ร้าน สาย 4 สกรูน๊อต

Bloggang.com : : อ.กนก ไร้สนิม : เข้าใจสเตนเลส ไม่ยากอย่างที่คิด

เนื่องจากมีหลายๆท่าน มีความเข้าใจว่า "สแตนเลสแท้ต้องใช้แม่เหล็กดูดไม่ติด"
จากบทความของ อ.กนก ไร้สนิม
อธิบายไว้ว่า

"ถ้าทดสอบแบบเผิน ๆ แล้วจะรู้สึกว่าสเตนเลสตระกูล 300 นั้น จะไม่มีผลต่อการดูดติดของแม่เหล็กเลย บางคนนำแม่เหล็กก้อนโต แรงดูดสูง ๆ มาทดสอบก็ดูดไม่ติดก็เลยมั่นใจว่า ต้องเป็นสเตนเลสแท้ (บางคนเรียกว่า แท้ กับ ปลอม) แน่นอน แต่ในความเป็นจริงนั้นสเตนเลสตระกูลนี้ ถ้าเราลองตัด พับ ดัด ปั๊มขึ้นรูป รวมไปถึงการเชื่อมต่อ เราจะเห็นได้ว่าจะมีแรงดูดติด เมื่อนำแม่เหล็กมาทดสอบ แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนทดสอบมาแล้ว ก็บอกว่าไม่ติดแน่นอน ผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ใช้แม่เหล็กตัวเล็ก ๆ แรงดูดไม่มาก เบา ๆ ลองมาทดสอบดูว่า ดูดติดหรือไม่ การที่ใช้แม่เหล็กชิ้นใหญ่ ๆ มาดูด เพื่อตรวจสอบว่าเป็นสเตนเลสตระกูล 300 นั้น จะใช้ได้เพียงชี้บ่ง และแยกเกรดระหว่างสเตนเลสที่มีผลต่อการดูดติดได้ดี เช่นในสเตนเลสตระกูล 400 ตัวอย่างเช่น เกรด 430, 439 , 409, 420 เป็นต้น เพราะสเตนเลสในกลุ่มเหล่านี้ จะไม่มีธาตุบางธาตุผสมอยู่ เช่น ในตระกูล 300 จะมีธาตุนิเกิล ผสมอยู่และในตระกูล 200 จะมีธาตุแมงกานิส ที่นำมาผสมลงไปเพื่อลดปริมาณของธาตุนิเกิลลงนั่นเอง

อันนี้เป็นส่วนนึ่งของบทความว่าทำไมสแตนเลสถึงใช้แม่เหล็กดูดติดนะครับ

บทความยาวหน่อยแต่บอกละเอียดมาก ทั้งส่วนผสมของสแตนเลสแต่ละเกรด วิธีดูส่วนผสมเบื้องต้นจาก รหัสของสแตนเลส วิธีเลือกเกรดสแตนเลสเผื่อให้เหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆ

ขอบคุณ อ.กนก ไร้สนิม มาณ.ที่นี้ด้วยครับ _/l\_

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kck-stainless&month=07-2010&date=17&group=1&gblog=2"

Bloggang.com : : อ.กนก ไร้สนิม : เข้าใจสเตนเลส ไม่ยากอย่างที่คิด สวัสดีครับผู้ที่สนใจสเตนเลส และกำลังคิดว่าจะใช้สเตนเลสทุกท่าน นับได้ว่าเป็นความโชคดี สำหรับหลาย ๆ คนที่....

เซฟเก็บไว้บอกกับร้านค้าได้เลยครับ ว่าต้องการหัวลักษณะไหน .. 😉

Tool Mer | TH

https://www.lazada.co.th/shop/tool-mer/

อีกหนึ่งช่องทางสำหรับลูกค้าครับ 🙏🙏🙏 😉

lazada.co.th

วิธีการเลือกใช้หินเจียรทั่วไป สำหรับงานเจียระไนผิวราบ

Credit : https://th.misumi-ec.com/pr/technical_zone/selection_guide/grinding_stone201807/

การวัดความโต และ ความยาว ของ Bolt

ขออนุญาต อัพใหม่ ให้ดู ง่ายกว่าเดิม

ร้าน สาย 4 สกรูน๊อต

การใช้พุกกับวัสดุแต่ละประเภท

สกรูเกลียวหยาบ VS สกรูเกลียวละเอียด

ทำไมสกรูจึงต้องมีทั้งเกลียวหยาบและเกลียวละเอียดมีประโยชน์ต่างกันอย่างไร ?

