efinanceThai

กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มีผลทันที ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.25% สูงสุดในรอบ 9 ปี

KBANK ส่ง `กสิกร อินเวสเจอร์` รุกสินเชื่อรายย่อย หวังพอร์ตปีนี้ 4.5 หมื่นลบ. - กำไร 1.1 พันลบ.
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด หรือ เคไอวี (KASIKORN INVESTURE: KIV) เป็นบริษัทโฮลดิ้งภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย โดยสาเหตุที่แยกจากบริษัทแม่ KBANK เพื่อรุกธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธนาคารและพันธมิตร เพื่อสร้างรายได้บนความเสี่ยงที่คุ้มค่า ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม
"ธนาคารได้ปรับรูปแบบการบริหารจัดการของเคไอวี โดยมีคุณพัชร สมะลาภา เข้าดำรงตำแหน่ง Group Chairman ของ เคไอวี และแยกเคไอวีออกมา เพื่อทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ภายใต้การใช้ศักยภาพที่มีอยู่ของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารมั่นใจว่า การปรับครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการให้บริการการเงินกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย และสร้างรายได้ใหม่ให้กับธนาคาร ทำให้ธนาคารมีกำไรทางธุรกิจที่สูงกว่าธนาคารบริหารจัดการเอง รวมทั้งทำให้ธนาคารมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งถือว่า KIV จะเป็นอีกเรือธงเพื่อผลักดัน KBANK" นางสาวขัตติยา กล่าว
ด้านนายพัชร สมะลาภา Group Chairman ของ บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายของ เคไอวี คือ เพิ่มความสามารถในการให้บริการการเงินกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย เช่น พ่อค้าแม่ค้า หรือกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงธนาคารได้ ซึ่งมีโจทย์สำคัญคือ ต้องลดต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) และลดต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) เพื่อให้ยังคงความสามารถในการสร้างกำไรของธุรกิจ การดำเนินงานของเคไอวีอาศัยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรในแต่ละด้าน รวมกับการใช้โครงสร้างและทรัพยากรของธนาคารกสิกรไทยที่มีอยู่แล้ว เช่น จำนวนลูกค้ากว่า 20 ล้านราย K PLUS เงินทุน ข้อมูล ไอที และสาขา เป็นต้น ซึ่งทำให้เคไอวีมีความเข้าใจลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น สามารถให้บริการการเงินที่ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย เจ้าของร้านค้ารายเล็ก กลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ให้สามารถใช้บริการการเงินในระบบได้มากขึ้น
โดยภาพรวมเคไอวี มีมูลค่าการลงทุนรวมในปี 66 อยู่ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท และในปี 69 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 65,000 - 70,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะใช้แนวทางสร้างมูลค่าเดิมที่มีอยู่โดยไม่ได้ลงทุนเพิ่ม
ด้านการปล่อยสินเชื่อปีนี้อยู่ที่ 40,000 - 45,000 ล้านบาท และปี 69 คาด 75,000 - 80,000 ล้านบาท และคาดกำไรปีนี้ที่ 900 - 1,100 ล้านบาท และปี 69 คาดกำไร 4,500 - 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทที่อยู่ในโครงสร้างของเคไอวี ประกอบด้วย 14 บริษัท
**********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

