ์ ทุกคนมีเรื่องให้ยืดอกภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ
และถ้าคุณเชื่อแบบเดียวกันว่า ไม่ใช่แค่ Pride month แต่ทุกวันคือวัน Pride อยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสียงบอกทุกคนว่า นี่คือ “Pride” แบบที่คุณอยากเห็น นี่คือ “Pride” แบบที่คุณอยากเป็น นี่คือ ”Pride” ที่ทำให้คุณยืดอกภูมิใจได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ Yuedpao ขอประกาศนโยบายของบริษัทที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความหลากหลาย ได้แก่ 10 ข้อดังนี้
1. ลาทรานส์ฟอร์ม (TransFormation Leave): ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเพศสภาพใด คุณสามารถลาได้สูงสุด 30 วัน พร้อมรับค่าจ้างปกติ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของคุณ
2. ลารับบุตรบุญธรรม : สำหรับคู่รักไม่ว่าจะเพศไหน รวมถึง LGBTQIA+ ที่จะจดทะเบียนสมรส เรามีวันลาไปรับบุตรบุญธรรม พร้อมมีของขวัญรับขวัญบุตร เพื่อให้ครอบครัวของคุณสมบูรณ์แบบ
3. วันลาสมรสสุดเก๋: ไม่ว่าจะเพศไหน คุณสามารถลาวันสมรสพร้อมรับเงินขวัญถุงในวันแต่งงาน โดยไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส
4. ลาพักใจ Love & Loss: เมื่อคุณสูญเสียสิ่งที่รัก เรามีวันลาพักใจเพื่อฟื้นฟูตัวเอง พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ
5. ลาห่วงใยคนที่คุณรัก: คุณสามารถลาเพื่อดูแลครอบครัว คนรัก หรือสัตว์เลี้ยงที่ป่วยได้ พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ
6. พ่อจ๋าลาคลอด: คุณพ่อสามารถลาเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรได้สูงสุด 10 วัน พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ
7. ลาสงบจิตใจ: ลาพิเศษสำหรับพนักงานที่นับถือศาสนาอื่นๆ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา
8. ลาพัฒนาทักษะ Level Up: คุณสามารถลาเพื่อการศึกษาและพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเสริมศักยภาพในการทำงาน
9. นโยบายส่งเรียนส่ง Up skill Gen AI & Digital Skill: เราสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้าน AI และทักษะดิจิทัล เพื่อเสริมศักยภาพในการทำงานและพัฒนาอาชีพ
10. สิทธิ์เบิกค่าหนังสือ Bookworm: ทุกคนมีสิทธิ์เบิกค่าหนังสือเดือนละ 1 เล่ม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
นโยบายข้างต้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่อยากจะทำเพื่อพนักงานของ YUEDPAO เราอยากขอเป็นหนึ่งบริษัทเล็กๆ ที่ร่วมส่งเสริม และผลักดันสวัสดิการที่ทำให้พนักงานมีความสุข และขอขอบคุณทางบริษัท ศรีจันทร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากบริษัทที่เติบโตอย่าง Srichand ศรีจันทร์ โดย Yuedpao ขอเป็นหนึ่งบริษัทเล็กๆ ที่ร่วมส่งเสริม และผลักดันสวัสดิการที่ทำให้พนักงานมีความสุข เพื่อหวังให้ทุกวันเป็นวัน "Pride Day"
Yuedpao ขอสัญญาว่า เราจะเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ตั้งใจขับเคลื่อนสังคมให้ดีขึ้น เป็นสังคมที่ทุกคนรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ให้สมกับความตั้งใจที่พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนได้ให้โอกาสเรา
Yuedpao
📣 กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550“ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยได้จัดทำ “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่..) พ.ศ. ....”