โดยทั่วไปเรามักจะคิดว่าสกรูเกลียวหยาบจะมีจำนวน ฟันน้อยกว่าสกรูเกลียวละเอียดที่ความยาวเท่ากันเท่านั้น แต่ถ้าสังเกตสักนิดจะเห็นว่า

ขนาดฟันของสกรูเกลียวละเอียดจะเล็กกว่าเกลียวหยาบ หมายความว่าสกรูเกลียวหยาบจะมีเกลียวที่แข็งแรงกว่า ไม่รูดง่าย

สกรูความยาวเท่ากัน สกรูเกลียวหยาบจะหมุนเข้าได้เร็วกว่าเพราะจำนวนรอบน้อยกว่า ขณะที่ โอกาสจะหลุดออกมาก็มีมากกว่าเพราะจำนวนรอบน้อยกว่าเช่นกัน หรือถ้ามองอีกมุมนึง การหมุนสกรูเกลียวหยาบ 1 รอบ จะได้ระยะทางมากกว่าสกรูเกลียวละเอียด

จากเหตุผลข้างต้น เราสามารถบอกได้ว่า ถ้าเราต้องการความแข็งแรงของเกลียว เราควรเลือกสกรูเกลียวหยาบ งานทั่วไปส่วนใหญ่ก็ใช้สกรูแบบนี้ แต่ถ้างานของเราเป็นงานที่ต้องการความเที่ยงตรงสูงไม่หลุดง่ายและไม่ต้องการความแข็งแรงสูง เราควรเลือกสกรูเกลียวละเอียด ถ้าเราดูรถยนต์ของเราเป็นตัวอย่าง สกรูเกือบทั้งหมดในรถเป็นแบบเกลียวหยาบ แต่เวลาเราเติมลมยาง เราจะพบว่าเกลียวของจุกปิด จะเป็นเกลียวละเอียด เพราะไม่ต้องรับแรงกระแทก แต่ต้องการให้ยึดแน่นไม่หลุดง่าย

งานส่งต่างจังหวัด ขอบคุณลูกค้า ทุกท่านครับ 🙏

แจ้งวันหยุดวันสงกรานต์ครับ ..

ตารางขนาดของรีเวท เทียบเป็นหุน และมิล ..

แบบสกรู น็อตตัวเมีย และ หัวสกรูแบบต่างๆ

ตารางขนาดลูกปืนสไลด์ .. !!

คุณสมบัติ และ การใช้ลวดเชื่อม แบบ ต่างๆ

ช่วงนี้ส่งงานลงใต้บ่อย .. ขอบคุณลูกค้าทางภาคใต้ด้วยนะครับ 🙏🙏🙏

การใช้หวีวัดเกลียววัดขนาดเกลียวของสกรู

ส่วนประกอบที่สำคัญของเกลียวที่เราควรรู้จักคือ “Pitch” (พิทช์)
พิทช์ คือระยะห่างระหว่างเกลียว หรือระยะห่างระหว่างยอดฟันเกลียวสองยอดที่อยู่ติดกันนั่นเอง

เราสามารถวัดขนาดเกลียวของสกรูโดยใช้ 2 ระบบ ใหญ่ๆ เช่นเดียวกับการเรียกขนาดของสกรูนั่นคือ
1. ระบบเมตริก (Metric) หรือ “เกลียวมิล” วัดจากระยะห่างระหว่างเกลียว (pitch) โดยใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร ระบบนี้เป็นระบบที่เข้าใจได้ง่าย ซึ่งเราสามารถเอาไม้บรรทัดมาวัดระยะห่างของเกลียว และอ่านค่าได้ทันที ว่าสกรูตัวนี้มีระยะห่างของเกลียวกี่มิล

2. ระบบอเมริกัน (Inches) หรือ “เกลียวหุน” จะวัดจากการนับจำนวนเกลียวได้กี่เกลียวในระยะหนึ่งนิ้ว การวัดเกลียวแบบนี้มักจะเป็นปัญหากับผู้ที่ไม่คุ้นเคย เราสามารถเทียบขนาดจากนิ้วเป็นหุนได้ดังนี้

1/8″ = 1 หุน
3/16″ = หุนครึ่ง
1/4″ = 2 หุน
5/16″ = 2 หุนครึ่ง
3/8″ = 3 หุน
7/16″ = 3 หุนครึ่ง
1/2″ = 4 หุน
9/16″ = 4 หุนครึ่ง
5/8″ = 5 หุน
11/16″ = 5 หุนครึ่ง
3/4″ = 6 หุน
13/16″ = 6 หุนครึ่ง
7/8″ = 7 หุน
15/16″ =7 หุนครึ่ง
1” = 8 หุน

