The Unique จัดหางานต่างประเทศ ถูกต้องตามกฎหมาย By บูม&จ๋า

The Unique จัดหางานต่างประเทศ ถูกต้องตามกฎหมาย By บูม&จ๋า

แชร์

บริการรับจัดหางานต่างประเทศ และรับทำวีซ่าทั่วโลก

21/10/2023

Apple ลดเป้าจัดส่ง Apple Vision Pro เหลือ 5 แสนชิ้นภายในปี 2024 อัปเดตข่าวลือ iPhone 16
นักวิเคราะห์ แบ่งปันข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ iPhone 16 ที่จะวางจำหน่ายในปีหน้า เช่นเดียวกับการปรับเป้าจำหน่าย Apple Vision Pro ลงจากเดิมที่เคยตั้งไว้ 1 ล้านชิ้น เหลือ 4-5 แสนชิ้น

Jeff Pu นักวิเคราะห์จาก Haitong International Securities เขียนรายงานถึงนักลงทุนในประเด็นการมาของ iPhone 16 ซึ่งจะวางจำหน่ายในปีหน้า รวมถึงสถานการณ์ล่าสุดของ Apple Vision Pro

Jeff Pu ระบุว่า โมเดล iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมาพร้อมกับโมเด็ม 5G ที่เร็วขึ้น และรองรับ Wi-Fi 7 รวมถึงเรื่องของกล้องถ่ายภาพในส่วนเลนส์อัลตราไวด์ จะเพิ่มจาก 12 ล้านพิกเซล ไปเป็น 48 ล้านพิกเซล

ขณะที่โมเดลรองลงมา iPhone 16 และ iPhone 16 Plus จะได้รับเทคโนโลยีบางอย่างจาก iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่แอปเปิลทำมานานหลายปีแล้ว เช่น โมเด็ม Wi-Fi 64 ฯลฯ

ในส่วนชิปเซตยังไม่มีความชัดเจนว่า แอปเปิลจะหยิบเอาชิปเซต Apple A17 Pro (3 nm) มาไว้ในรุ่น iPhone 16 และ iPhone 16 Plus หรือไม่ หรืออาจเลือกวิธีพัฒนาชิปเซต A18 สำหรับ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus แต่ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ถูกยกระดับไปเป็นชิป A18 Pro แทน เป็นต้น

พร้อมกันนี้ นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า ปัญหาความร้อนของ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ถึงที่สุดแล้วตัวเขาเชื่อว่ามาจากการออกแบบที่ไม่ดีของชิป Apple A17 Pro ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วชิปเซต A17 Pro ที่มาแทน Apple A16 Bionic ก็ไม่ได้ทรงพลังหรือมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันนัก แม้จะสร้างบนสถาปัตยกรรมขนาด 3 นาโนเมตรก็ตาม

ในรายงานบันทึกถึงนักลงทุนฉบับเดียวกัน Jeff Pu ได้กล่าวถึง Apple Vision Pro เอาไว้ด้วยว่า แอปเปิลได้ปรับลดการจัดส่งอุปกรณ์ AR และ VR รุ่นนี้จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านเครื่อง เหลืออยู่ที่ตัวเลขประมาณ 4-5 แสนเครื่องภายในปี 2024

อย่างไรก็ดี แอปเปิลยังมองโลกในแง่ดีว่า เมื่อความสนใจในเทคโนโลยี AR และ VR เพิ่มขึ้น อุปกรณ์อย่าง Apple Vision Pro ก็น่าจะได้อานิสงส์ จนกลายเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่แข็งแกร่งนอกเหนือจากไอโฟน เมื่อถึงตอนนั้นก็น่าจะได้เห็น Apple Vision Pro ในรุ่นที่มีระดับราคาที่ถูกลง

ที่มา: 9to5Mac

15/10/2023

วอลท์ดิสนีย์เวิลด์ (Walt Disney World) และดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) ปรับขึ้นราคาค่าบัตรผ่านประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงบัตรจอดรถและบัตรรายปี โดยมีผลในทันที
ราคาตั๋วถูกที่สุดซึ่งเป็นบัตรผ่านรายวันนั้น จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละวัน โดยบัตรผ่านที่ถูกที่สุดของดิสนีย์แลนด์จะมีราคาอยู่ที่ 104 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาตั้งแต่ช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะที่ราคาบัตรถูกที่สุดของดิสนีย์เวิลด์จะอยู่ที่ 109 ดอลลาร์