#กสิกรอินเวสเจอร์

NOBLE ลุย 7 โครงการใหม่ครึ่งปีหลังกว่า 1.8 หมื่นลบ. - ยันไร้โครงการก่อสร้างผิดกฎหมาย
นายธงชัย บุศราพันธ์ รอง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดเผยว่า แนวโน้มทิศทางผลประกอบการนั้น บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/66 จะเติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1-2 ของปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะมีการบันทึกรายได้จากการขายหุ้นใน บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด และบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด ให้กับ บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาให้มือเพิ่มเติมอีกกว่า 1,400 ล้านบาท
โดยบริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ตามเป้า 12,000 ล้านบาท หลังในช่วงที่ผ่านมามีการรับรู้รายได้ไปแล้ว 3,200-3,500 ล้านบาท ประกอบกับคาดว่าในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้จะมียอดขายอีกหลายโครงการที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามา โดยปัจจุบันบริษัทยังมียอดขายในมือที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) รวมกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ต่อเนื่องใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเฉลี่ยปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท พร้อมคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะโตมากกว่าระดับ 10% ขึ้นไป
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 18,300 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในโครงการใหม่นั้นมีโครงการประเภทแนวสูง 1 โครงการ มูลค่ากว่า 9,900 ล้านบาทรวมอยู่ด้วย หลังจากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วจำนวน 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท แม้ว่าครึ่งแรกปีเป้าหมายยอดขายอาจจะลดลงต่ำกว่าแผนที่วางไว้ แต่ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ยอดขายทั้งปีนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ที่ 22,000 ล้านบาท
นอกจากนี้สำหรับการเข้าไปถือหุ้นใน PROUD นั้น ยืนยันว่า PROUD ไม่มีที่ดินที่เกี่ยวข้องกับ รฟม. เลย และการที่บริษัทเข้าไปลงทุนเนื่องจากเห็นศักยภาพในอนาคต ซึ่งจะมีการบันทึกเป็นผลกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาในงบ เพราะถือหุ้นในสัดส่วนแค่ระดับ 5-6% เท่านั้น
สำหรับขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการนิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว และโครงการโนเบิล รีวอลฟ์รัชดา ที่ได้มีทางเข้า-ออกเกี่ยวข้องกับพื้นที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นั้น ยืนยันว่าทั้ง 2 โครงการ ได้รับอนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายและได้ดำเนินการก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
สำหรับโครงการ นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว ได้ขออนุญาตก่อสร้าง โดยใช้ทางเข้า-ออกจากถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของอาคารจอดรถแล้วจรของ รฟม.โดยที่ดินเดิมของโครงการฯมีทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะ แต่ถูกเวนคืนโดย รฟม. ส่งผลให้ที่ดินที่เป็นที่ตั้งโครงการฯไม่มีทางเข้า-ออก ด้วยเหตุนี้ รฟม. จึงชอบที่จะอนุญาตให้ใช้ทางเข้า-ออกของอาคารจอดรถแล้วจรดังกล่าวเป็นทางเข้า-ออกของโครงการฯ ได้ เพื่อคงสิทธิในการใช้ทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะที่มีอยู่เดิมโดยชอบก่อนการเวนคืน โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาซึ่งการที่ รฟม. อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้วัตถุประสงค์ของการเวนคืนเดิมเสียไปและ รฟม. ยังคงใช้ที่ดินได้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนตามปกติโดยอาคารจอดรถของ รฟม. ดังกล่าวได้เปิดใช้งานแก่ประชาชนทั่วไปตั้งแต่ปี 47 จนถึงปัจจุบัน กรณีนี้จึงเห็นได้ชัดว่ารูปแบบการใช้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิมทุกประการ และไม่ได้มีการดัดแปลงรูปแบบการใช้งานที่มีอยู่เดิมย้ายตำแหน่งหรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของทางเข้า-ออกแต่อย่างใด ทางเข้า - ออกของโครงการจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว
ขณะที่โครงการ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ได้ขออนุญาตก่อสร้าง โดยใช้ทางเข้า-ออก จากถนนรัชดาภิเษก ซอย 6 โดยที่ดินเดิมของโครงการฯได้ถูกเวนคืนโดย รฟม. บางส่วน เพื่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม อาคารจอดรถแล้วจร และลานจอดรถเพิ่มเติม ส่งผลให้ที่ดินโครงการฯ ไม่มีทางเข้าออก ด้วยเหตุนี้ รฟม. จึงชอบที่จะอนุญาตให้ใช้ที่ดินบางส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ในการผ่านเข้า-ออกของโครงการฯ เพื่อคงสิทธิในการใช้ทางเข้า-ออกสู่ถนนสาธารณะที่มีอยู่เดิมโดยชอบก่อนการเวนคืน โดยไม่มีเงื่อนระยะเวลา
ซึ่งการที่ รฟม. อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดังกล่าวเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมทุกประการ ไม่ได้มีการดัดแปลงรูปแบบการใช้งานที่มีอยู่เดิมย้ายตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของทางเข้า-ออกแต่อย่างใด เพราะแต่เดิม รฟม. ก็ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางเข้า-ออกของลานจอดรถอยู่แล้ว จึงสามารถกระทำได้ ทั้งนี้บริษัทยังได้นำที่ดินอีกส่วนหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนเป็นภาระจำยอมเพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกร่วมกันของโครงการ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ด้วย ดังนั้นทางเข้า-ออกของโครงการจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว
.
**********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น
#โนเบิลดีเวลลอปเมนท์