🌟ขอประชาสัมพันธ์การรับฟังความคิดเห็นต่อ “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่..) พ.ศ. ....” ครั้งที่ 3
โดยสามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. - 14 มิ.ย. 2567 ผ่านระบบกลางทางกฎหมายได้ที่
http://law.go.th/listeningDetail?survey_id=MzgzMERHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ=
#มรดก คือ ทรัพย์สินของผู้ตาย หากใครยังไม่ตายทรัพย์สิบนั้นก็ไม่ใช่มรดก ไดยตามปกติ ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินสามารถที่จะจัดการทรัพย์สินของตัวเองอย่างไรก็ได้ ด้วยการทำพินัยกรรม
#พินัยกรรม คือ การแสดงเจตนาของผู้ตายในเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินและกิจการ ของตนก่อนตายเพื่อให้การแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายไว้ถ่วงหน้านั้นมีผลต่อเมื่อตนถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งการแสดงเจตนาดังกล่าวต้องได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้
#ผู้รับมรดก เป็นใครเมื่อมีคนตายและผู้ตายมีทรัพย์สิน ซึ่งทรัพย์สินนี้ก็จะกลายเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของผู้ตายโดยทันที ซึ่งมรดกของผู้ตายจะตกทอดไปยังทายาทตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก 2 ประเภท ได้แก่
1. ทายาทโดยธรรมของผู้ตาย
2. ผู้รับพินัยกรรม
#คู่สมรส ตามกฎหมายย่อมมีสิทธิได้รับมรดกก่อนทายาทโดยธรรมเสมอ
ซึ่งทายาทโดยธรรมที่เป็นคู่สมรส คือ คู่สมรสที่ชอบตัวยกฎหมายของผู้ตาย ที่ได้จดทะเบียนสมรสกับเจ้ามรดก ไม่ว่าผู้ตายจะมีทายาทโดยธรรมที่เป็นญาติตามลำดับ 1-6 ดังที่กล่าว อ่านเพิ่มเติม>>https://justicechannel.org/uncategorized/inheritance-property
#กฎหมายน่ารู้ #ความรู้กฎหมาย #สำนักงานกิจการยุติธรรม #ทายาท
กิจกรรมดีๆ จากกลุ่มไม้ขีดไฟ 🔥 ที่ชวนเด็กๆและครอบครัวร่วมสร้างเวลาคุณภาพร่วมในทำกิจกรรมในเดือนพฤษภาคม ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 25 - 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.30 12.00 น. เป็นกิจกรรมที่ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีการเก็บมัดจำ 300 ต่อครอบครัว เมื่อจบกิจกรรมทางกลุ่มไม้ขีดไฟ 🔥 จะคืนเงินมัดจำให้นะคะ
อย่าพลาดโอกาสดีๆ ที่จะสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษและพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวร่วมกัน สมัครด่วนที่ https://forms.gle/CBTktuhA1kmappLQ6
สอบถามเพิ่มเติมที่ 096-5073728 (เฌอ)
กลุ่มไม้ขีดไฟ 🔥 ชวนเด็กๆและครอบครัวมาทำกิจกรรมในเดือนพฤษภาคม พบกับกิจกรรม wood toy ที่จะมา ตัด ขัด เจาะ คุณลูกคิด คุณแม่สร้าง คุณพ่อช่วยกันทำ ให้เด็กๆและครอบครับ สร้างสรรค์ของเล่นจากไม้ ของเล่นจากไม้ไผ่ ร่วมสร้างเวลาคุณภาพร่วมกับเด็กๆ
กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 25 - 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.30 12.00 น. ดังนี้
1. วันเสาร์ที่ 25 พฤภาคม 2567 เวลา 09.30 12.00 น.
workshop งาน Wood toy (ของเล่นไม้) รับจำนวน 10 ครอบครัว
2. วันอาทิตย์ที่ 26 พฤภาคม 2567 เวลา 09.30 12.00 น.