ดิสนีย์เวิลด์ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดาคิดราคาบัตรผ่านรายปีเพิ่มขึ้นเกือบ 10% โดยบัตรผ่านอินเครดิ-พาสต์ (Incredi-Pass) ซึ่งมีราคาแพงที่สุดนั้นอยู่ที่ 1,449 ดอลลาร์

ราคาที่จอดรถในสวนสนุกก็เพิ่มขึ้น 5-30 ดอลลาร์ด้วยเช่นกัน แต่ฟรีสำหรับแขกของโรงแรม และตั๋ว “ปาร์ค ฮอปเปอร์” (Park Hopper) จะกลับมาจำหน่ายอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มาพักร้อนสามารถเดินทางไปมาระหว่างสวนสนุกได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ราคาบัตรผ่านรายวันของดิสนีย์แลนด์ในเมืองอนาไฮม์ พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 194 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 9% จากราคาก่อนหน้านี้ โดยราคาบัตรผ่านเมจิก คีย์ (Magic Key) และจีนี่พลัส (Genie+) ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ค่าที่จอดรถของดิสนีย์แลนด์ในแคลิฟอร์เนียก็เพิ่มขึ้นด้วย

โฆษกของดิสนีย์ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวและความบันเทิงใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ให้กับสวนสนุกของเราอยู่เสมอ พร้อมด้วยตัวเลือกด้านราคาที่หลากหลายของเรา คุณค่าในการเที่ยวชมสวนสนุกได้สะท้อนประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากที่ดิสนีย์เท่านั้น”

ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาดังกล่าวเกิดขึ้นในหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ดิสนีย์ประกาศโปรโมชันตั๋วสำหรับเด็กในราคาถูกเพียง 50 ดอลลาร์ เนื่องจากสวนสนุกรายงานจำนวนผู้เข้าใช้บริการลดลง

29/09/2023

เผยนาซาหยุดเปิดฝาแคปซูลทันที หลังเจอฝุ่นดำปริศนา จากดาวเคราะห์น้อยเบนนู

เผยนักวิทย์นาซาต้องรีบยุติการเปิดฝาแคปซูลที่เก็บตัวอย่างหินมาจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูทันที หลังเปิดฝาแล้วพบฝุ่นดำปริศนาอยู่ข้างใน และรีบนำไปวิเคราะห์โดยด่วน น่าจะเป็นผงแร่ธาตุจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูหรือไม่

เมื่อ 28 ก.ย. 2566 เดลี่เมลเผย นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ(นาซา) ต้องรีบยุติการเปิดฝาแคปซูลจากยานโอไซริส-เร็กซ์ ซึ่งเก็บตัวอย่างหินมาจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูทันที เมื่อพบว่ามีฝุ่นสีดำปริศนาอยู่ในกระบอกสีเงินของแคปซูล

นักวิทยาศาสตร์นาซาได้ทำการเปิดฝาแคปซูลในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากยานโอไซริส-เร็กซ์ ได้นำแคปซูลกลับมาถึงโลก จากนั้น ยานได้ปล่อยแคปซูลลงสู่พื้นโลกโดยร่มชูชีพบริเวณกลางทะเลทรายในรัฐยูทาห์ ทางตะวันตกของประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา

นาซาแจ้งว่า ฝุ่นดำที่พบอยู่ภายในกระบอกสีเงินของแคปซูลจะถูกนำไปวิเคราะห์อย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบว่าเป็นผงแร่ธาตุจากดาวเคราะห์น้อยเบนนูหรือไม่

ก่อนหน้านี้นาซาได้โพสต์รูปถ่ายและข้อความทาง X หรือทวิตเตอร์เดิมว่า ‘กล่องสมบัติทางวิทยาศาสตร์’ พบ ‘ฝุ่นสีดำและผงขนาดเท่าเม็ดทราย’ อยู่ข้างในของฝาและฐานของแคปซูล’

สำหรับภารกิจโอไซริส-เร็กซ์ ของนาซา คือ การส่งยานอวกาศโอไซริส-เร็กซ์ ไปยังดาวเคราะห์น้อยเบนนู ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 200 ล้านไมล์ เมื่อปี 2561 โดยใช้เวลา 2 ปี จึงเดินทางไปถึงดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ จากนั้น ยานได้เก็บตัวอย่างหินและฝุ่นหนักประมาณ 250 กรัม จากพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อย ใส่ในกระบอกแคปซูลตั้งแต่ปี 2563