ฝรั่งเศส ตั้งตนเป็นคนกลาง หวังสานสัมพันธ์สหภาพยุโรปและจีน

เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจีนจึงเปิดทางให้ฝรั่งเศสเจรจาการค้า ประนีประนอมในด้านต่างๆ

ความสัมพันธ์นี้ แสดงถึงความเสื่อมของอิทธิพลสหรัฐฯ หรือไม่

ความสัมพันธ์นี้ จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน

ติดตามได้ใน world watcher live 02/08/2566 ตอน อำนาจมะกันเสื่อม ฝรั่งเศสตัดตอนสานสัมพันธ์จีน
พูดคุยกับ รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์
#ฝรั่งเศส #จีน #มาครง #สหรัฐฯ #สหภาพยุโรป #เศรษฐกิจ #การเมือง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เทคโนโลยี #การค้า

เปิดโผ 10 หุ้น `ต่างชาติ` ซื้อ-ขาย มากสุด เดือนก.ค. และ รอบ 7 เดือน ปี 66

เปิดโผ 10 หุ้น นักลงทุนต่างชาติ ซื้อ - ขายสุทธิ มากสุดในเดือนก.ค.66 และรอบ 7 เดือนปี 66 พบ KBANK - AOT - ฺกลุ่ม PTT ถูกขายหนักกดตลาด ส่วน DELTA - CPALL-CPAXT -KTB - BBL ถูกซื้อมากสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยที่ 7 เดือนปี 66 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยส่วนสำคัญ เป็นแรงขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติมากกว่า 1.19 แสนล้านบาท หรือแม้แต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 1.26 หมื่นล้านบาท สำหรับในช่วงเดือน ก.ค.66 ที่ผ่านมา พบว่า
หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจและซื้อสุทธิ เช่น BBL , KTB , DELTA , PTTEP และ CPALL ส่วนที่ขายสุทธิ เช่น BDMS , AOT , GULF , PTTGC และ CRC ส่วนในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่า หุ้นที่มีการซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติ คือ DELTA , CPALL , CPAXT , KTB และ BBL และหุ้นที่มีการขายสุทธิ ได้แก่ KBANK , AOT , BANPU , KKP และ PTT

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

📌ASPS มอง กนง.ขึ้นดบ.อีก 0.25% ฉุดเป้า SET แต่วอลุ่มตลาดฟื้นช่วยหนุนเป้าดัชนีแตะ 1,610 จุด

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส (ASPS) เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า หาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% กดดัน Target SET ปลายปี โดยในอดีตตั้งแต่ ส.ค.65 – ปัจจุบัน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วกว่า 6 ครั้ง ครั้งละ0.25% จึงส่งผลให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 0.75% สู่ระดับ 2.00%โดยวันนี้จับตาการประชุม กนง. ที่จะมีมติเรื่องของการปรับ หรือ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.00% โดย Bloomberg Consensus คาดว่ากนง.จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.25% ตามการส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ของ กนง.
อ่านข่าวฉบับเต็ม : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=UlUzSGo4VDFHUlk9

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น
#กนง.

มาร่วมเตรียมความพร้อมเป็นเทรดเดอร์ไปด้วยกันกับงาน!
ติว(อินเวส)เตอร์ Vol.6 "Tomorrow Trader" เทรดเพื่ออนาคต
งานสัมมนาที่จะทำให้คุณกลายเป็นเทรดเดอร์ตัวจริง
จากเทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์อาทิ เช่น
- Mindset ของเทรดเดอร์และวิธีหาหุ้นเพื่อเทรดสไตล์เทรดเดอร์มืออาชีพ
โดย คุณซัน กระทรวง จารุศิระ Super Trader

- แนะนำฟังก์ชันที่จะช่วยให้ทุกการเทรดของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม
โดย อ.รัสรินทร์ วิไลธนวีระกุล efin School

- Update ภาพรวมตลาด พร้อมแนะนำหุ้นที่น่าลงทุน
โดย คุณพงศ์พัฒน์ ค้ำชู/คุณณัฐ ตรีพูนสุข บล.หยวนต้า

- การใช้เครื่องมือ เทรดอย่างมีกลยุทธ์
โดย อ.วชิรเมษฐ์ ธเนศสถิตพงษ์ efin School
พบกัน วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2566 เวลา 12:00 - 17.30 น.
ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ลงทะเบียนได้ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำรองที่นั่งและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แล้วที่นี่ >> https://bit.ly/454MIrz
**ขอสงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนเท่านั้น ไม่รับ Walk in เนื่องจากจำนวนที่นั่งมีจำกัด**
#หุ้น #เทรดเดอร์ #ติวอินเวสเตอร์ #หุ้นน่าลงทุน #สัมมนาฟรี