workshop งาน Wood toy (ของเล่นไม้) รับจำนวน 10 ครอบครัว
กิจกรรมเหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป โดยไม่จำกัดจำนวนสมาชิกในครอบครัว
การทำของเล่นจากไม้ให้คุณค่าแก่เด็กๆ มากมาย
1. พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว
2. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
3. พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา
4. เพิ่มความมั่นใจ
5. ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
6.ได้ผลงานกลับบ้าน เป็นความภาคภูมิใจของตัวเอง
การเข้าร่วมกิจกรรมนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่มีการเก็บมัดจำ 300 ต่อครอบครัว เสร็จกิจกรรมจะคืนให้ทันทีนะครับ
อย่าพลาดโอกาสดีๆ ที่จะสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษและพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวร่วมกัน สมัครด่วนที่
https://forms.gle/CBTktuhA1kmappLQ6
สอบถามเพิ่มเติมที่ 096-5073728 (เฌอ)
#นโยบายเป็นมิตรกับครอบครัว
มติที่ 16.3 เรื่องการส่งเสริมการพัฒนาประชากรให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ จากสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งล่าสุด
สาระสำคัญของกรอบทิศทางนโยบาย ข้อ 2 เร่งผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรต่อครอบครัว (family-friendly policies) โดยสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีบุตรและดูแลบุตร ผ่านมาตรการเชิงบังคับร่วมกับการสร้างแรงจูงใจในการให้สวัสดิการครอบครัวใน 4 มิติ ได้แก่
1 - มิติด้านเวลา ได้แก่ การส่งเสริมระบบการทำงานที่ยืดหยุ่นสำหรับพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูก อาทิ การปรับลดจำนวนชั่วโมงหรือจำนวนวันของการทำงาน และการอนุญาตให้ทำงานนอกสถานที่ เพื่อให้สามารถมีเวลาเลี้ยงดูบุตรในขณะที่ยังรักษาสภาพการจ้างงานไว้ได้ การเพิ่มสิทธิการลาเพื่อดูแลบุตรให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยขยายจำนวนวันลาสำหรับหญิงตั้งครรภ์ตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศที่กำหนดวันลาคลอดไว้อย่างน้อย 14 สัปดาห์หรือ 6 เดือนหลังคลอด เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และให้พนักงานชายสามารถลาเพื่อดูแลครอบครัวได้
2 - มิติด้านการเงิน ได้แก่ การศึกษาความเป็นไปได้ของการให้เงินอุดหนุนค่าคลอดบุตรและการจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดรายเดือนเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่มือใหม่ โดยนำองค์ประกอบด้านดัชนีราคาผู้บริโภคและความยั่งยืนทางการคลังมาประกอบการพิจารณา และการสนับสนุนการศึกษาของบุตร เช่น ลดค่าเรียนให้กับครอบครัวที่มีบุตรมาก เป็นต้น
3 - มิติระบบสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตร ได้แก่ การพัฒนาศูนย์ดูแลเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพและราคาย่อมเยา ในรูปแบบ Public-Private-People-Participation ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดบริการศูนย์ดูแลเด็กเล็ก 0 - 2 ขวบ ในชุมชน การส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนในการสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตร โดยใช้กลไกการสร้างแรงจูงใจด้วยสิทธิทางภาษี อาทิ การรวมกลุ่มของนิคมอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนา ศูนย์ดูแลเด็กเล็กของพนักงานร่วมกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ และการมีห้องนมแม่ในที่ทำงาน
4 - มิติด้านกฎหมาย ได้แก่ การผลักดันกฎหมายให้เอื้อต่อการสร้างครอบครัวสำหรับคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกฎหมายที่อนุญาตให้ครอบครัว LGBTQ+ สามารถจดทะเบียนสมรสและรับอุปการะบุตรได้กฎหมายที่เกี่ยวกับการอุ้มบุญ และการกำหนดให้การมีบุตรยากเป็นโรค และสามารถใช้สิทธิรักษาได้
กองส่งเสริมสถาบันครอบครัว ขอประชาสัมพันธ์รายงานผลการขับเคลื่อนองค์กรคุณธรรมต้นแบบ ที่มีการกำหนดคุณธรรมเป้าหมาย “ปัญหาที่อยากแก้” และ “ความดีที่อยากทำ” ที่สอดคล้องกับหลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง วิถีวัฒนธรรมไทย และคุณธรรม 5 ประการ เพื่อแก้ไขปัญหาของส่วนราชการ จำนวน...3…โครงการ/กิจกรรม ดังนี้
1. พอเพียง ได้แก่...โครงการ แก้วใช้ซ้ำ...ไม่ช้ำใจ..
2. วินัย.สุจริต จิตอาสา ได้แก่...โครงการ Safe me Save money Save mind (3’SM) และ
3. กตัญญู ได้แก่...โครงการ Memory Family First.