22/09/2023

เฮ ! ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 19 ล้านคน ไทยโกยรายได้เฉียด 8 แสนล้าน

กระทรวงท่องเที่ยวฯเผย ต่างชาติแห่เที่ยวไทยทะลุ 19 ล้านคน ไทยโกยรายได้เฉียด 8 แสนล้าน นักท่องเที่ยวจีนเพิ่ม มาเลเซียพุ่ง อินเดียแผ่ว ประเมินสัปดาห์นี้ยอดทัวริสต์โตต่อ

วันที่ 19 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 กันยายน 2566 พบว่ามีจำนวน 19,000,998 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 795,114 ล้านบาท

รายงานระบุว่า ในช่วงวันที่ 11-17 กันยายนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 470,708 คน และยังพบว่า นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย เอเชียตะวันออก (จีน +6.02%, ญี่ปุ่น 27.97%) และอเมริกา ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า สวนทางกับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียใต้ (อินเดีย -6.39%) ยุโรป ตะวันออกกลางปรับตัวลดลง

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย คือ มีวันหยุดต่อเนื่องในตลาดการท่องเที่ยวหลัก เช่น มาเลเซีย (Malaysia Day) และญี่ปุ่น (Silver Week) การปิดภาคเรียนช่วงฤดูใบไม้ผลิของรัฐควีนส์แลนด์และวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย

ส่วนปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินที่เป็นไปช้ากว่าที่คาดการณ์ บัตรโดยสารยังมีราคาสูง

รายงานระบุว่า ในช่วงวันที่ 11-17 กันยายนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 470,708 คน และยังพบว่า นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย เอเชียตะวันออก (จีน +6.02%, ญี่ปุ่น 27.97%) และอเมริกา ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า สวนทางกับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียใต้ (อินเดีย -6.39%) ยุโรป ตะวันออกกลางปรับตัวลดลง

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย คือ มีวันหยุดต่อเนื่องในตลาดการท่องเที่ยวหลัก เช่น มาเลเซีย (Malaysia Day) และญี่ปุ่น (Silver Week) การปิดภาคเรียนช่วงฤดูใบไม้ผลิของรัฐควีนส์แลนด์และวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย

ส่วนปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินที่เป็นไปช้ากว่าที่คาดการณ์ บัตรโดยสารยังมีราคาสูง

15/09/2023

นายกฯ สั่งเดินเครื่องกระตุ้นท่องเที่ยวระยะสั้น เน้นตลาดจีนช่วงไฮซีซั่น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมหามาตรการเร่งรัดส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะสั้นในช่วงเดือน ก.ย.66 ถึงเดือน ก.พ.67 ร่วมกับ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งภาครัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยว

โดยได้กำหนดแนวทางการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย (Ease of Travelling) ร่วมกับมาตรการการดูแลและรักษาความปลอดภัย ควบคู่กับการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว เพิ่มการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ Brand Ambassador หรือ Influencers สำหรับตลาดจีนเพื่อภาพลักษณ์ใหม่ การบูรณาการตลาดแบบพุ่งเป้ากับ Online Travel Agency (OTA) และการนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ (Experience Tourism) ในลักษณะการเชื่อมโยงเมืองหลักสู่การท่องเที่ยวเมืองรอง ทั้งของประเทศไทย และประเทศจีน

สำหรับมาตรการระยะสั้น ให้ดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งระยะกลาง และระยะยาว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างเอกลักษณ์ กระแสความนิยมในประเทศไทย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัย ได้แก่ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อพิจารณาร่วมกันถึงแนวทางการทำงาน เพื่อบริหารสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเชิงรุกในการสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งนักท่องเที่ยว และประชาชนไทย มีความมั่นใจเพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญอย่างดีที่สุด

13/09/2023

9 ทิปส์ เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ด้วยตัวเอง วิธีเตรียมตัว มีอะไรบ้าง

นักท่องเที่ยวมือใหม่ ที่กำลังวางแผนจะออกไปสัมผัสโลก เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ด้วยตัวเอง ตามเรามาดู วิธีการเตรียมตัว ไปต่างประเทศครั้งแรก กันได้ตามนี้เลยค่ะ รู้ไว้ก่อนเดินทาง เตรียมตัวอย่างไร มีอะไรต้องรู้บ้าง มาดูกันได้เลย!