ราคาทองคำแท่งประจำวันที่ 02 สิงหาคม 2566

#ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ #ทองคำ
#อีฟินโกลด์ #ลงทุนทองคำแท่ง

สมัครสมาชิกง่ายๆเพียง 2 ขั้นตอน :
https://www.efingold.com/Register?step=1
ทำไมต้องลงทุนกับ efinGold :
https://www.efingold.com/whyEfingold
เกี่ยวกับเรา :
https://www.efingold.com/aboutUs

ติดตามข่าวสาร บทความดีๆและเทรดทองคำได้ง่ายๆที่ :
https://bit.ly/3j5jWPI

📍ALL ขายที่ดิน-ทรัพย์สิน คืนหนี้หุ้นกู้ 2.4 พันลบ. ส่วน KKP เรียกคืนหนี้ 263 ลบ.พร้อมเบี้ยปรับ


บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP ในฐานะผู้ให้กู้ ได้ส่งหนังสือขอให้ชำระหนี้ว่า บริษัทในฐานะผู้กู้ได้ประพฤติผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามข้อกำหนดตามสัญญาสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งเมื่อคำนวณภาระหนี้สิ้นสุด ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นเงินจำนวน 252,067,562.50 บาท และดอกเบี้ย 11,609,038.03 บาท รวมเป็นเงิน 263,676,600.53 บาท ธนาคารขอให้บริษัทชำระหนี้ดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยค้างชำระในอัตราสูงสุด กรณีผิดนัดชาระหนี้ของต้นเงิน นับแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 จนถึงวันชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยให้นำเงินมาชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้
ทั้งนี้ หากบริษัทไม่ชำระเงินต้นและพร้อมดอกเบี้ยตามที่บอกกล่าวข้างต้นได้ครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนด ธนาคารมีความจำเป็นจะต้องใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ขอให้บริษัทชำระหนี้โดยพลัน โดยบริษัทไม่สามารถชำระเงินต้นคงค้าง รวมถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระของหุ้นกู้ทั้ง 7 รุ่นข้างต้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,415,897,783.61 บาท (ประกอบด้วยเงินต้น 2,334,200,000 บาท และดอกเบี้ยผิดนัด 81,697,783.61 บาท) ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ดังนั้น เมื่อนำมูลหนี้หุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระโดยพลัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 400 ล้านบาท จึงเป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ที่เหลือ (Cross Default)
BAY ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 4/2566 ในวันที่ 2 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. เพื่อขอมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในการดำเนินการเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือดำเนินการฟ้องร้อง และบังคับจำนองทรัพย์สินหลักประกันของผู้ออกหุ้นกู้
ทั้งนี้แนวทางแก้ปัญหา แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและปัญหาสภาพคล่องของบริษัท แต่มูลค่าทรัพย์สินของบริษัท โดยเฉพาะที่ดินและทรัพย์ที่เป็นหลักประกันของหุ้นกู้ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีศักยภาพทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง และยังคงมีมูลค่าเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ครบถ้วนหากสามารถขายทรัพย์ได้สำเร็จ ซึ่งบริษัทยังคงเร่งดำเนินการขายทรัพย์อยู่ ปัจจุบัน บริษัทหยุดการดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ ชั่วคราว
ในส่วนของข้อมูลที่บริษัทยังชี้แจงไม่ครบถ้วนตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถาม เช่น การใช้เงินจากเงินรับล่วงหน้าค่าที่ดินจากกิจการร่วมค้า ความคืบหน้าในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขาย ความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อขยายระยะเวลาการจ่ายชำระค่าซื้อที่ดิน การเปิดเผยข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการและกิจการที่เกี่ยวข้องและการกู้ยืมที่มีนัยสำคัญให้ถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดนั้น บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการและคาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วนได้ภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2566

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

ฟิทช์ เรทติ้งส์ หั่นอันดับเครดิตรัฐบาลสหรัฐฯ ลงจาก AAA สู่ AA+ ระบุการเสื่อมสภาพทางการคลังอีก 3 ปีข้างหน้า รวมถึงภาระหนี้ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล

ราคาน้ำมันดิบ ปิดลดลงจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสัญญาณขายทำกำไร หลังราคาพุ่งแรงในก.ค. จากนลท. คาดอุปทานโลกตึงตัวและอุปสงค์ขยายในครึ่งปีหลัง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมวันทำการแรกของส.ค. ก่อนรายงานข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ และงบบริษัทสำคัญปลายสัปดาห์นี้

สรุปข่าวเด่น สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2566
***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น
#สรุปข่าวเด่น
#อีไฟแนนซ์ไทย

สรุปข่าวเด่น สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 สรุปข่าวเด่น สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2566สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -2 ส.ค. 66 6:18: น. ประเด็นร้อน : เปิ...