หลังจากที่ประเทศไทยเป็นสังคมสูงอายุแล้ว ประชากรไทยได้สูงวัยขึ้นอย่างเร็วมากจนกลายเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2566 เมื่อมีร้อยละของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงขึ้นถึงร้อยละ 20 ของประซากรทั้งหมด
ต่อจากนี้เป็นต้นไป ประชากรสูงอายุจะยิ่งเพิ่มขึ้นรวดเร็วขึ้นอีก คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดในอีกเพียง 12 ปีข้างหน้า (ปี 2578)
การที่ประชากรไทยสูงวัยอย่างเร็วมากในระยะเวลา 10 ปีต่อจากนี้ไป เนื่องมาจากจำนวนเด็กเกิดในแต่ละปีลดลง คลื่นสีนามิประซากรรุ่นเกิดล้านเคลื่อนตัวเข้าสู่วัยสูงอายุ และคนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น
อ่านบทความ "สถานการณ์ประชากรประจำปี 2566" ฉบับเต็ม และเรื่อง อื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้ในวารสาร Aging Focus ฉบับที่ 1 ประจำปี 2567
ดาวน์โหลดได้ที่ https://thaitgri.org/?p=40236
6 เทคนิค สำหรับผู้ปกครอง เพื่อช่วยเด็ก ๆ เตรียมใจให้พร้อมก่อนกลับไปเรียนที่โรงเรียน
1. ใส่ใจรับฟังความกังวลใจของเด็กโดยไม่รีบตัดสิน ปฏิเสธความรู้สึก หรือรีบสอน
2. มีท่าทีที่สงบ เป็นที่พึ่งทางใจของเด็ก แม้เด็กจะมีความความกังวลหรือความสับสนในการกลับไปโรงเรียน แต่ท่าทีที่สงบ หนักแน่น ปราศจากความกังวลของพ่อแม่ผู้ปกครอง จะช่วยลดความเข้มข้นของความรู้สึกไม่ดีของเด็กลงได้
3. สอนเด็กให้มองโลกแง่ดี เช่น ชวนเด็กคุยถึงข้อดีของการไปเรียนที่โรงเรียน สอนวิธีการป้องกันตัวเองจาการติดเชื้อโรค หรือในเด็กเล็ก อนุญาตให้ลหยิบของรักของหวงหรือของเล่นชิ้นโปรดจากบ้านติดมือมาที่โรงเรียนด้วย จะทำให้เด็กอุ่นใจ คลายกังวลลงไปได้บ้างเมื่อต้องแยกจากพ่อแม่ผู้ปกครอง
4. ฝึกเด็กเล็กให้อยู่เองลำพัง เด็กวัยอนุบาลที่เดิมมีคนอยู่ด้วยตลอด ลองฝึกให้เด็กนั่งเล่นอยู่ในห้องคนเดียวสักระยะหนึ่ง เริ่มที่ 5-10 นาทีก่อน โดยผู้ใหญ่ทำงานบ้านหรือทำธุระอยู่อีกห้องหนึ่งโดยเด็กรู้ว่าผู้ใหญ่อยู่ตรงไหนหากต้องการเดินไปหา แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลา
5. จัดระเบียบกิจวัตรประจำวันให้เด็ก สิ่งนี้จะทำให้เด็กมีวินัย และรู้จักเวลา ควรกำหนดเวลาตื่นนอน ทานมื้ออาหารหลัก อาหารว่าง เวลาเล่น เวลานอน ให้เด็กทำตามทุกวัน จะช่วยเด็กจะปรับตัวและควบคุมตัวเองได้ดีกว่า
6. สอนเด็กให้รู้จักยืดหยุ่น ปรับความคิดรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เริ่มที่พ่อแม่ควรจะปรับความคิดตัวเองและเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก ในการเปิดรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น และไม่ทำให้เด็กตื่นกลัวหรือผิดหวังเมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ
โดยทั่วไปเด็กจะใช้เวลาปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ก็จะอยู่ตัว ไปโรงเรียนอย่างปกติสุข แต่หากเวลาผ่านไป 1 เดือนแล้ว เด็กยังปรับตัวไม่ได้ ไม่อยากไปโรงเรียน ดูมีความทุกข์ใจจากการไปโรงเรียน ควรพามาปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการปรับตัวไม่ได้นี้ว่าเกิดจากอะไร เพื่อจะได้ทำการช่วยเหลือได้ทันที
ที่มาข้อมูล : พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว กุมารแพทย์ที่ปรึกษาศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช
ดาวน์โหลด : https://shorturl.asia/x8pwV
✦ ━━━━━━━━━━━━━━━━━
🏠 การพัฒนาพลเมืองนักสื่อสารสร้างสุขเพื่อการดูแลสุขภาวะทางจิตของประชาชนในชุมชนผ่าน Digital Platform บ้าน-พลัง-ใจ และ เครือข่ายภาคประชาชน
📌 โดย เครือข่ายนักสื่อสารสร้างสุข ศูนย์สุขภาพจิตที่ 8 อุดรธานี คุณมัณฑิกา ประชากิจ ผู้เรียบเรียง #เขตสุขภาพที่8
#นักสื่อสารสร้างสุข #บ้านพลังใจ
“สายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง” นำไปสู่ “พ่อแม่ที่มีอยู่จริง”
“พ่อแม่ที่มีอยู่จริง”
เกิดขึ้นจากการใช้เวลาทำสิ่งต่างๆ กับลูก
และอยู่ตรงนั้น...