1. ค้นหาข้อมูลประเทศปลายทาง
การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก แน่นอนว่าต้องมีความตื่นเต้น และปะปนกับความประหม่าอยู่บ้าง ดังนั้นตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างราบรื่นนั้น เราจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องราวของประเทศที่เรากำลังจะเดินทางไปค่ะ เริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางในเรื่องของ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมท้องถิ่น และกฎระเบียบเฉพาะใดๆ ในสังคม หรือทางกฎหมาย เพื่อที่จะปรับตัวได้ดีเมื่อไปถึงนั่นเอง

และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น การเรียนรู้ภาษาพื้นฐานสัก 2-3 ประโยค ทำความคุ้นเคยกับภาษาท้องถิ่นในประเทศที่เรากำลังจะไป ก็จะเป็นประโยชน์ในการสื่อสารได้เหมือนกันค่ะ

2. วางแผนทริปการเดินทาง

การวางแผนการเดินทางล่วงหน้าคร่าวๆ ก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยว ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ เพื่อจะได้ลำดับสถานที่ในการเดินทางในแต่ละวันให้ดี รวมถึงการจองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน วิธีการเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่ง ก็ควรที่จะวางแผนไว้ล่วงหน้า จะช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวได้มากเลยทีเดียว

3. พาสปอร์ต และ วีซ่า
ในการเดินทางไปต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ หนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต นั่นเองค่ะ เพราะจะเป็นเหมือนเอกสารยืนยันตัวตนของเรา ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า พาสปอร์ต ยังไม่หมดอายุ และจะต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน หลังจากวันออกเดินทางที่วางแผนไว้ และที่สำคัญในระหว่างเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็ควรจะพกพาสปอร์ตติดตัวไว้ตลอดด้วยเช่นกันค่ะ

และแม้ว่าหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวไทยจะสามารถท่องเที่ยวได้ถึง 34 ประเทศ โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่เราจำเป็นที่จะต้อง ขอวีซ่า ให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนเดินทางไป ดังนั้นควรเช็กรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อนเดินทางว่า ประเทศจุดหมายปลายทางที่เรากำลังจะเดินทางไปนั้น ต้องมีการขอวีซ่าหรือไม่

4. การจัดกระเป๋าเดินทาง
การหอบเอาของที่เยอะเกินจำเป็นไปเที่ยวด้วยนั้น ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมเลยค่ะ เพราะนอกจากเราจะต้องแบกกระเป๋าไปๆ มาๆ ระหว่างการเดินทางแล้ว ยังอาจจะอดติดของฝากกลับมาบ้าน หรือต้องทิ้งสิ่งของบางอย่างเพื่อให้น้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน ดังนั้นจึงต้องมีการจัดกระเป๋าเดินทางอย่างชาญฉลาด ด้วยการทำรายการจัดของ และนำไปเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้นค่ะ รวมถึงเอกสารการเดินทาง เสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยาประจำตัว

5. ประกันการเดินทาง
แน่นอนว่าในการเดินทางของเรา ก็อยากให้ราบรื่นที่สุด เพื่อจะได้เที่ยวอย่างสบายใจไม่สะดุด และได้ประการณ์การเดินทางอย่างเต็มที่ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา หากไม่ได้มีการเตรียมตัวไว้เลยล่วงหน้า ก็อาจจะทำให้ทั้งหมดที่เตรียมมาสะดุดลงได้ ดังนั้นก่อนเดินทางท่องเที่ยว เราแนะนำว่าให้พิจารณาการทำประกันการเดินทางทุกครั้งค่ะ เพื่อป้องกันตัวเราจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทางของเราได้

6. พกเอาบัตรเครดิต บัตรเดบิต ติดไปด้วยเสมอ
คาดว่าในการเดินทางต่างประเทศนั้น หลายๆ คนก็ต้องเตรียมเงินสดเพื่อไปใช้จ่ายอย่างเพียงพออยู่แล้ว แต่ในบางครั้ง ก็อาจจะมีเหตุการณ์อื่นๆ ในระหว่างการเดินทางที่ทำให้เราต้องจ่ายเกินงบการเดินทางที่พกมา ดังนั้นตัวช่วยของเราก็คือ บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต นั่นเองค่ะ

7. Travel Card บัตรเงินสดต่างประเทศ

อีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจสำหรับการเดินทางก็คือ Travel Card บัตรเงินสดต่างประเทศ ค่ะ ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมมากมายในการกดเงินสดในต่างประเทศ และยังสามารถแลกเงินเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่สะดวก หรือจะแลกตอนจังหวะที่ค่าเงินกำลังลง เพื่อเก็บไว้ช้อปต่างประเทศตอนที่ไปเที่ยวก็ได้ ส่วนจำนวนครั้ง และวงเงินที่ใช้จ่ายได้ในแต่ละวัน ก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคารค่ะ เป็นบัตรที่คุ้มค่ามากๆ ในการพกไปเดินทางด้วยจริงๆ