เชิญชวนเพื่อนๆนักลงทุนทำแบบสำรวจความพึงพอใจกับคุณภาพสำนักข่าวทางการเงินและการลงทุนในประเทศไทย

P.S. ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาทำแบบสอบถามให้นะคะ 😀

การตลาด - การตรวจวัดสุขภาพของแบรนด์ คำตอบของคุณเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเรา.

1 สิงหาคม "วันอาสาฬหบูชา"
วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนากัณฑ์แรก ชื่อว่าธัมมจักกัปปวัตตนสูตร โปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
มีเหตุการณ์สำคัญทำให้ท่าน พระโกณฑัญญะ 1 ในพระปัญจวัคคีย์ ได้ดวงตาเห็นธรรม ขออุปสมบทเป็นพระสงฆ์องค์แรกของพระพุทธศาสนา และทำให้พระรัตนตรัยครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

📍ย้อนอดีต SHIN ในมือ “ทักษิณ” สู่ INTUCH ภายใต้บังเหียน “สารัชถ์”

การประกาศการกลับมาของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ระบุว่าจะกลับมาในวันที่ 10 ส.ค. นี้ ท่ามกลางกระแสการเมืองในประเทศที่ยังไม่ได้ตัวนายกรัฐมนตรี และยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่หากพูดถึง “ทักษิณ” แล้ว แวดวงการเงิน ตลาดหุ้นไทย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นบุคคลที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับตลาดหุ้นไทยไม่น้อย ด้วยการก่อตั้งกลุ่มบริษัท "ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN)" หนึ่งในบริษัทด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมชั้นแนวหน้าของไทย ก่อนที่ในปี 2549 ตระกูลชินวัตร ได้ขายหุ้นที่ถือครองทั้งหมดใน “ชินคอร์ป” ให้กับ “เทมาเส็กโฮลดิงส์” มูลค่าการขายกิจการอยู่ที่ 73,271 กว่าล้านบาท นับเป็นการขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในเวลานั้น
โดยต่อมาในปี 2554 ได้เปลี่ยนชื่อจาก SHIN เป็น “อินทัช” (INTUCH) ซึ่ง INTUCH ได้ดำเนินธุรกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการสื่อสารในไทยผ่าน ADVANC แม้ว่าการดำเนินธุรกิจจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เบื้องหลังนั้น กลุ่มเทมาเส็ก ก็ทยอยตัดขายหุ้นอยู่ออกมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายขายให้กับ SINGTEL GLOBAL INVESMENT PTE
การเปลี่ยนมือของหุ้น INTUCH ยังไม่จบเพียงเท่านี้ โดยในปี 2563 - 2564 ก็ต้องถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดยครั้งนี้ INTUCH ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง มาอยู่ ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF บริษัทผู้ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าและพลังงานเบอร์ต้นๆ ของไทย ภายใต้การนำของ "สารัชถ์ รัตนาวะดี"
จน ณ เวลานี้ GULF ได้ถือครองหุ้น INTUCH เป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 41.19% โดย “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” จึงได้นำข้อมูลของหุ้น SHIN ในสมัยปี 49 ที่ “ทักษิณ” ดูแลในปีสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนมือให้กับ “เทมาเส็กโฮลดิงส์” มาเทียบว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน เมื่อมาอยู่ภายใต้การบริหารของ GULF