เล่นกับเขา
อ่านหนังสือนิทาน
ทำงานบ้าน
ทำกิจกรรมตามวัย
สอนเขาช่วยเหลือตัวเอง
สอนเขาเมื่อให้ทำสิ่งที่เหมาะสมในยามที่ลูกทำผิด
และสัมผัสเขาด้วยรัก อุ้ม กอด หอม บอกรัก
ช่วงเวลาที่เราอยู่กับลูก ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี แต่เราอยู่ตรงนั้นกับเขาเสมอ
เวลาที่เรามีตัวตนในสายตาลูก และลูกมีตัวตนในสายตาเรา
เกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง สร้างพ่อแม่ลูกท่ีมีอยู่จริง
***
“คำพูดที่ลูกเชื่อมั่น”
เกิดขึ้นจากการ
พูดคำไหนคำนั้น
พูดความจริง
และรักษาสัญญาเสมอ
ยกตัวอย่าง
เมื่อพ่อแม่บอกลูกว่า “พ่อ/แม่จะมารับลูกหลังเลิกเรียน”
เราต้องรักษาสัญญาของเราเสมอ
หากมีเหตุฉุกเฉินเราควรโทรแจ้งคุณครูของลูกว่าพ่อแม่จะไปช้าหน่อย เพราะอะไร
ถ้าพ่อแม่สัญญาว่า “ถ้าลูกรับผิดชอบการบ้านได้ดีตลอดระยะเวลาหนึ่งเทอม เขาจะได้เลือกซื้อของที่อยากได้ในงบที่เรากำหนด”
เมื่อลูกทำได้ ขอให้พ่อแม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกด้วย
ถ้าลูกไม่ยอมกินข้าว เราตกลงกันไว้ว่าจะไม่ให้กินขนมหรือนม และลูกต้องรอกินอาหารมื้อถัดไป เราต้องทำตามที่เราพูดไว้ด้วย ไม่ใจอ่อน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ว่าพ่อแม่พูดคำไหนคำนั้น
การกระทำที่สม่ำเสมอสำคัญนัก เด็กๆ เรียนรู้ที่จะพัฒนาความเชื่อใจในพ่อแม่ของพวกเขาจากความสม่ำเสมอของเรา
***********
พ่อแม่ไม่ควรผิดสัญญากับเขาบ่อยครั้ง
เพราะความไว้วางใจกำลังก่อตัวในช่วงวัยนี้
ทุกครั้งที่พ่อแม่รักษาสัญญา
ลูกจะวางใจในคำพูดของเรา
ทุกครั้งที่พ่อแม่พูดคำไหนคำนั้น
คำพูดของเราจะศักดิ์สิทธิ์
ทุกครั้งที่พ่อแม่พูดแล้วทำจริง
ลูกจะเชื่อมั่นในพ่อแม่ของเขา
หากเราไม่มั่นใจว่าเราจะทำในสิ่งที่พูดกับลูกได้
พ่อแม่ไม่ควรให้การรับปากหรือสัญญาใดๆ ออกไป
เมื่อสายสัมพันธ์แข็งแกร่ง
ฐานทางใจของลูกจะมั่นคง
เมื่อนั้นลูกจะก้าวออกไปอย่างมั่นใจ
โดยมีเรามองอยู่ห่างๆ อย่างวางใจ
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา
‘Agree to Disagree’ ศิลปะการอยู่ร่วมกับพ่อแม่ที่มีความคิดต่าง ด้วยความเข้าใจและไม่ทะเลาะกัน
ความขัดแย้งกันระหว่างคนต่างรุ่น อาจเกิดจากความไม่เข้าใจในเหตุผลระหว่างกัน เพราะต่างฝ่ายต่างพูดโดยไม่สนใจความรู้สึกและความต้องการของอีกฝ่าย ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างโซฟาไม้รุ่นโบราณของแม่ในบ้านสไตล์โมเดิร์นของลูก ทุเรียนของโปรดลูกที่พ่อห้ามเอาเข้าบ้านเด็ดขาด จนถึงสไตล์การบริหารงานที่ลูกเลือกใช้ระบบมารัน แต่พ่อยังยืนยันวิธีแบบแมนวล ทำให้บรรยากาศในครอบครัวและการทำงานตึงเครียด จนสุดท้ายก็ส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์และยังทำให้การบริหารธุรกิจครอบครัวเกิดปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นเตียงไม้ ทุเรียน หรือระบบบริหารงาน เราทุกคนต่างมีเหตุผลและมุมมองส่วนตัวที่รู้สึกชอบ ไม่ชอบหรือมองว่าสิ่งนั้นๆ ไม่ดีเท่าสิ่งนี้ แต่เราอาจไม่เคย ‘ทำความเข้าใจ’ ในเหตุผลของคนอื่นอย่างแท้จริง แต่กลับใช้มุมมองของตัวเองตัดสิน จนเกิดความ ‘ไม่เห็นด้วย’ ในที่สุด