โดยระยะพิทช์ของระบบเกลียวมิล และหุนนั้นไม่เท่ากัน การที่พิทช์ไม่ท่ากันนั้น ทำให้เกลียวไม่สามารถขันไปตามร่องเกลียวได้ จึงนับเป็นส่วนสำคัญที่เราจะต้องรู้ว่าสกรูที่เราจะใช้นั้นเป็นระบบมิล หรือหุน การที่เราจะรู้ว่าเกลียวของเรานั้นเป็นระบบไหน วิธีทีที่ดีที่สุดก็คือการใช้หัวน็อตที่เราทราบระบบของเกลียว และมีขนาดเดียวกับเกลียวของเรามาขันกันดู ถ้าขันกันเข้าก็แปลว่าเป็นเกลียวระบบเดียวกันกับหัวน็อตตัวนั้น แต่ถ้าขันไปแล้วติดก็แปลว่าเป็นคนละระบบกัน แต่ถ้าไม่มีหัวน็อตให้ลอง อุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมในการวัดพิทช์ของเกลียวก็คือ หวีเกลียว (Pitch Gauge)

หากหวีเกลียวเบอร์ไหนทาบลงบนเกลียวแล้วแนบสนิทพอดี ก็ถือว่าเกลียวนั้นมีระยะเกลียวตามที่ระบุไว้บนหวีเกลียวนั่นเอง โดยหวีเกลียวนั้นจะแบ่งออกเป็นหวีเกลียวสำหรับมิล และหุน ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า เกลียวที่ทาบลงไปนั้นเป็นเกลียวระบบไหน

จะอยู่เกาะ (พะงัน) หรือ จะอยู่เขา เราก็ส่ง (ขนส่ง)ให้ .. 🏝 & ⛰
🤣🤣🤣

ส่งของทุกทิศทั่วไทย ขนส่งก็ได้ Kerry ก็ดี .. !! กาญนะจ๊ะบุรีก็ไป ..
🙏🙏🙏

ขอบคุณลูกค้าทุกท่านมากนะครับ 🙏🙏🙏

วิธีการวัดสกรูแต่ละแบบ
ตัวอย่าง
1.สกรูหัวเหลี่ยม M10 x 65
วิธีวัดความยาว วัดเฉพาะช่วงเกลียว
2.สกรูหัวจม M6 x 40
วิธีวัดความยาว วัดเฉพาะช่วงเกลียว
3.สกรูหัวเตเปอร์ M10 x 50
วิธีวัดความยาว วัดรวมหัว

ว่ากันด้วยเรื่อง
เครื่องเจาะ และ เครื่องคว้าน

https://sites.google.com/site/krrmwithikarphlitt/neuxha-sara/bth-thi-3-kheruxng-ceaa

ร้าน สาย 4 สกรูน๊อต's cover photo

การเจียระไน (Grinding)

การเจียระไนเป็นการแปรรูปวัสดุด้วยการขัดสีด้วยคมตัดที่เป็นวัสดุแข็งที่ถูกยึดให้ติดกันด้วยตัวยึด และขึ้นรูปเป็นฟอร์มต่างๆ ซึ่งเรียนว่า หินเจียระไน การเจียระไนด้วยหินเจียระไนสามารถกระทำได้หลายแบบ คือ การเจียระไนราบ (Surface Grinding) การเจียระไนกลม (Cylindrical Grinding) และการเจียระไนไร้ศูนย์ (Centerless Grinding)

1. การเจียระไนราบ (Surface Grinding)
เป็นการเจียระไนผิวราบทั่วไป ดังรูปที่ 1 ล้อหินเจียระไนหมุนอยู่ในแนวนอน และชิ้นงานเคลื่อนที่ผ่านล้อหินไปมาในแนวเส้นตรง (b) ล้อหินเจียระไนหมุนอยู่ในแนวนอน และชิ้นงานกลมหมุนผ่านล้อหิน (c) ล้อหินเจียระไนหมุนอยู่ในแนวตั้ง และชิ้นงานเคลื่อนที่ผ่านล้อหินไปมาในแนวเส้นตรง (d) ล้อหินเจียระไนหมุนอยู่ในแนวตั้ง และชิ้นงานกลมหมุนผ่านล้อหิน
รูปที่ 1 การเจียระไนผิวราบ
(ที่มา : http://it.doi.eng.cmu.ac.th/~wassanai/Manufacturing.htm)

2. การเจียระไนกลม (Cylindrical Grinding)
เป็นการเจียระไนชิ้นงานทรงกระบอก ซึ่งสามารถกระทำได้ทั้งภายนอกและภายใน ดังรูปที่ 2 การเจียระไนภายนอก ล้อหินเจียระไนหมุนอยู่ในแนวนอน ส่วนชิ้นงานก็หมุนอยู่ในแนวนอนเช่นกันแต่ชิ้นงานนั้นยังสามารถเคลื่อนที่ไปกลับตามแนวนอนได้ด้วย เพื่อให้สามารถเจียระไนชิ้นงานที่มีความยาวมากๆ ได้ และ (b) ชิ้นงานหมุนอยู่ในแนวนอน และล้อหินเจียระไนหมุนอยู่ในแนวนอนเช่นกันและล้อหินเจียระไนยังสามารถเคลื่อนที่ไปและกลับในแนวนอนได้ด้วย