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

📌PTTEP เผย Q2/66 กำไรโตทะลุ 2.1 หมื่นลบ. - แจกปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/66 มีกำไร 21,039.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.13% จากงวดเดียวกันปี 65 ส่วนงวดครึ่งปี 66 มีกำไร 40,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.57% จากงวดเดียวกันปี 65
PTTEP ชี้แจงงบการเงินโดยใช้หน่วยเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ไตรมาส 2 ปี2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 610 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 2%เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี2565 แม้ว่ารายได้จากการขายลดลง แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยหลักจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงจากขาดทุนในไตรมาส 2 ปีก่อนเป็นกำไรในไตรมาสนี้ โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 585 ล้านดอลลาร์ ลดลง 62 ล้านดอลลาร์ จากรายได้จากการขายลดลง 459 ล้านดอลลาร์ จากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลง ในขณะที่ภาษีเงินได้ลดลง 227 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากโครงการในประเทศไทย ประเทศโอมาน และประเทศมาเลเซียตามกำไรที่ลดลง นอกจากนั้นค่าภาคหลวงลดลง 85 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่จากโครงการสัญญาแบ่งปันผลผลิตในประเทศไทยมีสัดส่วนรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น และโครงการในประเทศมาเลเซียมีรายได้จากการขายลดลง
ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 44 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากโครงการมาเลเซีย แปลง เค และรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 31 ล้านดอลลาร์ จากเงินสดคงเหลือเพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
กำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ จำนวน 25 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 72 ล้านดอลลาร์จากการรับรู้กำไรจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันจำนวน 2 ล้านดอลลาร์ (ซึ่งรวมกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการ Mark to Market จำนวน 4 ล้านดอลลาร์ ) จากราคาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าปรับตัวลดลง
นอกจากนั้นไตรมาสนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 9 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากการจ่ายเงินปันผลในเดือนเมษายน ปี2566 ซึ่งเป็นช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าลง ในขณะที่ไตรมาส 2 ปีก่อนรับรู้ขาดทุนที่ 44 ล้านดอลลาร์ โดยหลักจากการรับเงินลูกหนี้การค้าในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าลง
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 4.25 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2566
สำหรับช่วงที่เหลือปี 2566 ประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 จากความต้องการใช้ตามฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศฝั่งตะวันตก และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ในประเทศจีนประเมิน ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวในกรอบราคา 70–80 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล
ส่วนสถานการณ์LNG ในตลาดโลกยังคงอยู่ในภาวะล้นตลาด โดยกำลังการผลิตรวมจากโครงการเดิมและโครงการใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านตันต่อปี ส่งผลให้ปริมาณรวมอยู่ที่ 430 ล้านตันต่อปี (คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 5จากปี 2565) คาดการณ์ราคาเฉลี่ย Asian Spot LNG สำหรับปี 2566อยู่ประมาณ 13– 17 ดอลลาร์ ต่อล้านบีทียู
ส่วนแนวโน้มของ PTTEP คาดการณ์ปริมาณการขายเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 3 ปี2566และทั้งปี 2566 ที่ประมาณ 470,000และ 464,000 บาร์เรลเทียบเท่า น้ำมันดิบต่อวัน ตามลำดับ ลดลงจากปี2565โดยหลักจากปริมาณขายของโครงการต่างประเทศที่ลดลง
ส่วนราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566และทั้งปี 2566จะอยู่ที่ประมาณ 5.8และ 6.0 ดอลลาร์ ต่อล้านบีทียูตามลำดับ ลดลงจากปีก่อนหน้าโดยเป็นผลจากสัดส่วนปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของโครงการจี 1/61(เอราวัณ) และโครงการจี2/61(บงกช) ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ซึ่งมีราคาขายก๊าซธรรมชาติต่ำกว่าในระบบสัมปทานเดิม รวมถึงการปรับลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย
บริษัทมีการเข้าทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันโดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี2566 มีปริมาณน้ำมันภายใต้การประกันความเสี่ยงดังกล่าว จำนวน 3.2 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ บริษัทมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันตามความเหมาะสม
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566และทั้งปี 2566 PTTEP คาดว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 27– 28 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงจากต้นทุนต่อหน่วยของปี 2565โดยหลักจากรายจ่ายค่าภาคหลวงต่อหน่วยที่ลดลงจากสัดส่วนปริมาณขายของโครงการภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มากขึ้น รวมถึงราคาขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ปรับตัวลง และค่าเสื่อมราคาต่อหน่วยที่ลดลง
ส่วน EBITDA ไตรมาส 3 ปี 2566 และ ปี 2566 อยู่ที่ 70-75%

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 217.87 ลบ.
***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#หุ้นไทย