แต่เราอาจลืมไปว่า จริงๆ แล้ว หากเราได้ลองทำความเข้าใจผ่านจุดที่อีกฝ่ายยืนอยู่ เราอาจได้รู้เหตุผลและที่มาที่ไป ที่ทำให้อีกฝ่ายตัดสินใจไม่เหมือนเรา และเมื่อ ‘เข้าใจ’ แล้ว เราอาจจะยังมีมุมมองว่า ‘ไม่เห็นด้วย’ เช่นเดิมก็ได้ แต่สิ่งที่จะต่างออกไปอย่างแน่นอนก็คือ วิธีการตอบสนองต่อประเด็นนั้นๆ
เราจะไม่หงุดหงิดใส่แม่ เมื่อเห็นเก้าอี้ไม้แข็งๆ ที่แม่นอนทีไรก็ปวดหลัง แถมยังไม่เข้ากับสไตล์บ้าน เพราะเราเข้าใจว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ เป็นสิ่งที่แม่ใฝ่ฝันอยากมีตั้งแต่วัยรุ่น แต่ตอนนั้นแม่ไม่เงินจะซื้อ
เราจะไม่อารมณ์เสียเมื่อพ่อห้ามกินทุเรียนในบ้าน เมื่อเข้าใจว่าพ่อเหม็นกลิ่นทุเรียนจนปวดหัว
เราจะแสดงตัวเลขต้นทุนที่ลดลง เพื่อให้พ่อเห็นว่าระบบที่ใช้มันดีต่อธุรกิจยังไง แทนที่จะทุ่มเถียงกันเสียงดังลั่นบนโต๊ะกินข้าว
เราจะเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายคิด แม้สุดท้ายจะไม่เห็นด้วย
และเมื่อเราเข้าใจ เราก็จะรู้ว่า เรื่องบางเรื่องเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์
และถ้าเราเข้าใจ เราจะปล่อยเรื่องราวเหล่านี้ให้ผ่านไป
ไม่ทุ่มเถียง ไม่แก้ไข เพราะทะเลาะไปก็มีแต่จะผิดใจกันเปล่าๆ
แนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่เรียกว่า ‘Agree to Disagree’ หรือการเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมา และยอมรับว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนใจใครได้ เพื่อหยุดยั้งการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกับพ่อแม่ จนอาจกลายเป็นปัญหาบานปลายไม่รู้จบ และยิ่งการทำธุรกิจกับคนในครอบครัว เรื่องของครอบครัวและเรื่องงานมักเชื่อมโยงกัน การมีสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว ย่อมส่งผลดีต่อการทำงานได้มากกว่า
การจะเกิด ‘Agree to Disagree’ ได้ เราต้องมี ‘Empathy’ หรือ ความเห็นอกเห็นใจ (ผู้อื่น) จนเข้าใจถึงความคิด มุมมอง อารมณ์ ความรู้สึก และเข้าใจเหตุผลเบื้องลึกของสิ่งที่คนคนนั้นทำร่วมด้วย
ถ้าอยากเริ่มเข้าใจความคิด ความรู้สึก และมุมมองของผู้อื่นได้ดีขึ้น การทำ ‘Empathy Map’ หรือ แผนที่ทำความเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เราเลือกตอบสนองความต้องการของพ่อแม่ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
สำหรับวิธีการทำ Empathy Map ฉบับการทำความเข้าใจพ่อแม่นั้น เป็นการเขียนถึงสิ่งที่พ่อแม่คิด รู้สึก รวมถึงประเด็นแวดล้อมต่างๆ ที่จะส่งผลต่อความต้องการของท่าน ถ้าหากใครอยากทดลองทำ ก็สามารถนำหัวข้อต่อไปนี้มาเขียน โดยการพยายามคิดในมุมมองของพ่อแม่เราดู
“Empathy Map สรุปความเข้าใจความต้องการของพ่อแม่”
(1) ความรู้สึกนึกคิด (Think & Feel) : สิ่งที่พ่อแม่กำลังคิดหรือรู้สึกอยู่ เป็นการตีความจากสีหน้า ท่าทาง คำพูด และการกระทำว่าพวกท่านมีความรู้สึกอย่างไร มีความกังวล หรือไม่เข้าใจอะไร