รูปที่ 2การเจียระไนกลม (Cylindrical Grinding)
(ที่มา : http://it.doi.eng.cmu.ac.th/~wassanai/Manufacturing.htm)

3. การเจียระไนไร้ศูนย์ (Centerless Grinding)
เป็นเป็นการเจียระไนงานทรงกระบอกที่มีลักษณะคล้ายกับการเจียระไนกลม แต่ต่างกันตรงที่การเจียระไนชนิดนี้จะไม่มีการจับยึดชิ้นงานแต่อย่างไรแต่อาศัยล้อประคองจำนวนมากเป็นตัวประคอง ดังรูปที่ 3

รูปที่ 3การเจียระไนไร้ศูนย์ (Centerless Grinding)
(ที่มา : http://it.doi.eng.cmu.ac.th/~wassanai/Manufacturing.htm)

4. ล้อเจียนระไน (Grinding Wheel)
ล้อหินเจียระไนทำมาจากวัสดุเดียวกันตลอดทั้งก้อน โดยวัสดุที่นำมาทำล้อหินเจียระไนมี2 ชนิด คือ อลูมิเนียมออกไซด์ และซิลิกอนคาร์ไบด์ ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดนี้จะถูกยึดให้ติดกันด้วยตัวยึด แล้วนำมาขึ้นรูปให้มีรูปร่าง และขนาดที่หลากหลาย สามารถเลือกนำไปใช้งานได้หลายแบบ ดังรูปที่ 4

รูปที่ 4ล้อหินเจียระไนแบบต่างๆ

----------------------------------------------

รับเจียรเพลายันศูนย์
ติดต่อ 064-961-1645

Credit: https://sites.google.com/site/krrmwithikarphlitt/neuxha-sara/bth-thi-6-kar-ceiyrani

คุณสมบัติของเหล็กเกรดต่างๆ
เหล็ก SS400 คุณสมบัติ เหล็กแผ่นรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างทั่วๆ ไป
เหล็ก SKD11 คุณสมบัติ ทำลูกรีดเกลียว ลูกรีดแป๊ป ใบมีดตัดเหล็กแม่พิมพ์ปั้มขึ้นรูป แม่พิมพ์กรรไกร แม่พิมพ์กระดาษ ทนแรงตึงสูง
เหล็ก SKS3 คุณสมบัติ เหล็กทำแม่พิมพ์งานเย็น พิมพ์ตัด โลหะแผ่นบางและกระดาษ มีความสามารถในการชุบแข็งสูง ทนแรงเสียดสีได้ดี
เหล็ก SKD61 คุณสมบัติ เหล็กสำหรับทำแม่พิมพ์งานร้อน มีความแข็งแรงที่อุณหภูมิปกติและอุณหภูมิสูงๆทนการสึกหรอดีมาก ทนแรงกระแทกสูง รักษาความแข็งแรงที่สูงได้ดี ใช้ทำแม่พิมพ์อัดขึ้นรูปโลหะได้ดี
เหล็ก P20 คุณสมบัติเหล็กแม่พิมพ์พลาสติกคุณภาพสูง ขัดผิวขึ้นเงาได้ดีมาก ทำงานง่าย ทนแรงดัน
เหล็ก S45C คุณสมบัติ เหล็กคาร์บอนปานกลางเหมาะสำหรับงานพื้นฐานทั่วไป โครงสร้างแม่พิมพ์ และแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก ชุบแข็งได้ง่ายทนการเสียดสีได้ดี มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับทำชิ้นส่วนพื้นฐาน หรือโครงสร้างของแม่พิมพ์และงานทั่วๆ ไป
เหล็ก S50C คุณสมบัติ เหล็กคาร์บอนปานกลางเหมาะสำหรับงานพื้นฐานทั่วไป โครงสร้างแม่พิมพ์ และแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก ชุบแข็งได้ง่าย ทนการเสียดสีได้ดี มีความแข็งแรงสูงเหมาะสำหรับทำชิ้นส่วนพื้นฐาน หรือโครงสร้างของแม่พิมพ์และงานทั่วๆ ไป
เหล็ก SCM440 คุณสมบัติ เหล็กเครื่องมือมีคาร์บอนปานกลาง มีความเหนียว ทนแรงตึงสูง เหมาะสำหรับทำเครื่องมือ น๊อต สกรู เพลา ก้านสูบและชิ้นส่วนรถยนต์
เหล็ก SCM415 คุณสมบัติ ทนแรงดึงสูง มีความเหนียว เหล็กเครื่องมือ เหมาะที่จะเฟืองรอบจัด และงานที่ต้องการผิวที่แข็งเฉพาะผิว
เหล็ก SCM439,SNCM439 คุณสมบัติ เหล็กเครื่องมือทนแรงดึงสูง เหมาะสำหรับทำเพลาข้อเหวี่ยง เฟืองแกนพวงมาลัย เพลากลางรถยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องจักรที่มีความเครียดสูง
เหล็ก SK5 คุณสมบัติ เหล็กคาร์บอนสูง ชุบแข็งได้ง่าย ทนทานการเสียดสีได้ดี มีความแข็งแรงสูง มีคุณสมบัติเป็นสปริงสูง
เหล็ก SUP9 คุณสมบัติ ใช้สำหรับสปริงขึ้นรูปงานร้อน (Hot Format Spring) เช่นเหล็กแผ่นสปริง (Laminated Springs) เหล็กคอยล์ปริง และเหล็กแหนบสปริงที่ใช้ในรถยนต์
เหล็ก EH400 คุณสมบัติเป็นเหล็กทนสึก