#ข่าวหุ้น

เปิดกลยุทธ์-หุ้นเด่น เดือนส.ค.66 กูรูฟันธงเห็นนายก -รัฐบาลใหม่เดือนนี้

โบรกฯ มองหุ้นไทยเดือน ส.ค.66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นชัด หลังการเมืองไทยคลี่คลายหวังจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ ด้านครึ่งปีหลังทิศทางงบบจ.สดใส - เงินเฟ้อลด - หมดรอบดอกเบี้ยขาขึ้นช่วยหนุน มองแนวต้านสูงสุด 1,600 จุด
ตลาดหุุ้นไทยปี 66 เข้าสู่เดือนสิงหาคมแล้ว หลังจากตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุนต่างชาติระดับกว่าแสนล้านบาท ส่วนสำคัญมาจากความกังวลต่อทิศทางการเมืองในประเทศ ที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วกว่า 2 เดือน แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะได้เห็นรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า จะเป็นเดือนที่เห็นความชัดเจนการเมืองมากที่สุด ทั้งโฉมหน้านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และมีแนวโน้มที่ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาได้
อ่านข่าวฉบับเต็ม : https://www.efinancethai.com/HotTopic/HotTopicMain.aspx?id=MmN6ZjNyV2JxZmc9&security=

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2566
***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#สลากกินแบ่งรัฐบาล
#หวย

📍“แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ (NAT)” เตรียมยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอใน Q3/66 หวังเข้า mai ปีนี้

นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT กล่าวว่า บริษัทเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก ( IPO) ในไตรมาส 3/66 คาดหวังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ทันภายในปี 66
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30-50% จากปี 65 ที่มีรายได้ 1,098 ล้านบาท โดยหลักมาจากธุรกิจด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ที่เติบโตดี ทั้งนี้ หลังได้เงินระดมทุนขยายธุรกิจ คาดว่ารายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า พร้อมขยายฐานลูกค้าเอกชนเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันกว่า 14%
บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ในส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริการด้านเทคโนโลยีครบวงจรแก่องค์กรชั้นนำของประเทศ โดยบริษัทแบ่งการให้บริการออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology System Integration) ด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
2.ธุรกิจให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที (IT Outsourcing) และ 3.ธุรกิจให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น การให้บริการเดินสายระบบเน็ตเวิร์ค (Cabling System) การให้บริการเช่าเครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลกในการขายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ และการให้บริการในฐานะ “ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่น (Solution Provider)” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในวงกว้าง อาทิ เดลล์ เทคโนโลยีส์ (Dell Technologies) เจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ในระดับ Titanium Partner ซึ่งเป็นระดับพันธมิตรทางธุรกิจขั้นสูงสุด, Genesys ผู้นำด้าน Customer Experience แบบ Omnichannel และผู้ให้บริการ Cloud Contact Center ระดับโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา, Radware ผู้นำด้านเทคโนโลยี DDoS Protection และ ผู้นําระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Vmware ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และให้บริการด้านระบบคลาวด์
ในปี 2565 บริษัทมีสัดส่วนรายได้เมื่อแบ่งตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้งและรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 97.15%, (2) ธุรกิจให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที 1.52% และ (3) รายได้จากการให้บริการอื่นๆ 1.33% โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าภาครัฐในสัดส่วน 85.66% และ ภาคเอกชน 14.34% ของรายได้จากการขายและบริการ
ขณะที่แผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นนำจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกมาใช้ในการพัฒนาโซลูชั่น และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการขยายกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล และ กลุ่มพลังงาน คาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมากว่า 19 ปี บริษัทมีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง โดยการส่งมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามีความพร้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Transformation ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มีคุณภาพ
โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าและบริษัทมีความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจไอทีและดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และเตรียมพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

📌`ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2)` ขายไอพีโอเกลี้ยง 120 ล้านหุ้น พร้อมเทรด 8 ส.ค.นี้


"ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2)" ขายไอพีโอหมดเกลี้ยง 120 ล้านหุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตยั่งยืน เตรียมพร้อมเข้าเทรด mai 8 ส.ค.นี้ ชูจุดแข็งอยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ “ดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น” แท็กทีมพาร์ทเนอร์แข็งแกร่ง พร้อมทีมงานคุณภาพประสบการณ์ยาวนาน ประกาศเดินหน้าลงทุนงานบริการโครงการขนาดใหญ่ และลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รองรับแผนการเติบโต 1-3 ปีข้างหน้า
อ่านข่าวฉบับเต็ม : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=QUgvL2pTd2VNdXc9

