Prach Akepapan

People Buy Products only after they read words that make them want to buy those product.

ธปท. ขยายเวลาโครงการ “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรและสินเชื่อส่วนบุคคล” ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. 64 เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสเข้ามาไกล่เกลี่ยหนี้ได้มากยิ่นขึ้น

ปัจจุบันมีผู้สนใจลงทะเบียนแล้ว 234,906 คน หรือ 481,936 บัญชี จากข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64 มีลูกหนี้ที่เข้าเงื่อนไขทั้งหมด 110,956 บัญชี สามารถเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้แล้วประมาณ 63% และให้บริการอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานะ และทยอยแจ้งผลเข้ามาต่อเนื่อง
.
ส่วนกรณีกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่เข้าเงื่อนไข บางกลุ่มอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร และบางกลุ่มได้ยื่นขอไกล่เกลี่ยผิดกลุ่ม
.
ลูกหนี้ ที่สามารถเข้าร่วมโครงการ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรฯ นี้ได้
ปรกอบด้วย 3 กลุ่ม ดังนี้
.
(1) หนี้บัตรฯ ที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย แต่รู้สึกฝืดเคือง
- สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ โดยการจ่ายขั้นต่ำ
- ขอเปลี่ยนวงเงินสินเชื่อบัตร มาเป็นสินเชื่อแบบมีกำหนดเวลา ซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยถูกลงเหลือ 12% จาก 16%
- สามารถคงวงเงินคงเหลือไว้ใช้ได้ และไม่เสียประวัติเครดิตบูโร
.
(2) กลุ่มหนี้บัตร ที่เป็นหนี้เสียแล้ว แต่ยังไม่ฟ้อง หรือฟ้องแล้วแต่ยังไม่พิพากษา
- สามารถผ่อนชำระได้สูงสุด 10 ปี
- ดอกเบี้ยต่ำเพัยง 4-7% ตามเงื่อนไขของคลิดนิกแก้หนี้
.
(3) กลุ่มหนี้บัตรฯ เป็นคดีมีคำพิพากษาแล้ว
- เปิดโอกาสให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้
- ให้ผ่อนชำระเฉพาะเงินต้น นานสูงสุด 5 ปี
- ยกดอกเบี้ยให้ หากลูหนี้จ่ายชำระตามแผนได้สำเร็จ
.
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.1213.or.th/App/DMed/V1
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร 1213
.
#ปิดหนี้ #หนี้ #คลินิกหนี้ #สินเชื่อ
#โค้ชปราช #อสังหาริมทรัพย์
#อสังหา #แนวโน้มการลงทุน #การลงทุน
#อสังหาสายแข็ง #นักรบอสังหา #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ
.
อ้างอิง
1) https://www.thansettakij.com/content/money_market/476268?as=

ในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความท้าทาย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และมีความไม่แน่นอนสูง ในระยะยาว
.
แม้ว่าภาครัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกหนี้ในปัจจุบัน ผ่าน พรก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้ผลกระทบฯ (Soft Loan) เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2563 แต่ยังไม่เพียงพอ
.
ธปท และกระทรวงการคลัง เล็งเห็นปัญหา และได้ออกมาตรการทางการเงินเพิ่ม โดยครม.ได้เห็นชอบร่าง
“พรก.ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 พ.ศ. 2564” มีวงเงินรวมทั้งหมด 350,000 ลบ. มีระยะเวลาเบิกเงินกู้ 2 ปีนับตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้ และสามารถขยายต่ออายุได้อีก 1 ปี หากมีเหตุจำเป็น
.
โดยมาตราการในครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็น 2 หมวด
.
(1) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 250,000 ลบ.
- โดยมุ่งส่งสภาพคล่องการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ผ่านสถาบันการเงิน
- มาตรการนี้จะครอบคลุมลูกหนี้รายเดิม และรายใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
- พร้อมปรับเพิ่มวงเงินกู้ให้สูงขึ้น และขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้ยาวขึ้น
- กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้เอื้อต่อการฟื้นฟูกิจการยิ่งขึ้น
นอกจากนี้
- ภาครัฐจะสนับสนุนกลไกการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส.)
- ยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
.
(2) มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ และให้สิทธิลูกหนี้ซื้อคืน (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 100,00 ลบ. โดยมีรายละเอียดดังนี้
- มาตรการนี้มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ต้องใช้เวลาฟื้นตัว แต่ยังมีศักยภาพและมีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน
- ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินคืนเป็นลำดับแรกในราคาต้นทุน ภายในระยะเวลา 3-5 ปี เท่ากับราคาตีโอน+ต้นทุนการถือครองทรัพย์ (carrying cost) 1% ต่อปีของราคาตีโอน + ต้นทุนในการดูแลรักษาทรัพย์ตามที่จ่ายจริงและสมควรแก่เหตุ
- ผู้ประกอบการสามารถขอเช่าทรัพย์กลับมาดูแล หรือเปิดดำเนินการ โดนสถาบันการเงินจะนำต่าเช่าที่ได้รับไปหักออกจากราคาที่ขายคืนทรัพย์ให้ลูกหนี้ เพื่อช่วยรักษาโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจไม่ถูกกดราคาบังคับขายทรัพย์ (fire sale) สามารถกลับมาสร้างงานและทำรายได้อีกครั้งเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
- ธปท.สนับสนุนสภาพคล่องต้นทุนต่ำแก่สถาบัยการเงินเท่ากับมูลค่าทรัพย์ที่สถาบันการเงินและลูกหนี้แต่ละรายตกลงร่วมกัน
- ภาครัฐสนับสนุนยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆเช่น ภาษีและค่าธรรมเนียมในการตีโอนทรัพย์ ทั้งขารับโอนและขายคืนให้กับลูกหนี้รายเดิม
.
พรก.ฟื้นฟู ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา
โดยสถาบันการเงินสามารถยื่นขอกู้เงินจาก ธปท. ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป
.
ผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ธปท. (www.bot.or.th) และติดต่อสถาบันการเงินที่ใช้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
.
สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ธปท. ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงิน สมาคม ชมรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ผ่านมาตรการการให้ความช่วยเหลือและมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้
.
#ธุรกิจ #ธุรกิจ #สินเชื่อธุรกิจ
#โค้ชปราช #อสังหาริมทรัพย์
#อสังหา #แนวโน้มการลงทุน #การลงทุน
#อสังหาสายแข็ง #นักรบอสังหา #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ
.
อ้างอิง
1) https://www.bot.or.th/Thai/AboutBOT/Activities/Pages/JointPress_COVID19.aspx
2) https://www.prachachat.net/finance/news-650873

ปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกซื้อบ้านของผู้ซื้อ มีความหลากหลาย และได้เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้บริโภคได้มุ่งเน้นไปที่ความคุ้มค่าที่จะได้รับ และการตอบโจทย์การใช้งานของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
.
จากข้อมูลของ DDProperty’s Thailand Consumer Sentiment Study พบว่า
.
ผู้บริโภค มากถึง 72% ให้ความสนใจในการเลือกซื้ออสังหามือ 1 ด้วยสาเหตุหลักดังนี้
- 58% : สิ่งอำนวยความสะดวก+คุณสมบัติบ้าน มีความทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานปัจจุบันได้ดี
- 44% : ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี
- 43% : อยู่ในทำเลศักยภาพ
.
โดยผู้บริโภคที่เลือกซื้อ อสังหามือ1 ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยทำงาน
- 30-39 ปี = 33%
- 22-29 ปี = 25%
.
ขณะเดียวกัน มีผู้บริโภคอีก 28% พิจารณาเลือกซื้อบ้านมือ 2 โดยให้เหตุผลหลัก ดังนี้
- 57% : ผู้ซื้อสามารถเห็นสภาพบ้านที่แท้จริง ก่อนตัดสินใจซื้อ
- 56% : บ้านมือ2 มีราคาที่ถูกกว่าบ้านมือ1
- 43% : บ้านมือ2 อยู่ในทำเลที่ดีกว่า พื้นที่โดยรอบมีการพัฒนาแล้ว
.
โดยผู้บริโภคที่เลือกซื้อ อสังหามือ2 ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่
- 40-49ปี = 30%
- 50-59ปี = 18%
- 60ปี ขึ้นไป = 7%
.
#โค้ชปราช #อสังหาริมทรัพย์
#อสังหา #แนวโน้มการลงทุน #การลงทุน
#อสังหาสายแข็ง #นักรบอสังหา #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ
.
ที่มา: Bangkokbiznews
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/929489