Credit : http://www.siamintertech.co.th/content/3276/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%86

ID Line ที่ร้านครับ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกพิมพ์ สามารถสแกนได้เลยครับ

ส่วนประกอบในการอัดจารบี .. !!

แจกนามบัตรครับ เซฟ เก็บไว้ในมือถือ ได้เลยครับ .. 🙏

ดอกเอ็นมิลหรือดอกกัด เป็นดอกที่ใช้สำหรับงานกัด งานกลึง หรือใช้ตัดวัสดุต่างๆให้เป็นรูปแบบชิ้นงานที่ต้องการ วัสดุที่นำมาใช้ผลิตดอกเอ็นมิลทำมาจากเหล็กคุณภาพสูง เช่น ทังสเตนคาร์ไบต์ ไฮสปีดโคบอลต์ ทนต่อการสึกหรอ ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม การผลิตเพราะต้องการชิ้นงานที่มีคุณภาพ เที่ยงตรง

End Mill ส่วนใหญ่เป็นทรงกระบอกตรง
การเลือกดอก End Mill ให้เหมาะสมกับการใช้งานควรพิจารณาจากจำนวนฟัน ให้เหมาะสมกับการใช้งานควรพิจารณาจากจำนวนฟัน

แบบ 1 ฟัน
ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับเจาะเนื้อวัสดุที่นิ่ม และต้องใช้รอบสูงในการเจาะเพื่อให้เศษหลุดออกมาได้ง่ายเช่น อลูมิเนียม

แบบ 2 ฟัน
จะมีร่องคายเศษที่กว้างกว่าเหมาะสำหรับวัสดุที่นิ่มใช้ในกรณีกัดร่องลึกเพราะคายเศษได้ดี แต่แข็งแรงน้อยกว่าแบบลายฟัน

แบบ 4 - 8 ฟัน
สามารถเก็บรายละเอียดผิวได้สวยกว่านิยมใช้กับวัสดุแข็งเช่น เหล็ก แต่ร่องคายเศษจะเล็กจึงคายเศษได้ไม่ดี

พุก กับการใช้งาน

พุกแต่ละประเภท กับการใช้งาน

http://www.baanlaesuan.com/52473/the-editors/anchors/

baanlaesuan.com พุก อุปกรณ์สำหรับช่วยยึดนอตและสกรูเข้ากับพื้นหรือผนังที่มีความยืดหยุ่นน้อย เช่น พื้นคอนกรีต ผนังยิปซัม ใช้งานง่ายเพียงเจาะรูนำด้วยสว่านให้ได้ขนาดความลึก

เทคนิคการลับดอกสว่านอย่างง่าย

การลับดอกสว่าน

ในการเจาะชิ้นงานถ้าใช้ดอกสว่านที่คมและลับมุมที่ถูกต้อง จะทำให้งานที่เจาะมีผิวเรียบแต่ถ้าใช้ดอกสว่านที่ทื่อ จะทำให้ปากรูเจาะตอนที่สว่านทะลุออกมามีครีบเยินรอบปากรูทำให้เสียเวลาในการลบคมมาก ดอกสว่านที่ทื่อจะสังเกตได้จากริมขอบของคมหลัก จะถูกลบให้หายไป ซึ่งคมส่วนนี้สามารถลับใหม่ได้อีกโดยใช้หินเจียระไน ขณะลับดอกสว่านจะต้องระวังไม่ให้ส่วนที่ลับนั้นไหม้ ต้องหมั่นจุ่มน้ำอยู่เสมอ ดอกสว่านที่ร้อนมาก ๆ จะไหม้ ทำให้ความแข็งแรงของคมสว่านเสียไป ดังนั้น การลับดอกสว่านควรจะพิจารณาถึงวัสดุที่จะเจาะและมุมจิกที่ถูกต้องเหมาะสม