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น

📍เพื่อไทย เสนอ `เศรษฐา` ชิงนายก 4 ส.ค.นี้ ยันต้องรีบมีรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ทางพรรค จะเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.66 นี้ เนื่องจากประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่เพื่อจัดทำงบประมาณเพื่อกระตุ้น และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลังจากการเลือกตั้งผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการตั้งรัฐบาล
" ถ้าตั้งรัฐบาลช้าออกไปประเทศจะเสียประโยชน์ แนวคิดที่จะให้รอเลือกนายกฯไป 10 เดือนเพื่อให้ สว.หมดอำนาจ คงเป็นไปได้ยากเพราะประชาชนรอรัฐบาลอยู่ "
ด้านสูตรการตั้งรัฐบาล นายนพดลกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจ เนื่องจากเวลานี้ข้อมูลข้อเท็จจริงแต่ละพรรคชัดเจนหมดแล้ว ต้องตัดสินใจบนข้อมูลและท่าทีทางการเมืองของแต่ละพรรคเท่าที่มี พร้อมรอฟังคณะเจรจาของพรรคที่จะมาแจ้งสส. ในการประชุมพรรควันที่ 3 ส.ค.ว่าสุดท้ายจะเป็นตามที่มีการวิเคราะห์หรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยเคารพเจตจำนงของประชาชนและเคารพประชาธิปไตย

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น
#พรรคเพื่อไทย #เศรษฐาทวีสิน

📌ชาวรัสเซีย แห่พำนักภูเก็ต ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000% จากปีก่อน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ชาวรัสเซียราว 791,574 คนแห่มาไทยในช่วงเดือนม.ค.ถึง มิ.ย. เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งบินตรงไปยังสนามบินภูเก็ต และเป็นนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเกาะในปีนี้
จากความสำคัญของเกาะภูเก็ตในการขยายการทูตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซีย นายเซอร์เกีย ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ได้เปิดสถานกงสุลในภูเก็ตอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนก.ค. ณ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า (Royal Phuket Marina) ชุมชนชายทะเลซึ่งเป็นท่าจอดเรือยอร์ช ที่ตั้งของอพาร์ตเมนท์ และวิลล่าที่มีราคาราว 3 แสนดอลลาร์จนถึงหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในยุโรปและตะวันออกกลาง เป็นแหล่งพำนักหลักของชาวรัสเซีย ชายหาด สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน และสภานที่ที่เปิดกว้างอย่าง ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางเลือกราคาเหมาะสมของชาวรัสเซียในเอเชีย ก่อนที่จะเกิดสงครามในยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565
ตั้งแต่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินบุกยูเครน สหภายุโรป หรือ EU ทำให้การเดินทางของชาวรัสเซีย มีความยากลำบากขึ้น ด้วยการยกเลิกเที่ยวบินตรงในหลายๆเมืองของยุโรป ทำให้ประชาชนต้องเดินทางไปยังประเทศต่างๆที่ได้รับวีซ่าเดินทางง่าย เช่น สหรัฐอาหรับ อิมิเรตส์ ตุรกี และไทย
ทั้งนี้ ภูเก็ตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของมหาเศรษฐีชาวรัสเซียมาอย่างยาวนาน และจำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มมากขึ้นหลังสงครามรัสเซียบุกยูเครน โดยข้อมูลจาก Knight Frank Thailand สำนักงานอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า จำนวนวิลล่าที่ขายในภูเก็ตปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 82% มาที่ 338 หลัง และครึ่งหนึ่งซื้อโดยชาวรัสเซีย อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจทั้งร้านอาหาร ซาวน่า และคอนเสิร์ตขยายตัวพุ่งแรง ท่ามกลางความนิยมของนักท่องเที่ยว
แม้ว่าการคว่ำบาตร กดดันการทำธุรกรรมโดยผ่าน Visa Inc. และ Mastercard Inc. แต่ผู้คนยังสามารถจับจ่ายผ่านแพลตฟอร์ม China UnionPay Co. ของจีน หรือจับจ่ายด้วยเงินสดสกุลดอลลาร์และยูโรได้ ในขณะที่คนไทย โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยในเกาะภาคใต้ กำลังปรับตัวเข้ากับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย อย่างการประกาศเป็นภาษารัสเซียในสนามบินนานาชาติภูเก็ต อีกทั้ง ร้านค้าหลายแห่ง และป้ายถนน ก็เป็นภาษารัสเซีย รวมถึงเมนูอาหารเช่นกัน

***********************************
กด Follow & See First
ไว้เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสำคัญกันนะคะ
***********************************

#มีข่าวมีโอกาส
#ข่าวหุ้น