(2) คำพูดและพฤติกรรม (Say & Do) : สังเกตดูคำพูดหรือพฤติกรรมของพ่อแม่ขณะเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ หรือให้เราคอยโยนคำถามเพื่อเป็นการสัมภาษณ์ดูความต้องการแบบเนียนๆ ก็ได้
(3) บริบท (Hear & See) : เข้าใจบริบทหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ของพ่อแม่ในขณะที่พวกท่านตอบสนองกับสถานการณ์นั้นๆ เพื่อสังเกตพฤติกรรมว่า ปัจจัยโดยรอบใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อพ่อแม่
(4) ปัญหา (Pain) : สิ่งที่ทำให้พ่อแม่มี Emotional ต่อสถานการณ์นั้นๆ เพื่อให้เราได้ทำความเข้าใจพ่อแม่ และคิดหาวิธีรับมือ หรือแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม
(5) เป้าหมาย (Gain) : เป็นการสอบถามความต้องการที่แท้จริงของพ่อแม่ ว่ามีส่วนไหนบ้างที่อยากให้เราตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาให้กับพวกท่าน
สุดท้ายนี้ วิธีการทำ Empathy Map จะต้องอาศัยการฝึกฝนและเปิดใจของทุกฝ่าย พร้อมกับเน้นย้ำถึงการเข้าใจถึงความคิด มุมมอง อารมณ์ ความรู้สึก และเข้าใจเหตุผลเบื้องลึกของสิ่งที่คนคนนั้นทำด้วย เพื่อให้จุดเริ่มต้นในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีของคนต่างรุ่นราบรื่นมากขึ้น
#ทำที่บ้าน
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
ติดต่อ ธุรกิจของเรา
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
1034 ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
Bangkok
10100
เวลาทำการ
จันทร์ | 08:00 - 17:00 |
อังคาร | 08:00 - 17:00 |
พุธ | 08:00 - 17:00 |
พฤหัสบดี | 08:00 - 17:00 |
ศุกร์ | 08:00 - 17:00 |
120 Moo3 Chaeng Watthana Road
Bangkok, 10210
ศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง Twitter @THadmincourt
Bangkok
An official source for interested investors to look for new opportunities in Thailand. The Advisory Board on Building National Confidence and Image The office of the permanent sec...
920 Sukhumvit Road
Bangkok, 10110
SEAMEO was established in 1965 as a chartered international organisation to promote cooperation in education, science and culture in Southeast Asia.
254 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน
Bangkok, 10330
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรงพยาบาลศิริราช
Bangkok, 10700
สถาบันทางการแพทย์ของแผ่นดิน เพื่อสร้างสรรค์สุขภาวะแก่มวลมนุษยชาติ
ชั้น 8 อาคารวิทยพัฒนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาซอย 12 ถนนพญาไท กรุงเทพฯ
Bangkok, 10330
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)
99/7 The Legacy Viphawadi Bldg. , Soi Ladprao 8, Ladprao Road, Ladyao, Chatuchak
Bangkok, 10900
The Thailand Incentive and Convention Association (TICA) is a non-profit organisation established in