ขั้นตอนการลับดอกสว่านมีดังนี้
1) ตรวจสอบสภาพเครื่องเจียระไนก่อนทำการลับ
2) ปรับแท่นพักงานให้ห่างหินเจียระไนประมาณ 3 มิลลิเมตร
3) ตรวจสอบมุมของดอกสว่านก่อนทำการลับ
4) จับดอกสว่านให้ถูกวิธี เพื่อช่วยให้การหมุนลับดอกสว่านได้สะดวก
5) ต้องให้แกนดอกสว่านทำมุม 59 องศา กับผิวหน้าหินเจียระไน เพื่อให้ได้มุมที่ปลายดอกสว่านที่ถูกต้อง เพราะการเจาะวัสดุทั่ว ๆ ไปใช้มุมที่ปลายดอกสว่าน 118 องศา เพราะฉะนั้นจึงได้มุมข้างละ 59 องศา ซึ่งเป็นค่าที่ถูกต้อง
6) ขณะลับต้องนำดอกสว่านจุ่มน้ำหล่อเย็นบ่อย ๆ เพื่อระบายความร้อน ลับดอกสว่านสลับกันทีละข้าง จนได้ขนาดมุมเท่ากันตามต้องการ

วิธีการลับดอกสว่าน
1) หินเจียระไนจะต้องหมุนเข้าหาตัว
2) ตรวจสอบมุมของดอกสว่าน
3) วางดอกสว่านบนแท่นรองรับ ใช้มือซ้ายจับที่ปลายดอกสว่าน ห่างออกมาประมาณ 40 มิลลิเมตร และมือขวาจับที่ก้านดอกสว่าน
4) กดก้านดอกสว่านลงให้ด้าน “FLANK” สัมผัสหน้าหินเจียระไน
5) ลักษณะที่คมด้านนอก สัมผัสหน้าหินเจียระไนตอนเริ่มเจียระไนด้าน “FLANK” ของดอกสว่าน ขณะลับดอกสว่านต้องจุ่มน้ำระบายความร้อนบ่อย ๆ ไม่ให้ปลายคมจิกดอกสว่านไหม้ กดดอกสว่านกับหน้าหินและแท่นรองรับเบาๆจับด้านหมุนและกอเข้าหาหินเจียระไนเพียงเบา ๆ พร้อมกับหมุนเล็ก

ข้อควรคำนึงถึง
ในการลับคมตัดของดอกสว่านที่ใช้งานกันทั่ว ๆ ไป มุมคมตัดของดอก สว่านจะมีค่ามุมเป็น 118 องศา ครึ่งหนึ่งเท่ากับ 59 องศา เพราะฉะนั้น การทาบคมตัดของดอกสว่านจะต้องวางทาบให้ได้มุม 59 องศากับผิวหน้าของล้อหินเจียระไน แล้วจึงกดดอกสว่านพร้อมกับหมุนให้ลับช่วงด้านหลังให้เกิดมุมหลบ เพื่อลดการเสียดสีและทำให้เกิดคมตัดขึ้น

เขียนโดย ครูจิรยุทธ์

https://www.youtube.com/watch?v=g99aLlXAKgA

youtube.com เทคนิคการลับดอกสว่านอย่างง่าย โดย http://www.thaicarpenter.com เป็นเทคนิคเล็กๆ ในการใช้งานเครื่องมือต่างๆ ว่ามีวิธีการเจียร์ หรือลับดอกสว่านได้อย่างไรบ้าง คว...