จากการสำรวจตลาดของ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พบว่า มียอดเข้าชมประกาศอสังหาให้เช่า เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคมที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นมากถึง 52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563
ขณะที่ความสนใจซื้อขาดอสังหา เติบโตเพียง 7% เท่านั้น
.
จากการสำรวจ พบว่า สาเหตุที่ทำให้แนวโน้มความต้องการเช่าอสังหามากขึ้น มาจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน
.
(1) ปัจจัยจากผู้บริโภค
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ประชาชนมีรายได้ลดลง โดยอิงข้อมูลได้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) ที่มีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.5-3.5% ลดลงจากที่การคาดการณ์เดิมไว้ที่ 3.5-45% ส่งผลให้ประชาชนมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินระมัดระวังเพิ่มขึ้น ลดรายจ่าย และเพิ่มเงินเก็บสำรองสำหรับฉุกเฉิน
.
(2) ปัจจัยจากอสังหาริมทรัพย์
เมื่อเทียบกับการซื้อขาดอสังหาฯแล้ว อสังหาให้เช่ามีความคล่องตัวในหลายๆด้าน อสังหาให้เช่า ผู้ให้เช่าได้ตกแต่งภายในไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้เช่าสามารถเข้าอยู่ได้ทันที อีกทั้ง ผู้เช่าไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษา ไม่ต้องเสียค่าภาษี และไม่มีภาระผูกพันในระยะยาวเหมือนมีบ้านเป็นของตนเอง ทำให้ผู้เช่ามีความยืดหยุ่นในการโยกย้ายทำเลที่อยู่อาศัย สามารถทำลองอยู่ในทำเลนั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้ออยู่จริง
.
ปัจจุบันความต้องการเช่าอยู่อาศัยได้กระจายจากย่านกลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) สู่ชานเมืองมากขึ้น เนื่องมาจากกรุงเทพมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และระบบขนส่งมวลชน ทำให้การเดินทางจากชานเมืองเข้าใจกลางได้สะดวกมากขึ้น
.
#โค้ชปราช #อสังหาริมทรัพย์
#อสังหา #แนวโน้มการลงทุน #การลงทุน
#อสังหาสายแข็ง #นักรบอสังหา #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ
.
ที่มา: Bangkokbiznews
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/928142

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังทรงตัว
ยอดขายตลาดอสังหา 2563 ได้ลดลงมากถึง 35% โดยคอนโดมิเนียมคือ ตลาดอสังหาที่ได้รับผมกระทบหนักที่สุด ซึ่งลดลงถึง 47% แต่ถึงจะลดลงแบบนี้ คุณเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บจม. เสนาดีเวลอปเม้นท์ พิจารณาว่า ตลาดคอนโดพร้อมจะฟื้นทันที หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะว่ามี 2 ปัจจัย
.
(1) เมื่อเทียบกับตลาดอสังหาประเภทอื่นๆ คอนโดมิเนียมคืออสังหาประเภทเดียวที่มี บุญเก่า (backlog) คือยอดรายได้จากการขายมาช่วยในการโอน ซึ่งตลาดจะดีกว่านี้ และมียอดปฎิเสธสินเชื่อน้อยกว่านี้ หากไม่มีการแพร่ระบาดโควิด-19
.
(2) ตลาดคอนโด มีราคาลดลง 3-4% ในทุกเซ็กเมนต์ เมื่อลดราคา ข้อดีคือขายได้ เพราะคอนโดเป็นปัจจัย4 ที่มีความจำเป็นต่อชีวิต ทำให้ตลาดอสังหามีภาพรวมแย่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
.
จากการทำศึกษาตลาด พบว่า
.
▪️ แม้ว่าเศรษฐกิจจะแย่ แต่ยังมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยอยู่ เพราะลูกค้ามองว่าเป็นช่วงเวลาที่อสังหาราคาถูกที่สุด ณ ปัจจุบัน โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ราคา 1-3 ลบ. และระดับ 3-5 ลบ.
.
▪️ แม้ว่าปัจจุบัน มีรถไฟฟ้าผุดขึ้นหลายสาย แต่มีผลกระทบกับตลาดคอนโดไม่มาก เพราะผู้ซื้อต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ทั้งในเรื่องของระยะเวลา และค่าใช้จ่าย ดังนั้นคอนโดจะเป็นไลฟ์สไตล์คู่กรุงเทพฯไปตลอด
.
▪️ ตลาดอสังหาอยู่ในสภาวะ สงครามราคา หากสินค้าไม่มีความแตกต่าง ลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าที่ดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่าเสมอ นอกจากนี้ พฤติกรรมในการซื้อของผู้โภคเปลี่ยนไป คือ ยอมซื้ออสังหาที่ไม่ติดรถไฟฟ้า ยอมนั่งวินเดินทาง เพื่อแลกกับอสังหาที่มีราคาถูกกว่า ดังนั้นความเชื่อมั่นในแบรนด์มีส่วนสำคัญ ช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อแบรนด์ของเรา
.
โอกาสที่อสังหาจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เหมือนช่วงปี 2560-2561 อาจต้องใช้เวลาไปอีกระยะหนึ่ง เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน คาดการณ์ได้ยาก แม่ว่าจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ทุกอย่างจะไม่ฟื้นกลับมาภายใน 1-2 ปีนี้แน่นอน
.
#แนวโน้มการลงทุน #การลงทุน
#โค้ชปราช #อสังหาริมทรัพย์
#อสังหา #อสังหาสายแข็ง #นักรบอสังหา #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ
.
ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/931360