หลักการเลือกใช้ใบตัด

การตัดเหล็กกล้าและเหล็กหล่อควรใช้ใบตัดกลมชนิดที่สารขัดถูเป็นอะลูมิเนียมออกไซด์ (Al2O3) หรือเรียกว่าใบตัดอ่อน (soft wheels) ในขณะที่โลหะนอกกลุ่มเหล็ก เช่น โลหะผสมอลูมิเนียม โลหะผสมทองแดง ควรใช้ใบตัดชนิดที่สารขัดถูเป็นซิลิคอนคาร์ไบด์หรือเรียกว่าใบตัดแข็ง (hard wheels) โดยสรุปแล้วหลักการง่าย ๆ หากต้องการตัดเหล็กกล้า โลหะผสมของเหล็กกล้า เหล็กหล่อที่มีความแข็งสูงควรใช้ใบตัดอ่อน และควรใช้ใบตัดแข็งกับงานตัดโลหะนอกกลุ่มเหล็กล้าที่มีความแข็งต่ำ เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนที่ผ่านการอบอ่อน สำหรับความหมายของใบตัดอ่อนและใบตัดแข็ง จะหมายถึงความง่ายของการหลุดออกของสารขัดถูและตัวประสานใบตัดชนิดอ่อนการหลุดออกของสารขัดถูและตัวประสานจะเกิดขึ้นได้ง่าย
ดังนั้นใบตัดประเภทนี้จะมีอัตราการสิ้นเปลืองสูงกว่าใบตัดชนิดแข็ง ใบบางครั้งหากเราตัดโลหะที่แข็งมากด้วยใบตัดที่สารขัดถูเป็นอะลูมิเนียมออกไซด์จะมีเศษโลหะแข็งนี้ติดอยู่กับใบตัดทำให้ประสิทธิภาพในการตัดลดลง วิธีแก้ไขทำโดยนำใบตัดนี้ไปตัดโลหะที่มีความแข็งต่ำเพื่อทำให้เศษโลหะที่ฝังตัวอยู่หลุดออกไปแล้วจึงนำมาใช้งานใหม่ นอกจากนี้ความหนาของใบตัดเหล็กก็ส่งผลต่อความหยาบของผิวชิ้นงานบริเวณรอยตัดด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ใบตัดที่มีความหนาเกินกว่า 0.5 มิลลิเมตร เหมาะที่จะใช้สำหรับตัดชิ้นงานที่มีความหนาเกินกว่า 1 นิ้ว รอยตัดที่ได้จะค่อนข้างหยาบแต่จะสามารถตัดได้เร็ว ส่วนใบตัดที่หนาน้อยกว่า 0.5 มิลลิเมตรก็เหมาะที่จะใช้ตัดชิ้นงานที่บางหรือความหนาต่ำกว่า 1 นิ้ว และจะได้รอบตัดที่ค่อนข้างเรียบ
การเก็บรักษาใบตัดกลมนี้ต้องวางในแนวราบและจัดเก็บ ณ อุณหภูมิห้องและมีความชื้นต่ำเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของใบตัด ในการใช้งานเครื่องตัดชนิดนี้เศษโลหะและเศษใบตัดจะปนอยู่ในระบบหมุนเวียนสารหล่อเย็นจึงต้องหมั่นตรวจสอบทำความสะอาดที่เก็บสารหล่อเย็น
เทคนิคในการตัด
1. ติดตั้งใบตัดโดยสวมเข้ากับแกนหมุนของเครื่องตัดตำแหน่งที่ 1 ในการติดตั้งจะต้องประกอบส่วนต่าง ๆ ประกบกับใบตัดเพื่อยึดใบตัดให้แน่นขณะทำการตัดเมื่อเปิดเครื่องใบตัดที่ติดตั้งบนแกนหมุนจะหมุนด้วยความเร็วรอบที่คงที่
2. การใส่ชิ้นงานที่จะทำการตัด ก่อนที่จะมาทำการวัดด้วยเครื่องตัดชนิดนี้หากชิ้นงานมีรูปร่างซับซ้อนหรือมีขนาดใหญ่ควรที่จะตัดย่อยด้วยเครื่องตัดอื่นมาก่อน ทั้งนี้เนื่องจากชิ้นงานที่จะมาตัดด้วยเครื่องชนิดนี้จะมีความหนาที่จำกัด (ขึ้นกับคุณลักษณะของเครื่องตัดแต่ละเครื่อง) และที่สำคัญชิ้นงานควรอยู่ในลักษณะที่สามารถทำการยึดให้แน่นได้ง่ายเพื่อที่จะได้อยู่นิ่งในขณะที่ใบตัดเข้าตัดชิ้นงาน การดีดออกหรือการสั่นของชิ้นงานขณะตัดเป็นสาเหตุหลักของการแตกของใบตัด
3. ในการตัดนั้นใบตัดจะเคลื่อนที่เข้าหาชิ้นงานที่ถูกจับยึดอยู่กับที่บนแท่นวางชิ้นงาน โดยเครื่องตัดจะมีทั้งแบบอัตโนมัติคือใบตัดจะเคลื่อนที่เข้าตัดชิ้นงานได้เอง และอีกแบบคือแบบใช้คนควบคุมเครื่อง (manual) ผู้ใช้งานจะต้องโยกคันโยกเพื่อให้ใบตัดเคลื่อนที่เข้าตัดชิ้นงาน
4. เครื่องตัดแบบที่ใช้คนควบคุมการตัดและต้องออกแรงกดเพื่อให้เกิดความเค้นกระทำ ณ ผิวสัมผัสของใบตัดกับชิ้นงาน อนุภาคของสารขัดถูที่อยู่บนสันใบตัดจะเกิดการขัดสีกับชิ้นงานทำให้เนื้อโลหะหายไปเกิดการตัดขาดของชิ้นงาน
5. ในการออกแรงกดขณะตัดจะต้องระมัดระวังมิให้แรงกดสูงเกินไปโดยเฉพาะตอนเริ่มต้นใบตัดยังไม่กินเนื้อโลหะ แรงกดที่มากไปจะทำให้ใบตัดเกิดการสะเทือนได้มากจนกระทั่งใบตัดแตกบิ่น ไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป
6. ในขณะตัดต้องเปิดน้ำหรือสารหล่อเย็นเพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างใบตัดกันชิ้นงานอันจะเป็นการช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองของใบตัดและนอกจากนี้การหล่อเย็นจะช่วยป้องกันการเสียหายต่อชิ้นงาน เช่น การไหม้ การเสียรูป การเปลี่ยนโครงสร้างอันเป็นผลจากความร้อน
การที่ใบตัดเสียดสีกับชิ้นงานทำให้อนุภาคสารขัดถูที่สัมผัสกับชิ้นงานหลุดออกไปเรื่อย ๆ ดังนั้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของใบตัดจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อใช้งาน ข้อดีของเครื่องตัดชนิดใบตัดกลมสารขัดถูก็คือเนื้อโลหะสัมผัสกับสารขัดถูที่ถูกเปิดผิวขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดนั่นเองทำให้การตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สารหล่อเย็นที่ใช้ในการตัดมี 2 ลักษณะคือ เครื่องตัดแบบที่ไม่มีระบบหมุนเวียนของสารหล่อเย็นเวลาติดตั้งเครื่องก็จะต้องต่อท่อน้ำประปาและท่อระบายน้ำเข้ากับเครื่องด้วย เวลาตัดก็จะใช้น้ำประปาเป็นตัวหล่อเย็นซึ่งก็สามารถใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง อีกแบบหนึ่งจะเป็นเครื่องตัดแบบที่มีระบบหมุนเวียนของสารหล่อเย็นประกอบด้วย ปั๊มน้ำและถังเก็บสารที่ใช้หล่อเย็นจะเป็นน้ำผสมกับสารยับยั้งการเกิดออกไซด์ของโลหะหรือสนิมเหล็กซึ่งก็จะทำให้ลดการเกิดสนิมที่ผิวชิ้นงานได้ แต่การที่เป็นระบบหมุนเวียนนี้จะทำให้เศษโลหะที่หลุดออกมาและเศษใบตัดไหลกลับเข้าไปในถังเก็บและตกตะกอนอยู่ก้นถัง ดังนั้นควรหมั่นทำความสะอาดถังเก็บสารหล่อเย็นและเปลี่ยนสารหล่อเย็นเมื่อเห็นว่าสกปรก
เลื่อยใบตัดกลมชนิดสารขัดถูแบบที่สามารถเคลื่อนบ้านได้ (Portable Abrasive Saw)
เครื่องตัดชนิดนี้ใช้สำหรับการตัดท่อ โลหะ วัสดุที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนย้ายชิ้นงานได้ยาก จุดประสงค์เพื่อย่อยให้ชิ้นงานมีขนาดเล็กลงโดยตัดเอาบริเวณส่วนต้องการจะทำการตรวจสอบแล้วจึงนำมาตัดด้วยเครื่องตัดแบบที่ใช้ในห้องปฏิบัติการตรวจสอบโครงสร้างต่อไปได้ เหตุที่ไม่สามารถใช้เครื่องลักษณะนี้เตรียมชิ้นงานเพื่อตรวจสอบโครงสร้างทางโลหวิทยาได้โดยตรงเนื่องจากรอยตัดที่เกิดจากการใช้เครื่องตัดชนิดนี้จะมีผิวหยาบ เนื้อโลหะบริเวณรอยตัดจะเกิดความเสียหายโดยจะเกิดการเปลี่ยนรูปถาวร (plastic deformation zone) จึงต้องทำการตัดด้วยเครื่องตัดละเอียดอีกครั้ง
เครื่องตัดเฉือน
เป็นอุปกรณ์สำหรับตัดโลหะแผ่นบางเพื่อเตรียมชิ้นงานสำหรับงานตรวจสอบโครงสร้างทางโลหวิทยาต่อไป เครื่องตัดเฉือนที่ใช้กันทั่วไปมีทั้งแบบที่ทำงานโดยอัตโนมัติและควบคุมโดยคน ดังแสดงตัวอย่างเครื่องตัดเฉือน
อย่างไรก็ตามรอยตัดของชิ้นงานที่ได้จะมีผิวเรียบ ไม่ค่อยคมนักและมักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจุลภาคที่เป็นผลจากการขึ้นรูปเย็น (cold work microstructure) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจุลภาคของชิ้นงานจะกินบริเวณลึกเข้าไปจากรอยตัดมากพอสมควร จนกระทั่งการขัดหยาบหรือการเจียรเรียบไม่สามารถเอาเนื้อโลหะส่วนนี้ออกไปได้หมด ดังนั้นจึงควรตัดเตรียมชิ้นงานให้มีขนาดใหญ่พอสมควรเพื่อที่จะเลือกบริเวณหรือพื้นที่ที่จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างทางโลหะวิทยา และเลือกเอาบริเวณที่จะตรวจสอบโครงสร้างโดยเอาส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบจาการตัดนี้ ควรเลือกใช้เครื่องตัดเฉือนที่มีความคมมากในการตัดโลหะแผ่นที่มีความหนาไม่มากนัก

Cr. อุตสาหกรรมโลหะ