8. การเช็กอินที่สนามบิน
เมื่อมาถึงวันเดินทางจริง ในการเช็กอินที่สนามบินนั้นอาจจะต้องใช้เวลา ยิ่งถ้าไฟล์ทบินที่มีผู้โดยสารเดินทางมากๆ ดังนั้น เราควรจะต้องเผื่อเวลาในสนามบิน ก่อนเวลาขึ้นเครื่องประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง ค่ะ และควรเตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์เช็กอิน จะได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เท่านี้เราก็จะไม่ตกเครื่องแล้ว!

9. แบ่งปันแผนการเดินทางของเรากับใครสักคน
เป็นความคิดที่ดีเสมอที่จะแบ่งปันแผนการเดินทางของเรากับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่ไว้ใจได้ ด้วยวิธีนี้ จะมีคนรู้ว่า เราอยู่ที่ไหน และสามารถติดต่อเราได้หากจำเป็น

08/09/2023

ออสเตรเลียเตรียมรับแรงงานไทยเพิ่ม พบขาดคนงานหนักภาคอุตฯ-บริการ

ออสเตรเลียเตรียมรับแรงงานไทยเพิ่ม พบขาดแคลนแรงงานหนักในหลายสาขาอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ภาคการแพทย์ ภาคการศึกษา และภาคบริการ จ่อเพิ่มความร่วมมือส่งแรงงานนอกจากภาคการเกษตร

โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน และ นางสาวอาจารีย์ ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ได้มีเข้าพบและหารือข้อราชการกับ โนลา วัตสัน (Nola Watson) ประธานบอร์ดสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมออสเตรเลีย และแอนดริว แมคเคลล่า (Andrew McKellar) ประธานผู้บริหารสูงสุด (CEO) ในประเด็น ‘ความต้องการแรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการอื่นๆ’ ณ The National Press Club กรุงแคนเบอร์ร่า เครือรัฐออสเตรเลีย

การประชุมดังกล่าวถือว่า เป็นครั้งแรกที่กระทรวงแรงงานจากไทยได้เดินทางมาเยือนออสเตรเลียหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยครั้งนี้ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อกระชับความร่วมมือด้านแรงงาน รวมถึงส่งเสริมให้ออสเตรเลียเปิดตลาดสำหรับแรงงานจากไทยใน ‘ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ’ มากขึ้น เพราะปัจจุบันออสเตรเลียกำลังขาดแคลน ทั้งแรงงานทักษะสูงและแรงงานฝีมือในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ภาคการดูแลผู้สูงอายุ พยาบาลและท่องเที่ยว เป็นต้น

จากข้อมูลของคณะกรรมการทักษะแห่งชาติออสเตรเลีย ปัจจุบันออสเตรเลียกำลังขาดแคลนแรงงานสำหรับ 278 วิชาชีพ และมีถึง 66 อาชีพที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก

โดยนอกจากอาชีพที่ต้องใช้แรงงานสูงอย่าง คนงานเหมือง คนงานขุดเจาะ หรือพนักงานฆ่าสัตว์ อาชีพที่ต้องการทักษะเฉพาะก็เป็นที่ต้องการสูง ซึ่งอาชีพที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด 5 อาชีพ ได้แก่

พยาบาลวิชาชีพ
วิศวกรและโปรแกรมเมอร์ซอฟต์แวร์
ผู้จัดการฝ่ายก่อสร้าง
เจ้าหน้าที่ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ
ช่างกล

จากข้อมูลดังกล่าว กระทรวงฯ ระบุว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเข้าไปเติมเต็มตลาดแรงงานในส่วนนี้ เพราะนอกจากแรงงานภาคเกษตรแล้ว ไทยยังมีแรงงานภาคการบริการ ภาคก่อสร้าง ทั้งแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือที่มีศักยภาพสูง ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการแรงงานในออสเตรเลียได้ ขณะเดียวกันตลาดแรงงานออสเตรเลียเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในสาขาการค้าบริการและภาคอุตสาหกรรม

นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้คนไทยได้มาทำงานในต่างประเทศ ซึ่งประเทศออสเตรเลียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่กระทรวงแรงงานได้มีการประชุมความร่วมมือตาม MOU ในการจัดส่งแรงงานไทยมาทำงานตามในภาคเกษตรตามโครงการวีซ่าเกษตรออสเตรเลีย Australia Agriculture Visa (AAV) มาหลายครั้ง

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานมีความพร้อมในการจัดเตรียมแรงงานตั้งแต่ต้นทางก่อนไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้เรียนภาษาท้องถิ่นขั้นพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ การอบรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตในออสเตรเลียให้แก่แรงงานก่อนเดินทางไปทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพแรงงานไทยเพื่อไปทำงานต่างประเทศ

สำหรับการขยายตลาดแรงงานไทยในออสเตรเลียครั้งนี้ จะเป็นโอกาสแก่แรงงานภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของไทย ซึ่งกระทรวงแรงงานสามารถจัดหาแรงงานภาคอุตสาหกรรมตามที่ออสเตรเลียขาดแคลน เช่น แรงงานทักษะสูง และแรงงานฝีมือในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ภาคการดูแลผู้สูงอายุ พยาบาลและท่องเที่ยว เป็นต้น เพื่อให้เกิดการจ้างงานแบบยั่งยืน เป็นการส่งเสริมความร่วมมือภาคแรงงาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยสามารถตอบสนองอุปสงค์และอุปทานของแต่ละฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

30/08/2023

ไฟเขียว! คนไทยเที่ยวแคนาดา ไม่ต้องขอวีซ่า เพียงเคยมี หรือใช้ของอเมริกา

เคาะแล้ว! คนไทยไปเที่ยว แคนาดา ไม่ต้องขอวีซ่า เพียงเคยขอ วีซ่าแคนาดา แล้วไม่เกิน 10 ปี หรือมีวีซ่าอเมริกาที่ยังไม่หมดอายุ

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา รัฐบาลแคนาดา ประกาศข่าวดี ถึงผู้ที่มีแผนเตรียมเดินทางมาจาก 13 ประเทศ รับสิทธิเดินทางไปยังประเทศแคนาดา เข้าได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยว เฉพาะเพื่อจุดประสงค์ไปท่องเที่ยว ทำธุรกิจ หรือพบปะกับครอบครัว เท่านั้น

ทางรัฐบาลแคนาดา ได้เผยถึงผู้ที่ต้องการเดินทางมายังประเทศแคนาดา รวมถึงคนไทย ที่เคยมีวีซ่าแคนาดาแล้ว ให้ทำการลงทะเบียน Electronic Travel Authorization หรือ eTA เพื่อเดินทางเข้าแคนาดาอีกครั้งได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งมี 13 ประเทศในโครงการดังกล่าว ได้แก่

แอนติกาและบาร์บูดา
อาร์เจนตินา
คอสตาริกา
โมร็อกโก
1.ปานามา
2.ฟิลิปปินส์
3.เซนต์คิตส์และเนวิส
4.เซนต์ลูเซีย
5.เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์
6.เซเชลส์
7.ประเทศไทย
8.ตรินิแดดและโตเบโก
9.อุรุกวัย

โดยผู้ที่สามารถลงทะเบียน eTA เพื่อเข้า ประเทศแคนาดา ได้โดยไม่ต้องขอ วีซ่าแคนาดา จะต้องมีเงื่อนไขตามรัฐบาลแคนาดากำหนดดังนี้

1. เป็นผู้ที่เคยมีวีซ่าแคนาดาในช่วงไม่เกิน 10 ปีที่ผ่านมาหรือเป็นผู้ถือวีซ่าชั่วคราวของสหรัฐอเมริกาอยู่ในปัจจุบัน

2. ต้องการอาศัยในแคนาดาเพื่อการท่องเที่ยวหรือธุรกิจไม่เกิน 6 เดือน

3. ต้องการเดินทางเข้าแคนาดาทางเครื่องบินหรือเปลี่ยนเครื่องที่แคนาดาโดยถือพาสปอร์ตของประเทศที่สามารถลงทะเบียน eTA ได้

ทั้งนี้ ผู้ที่ถือวีซ่าแคนาดาอยู่ในปัจจุบัน สามารถเดินทางเข้าแคนาดาโดยเครื่องบินได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน eTA จนกว่าวีซ่าจะหมดอายุ หรือผู้ที่ถือวีซ่าชั่วคราวในสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่หมดอายุ ส่วนผู้ที่ไม่ได้เดินทางเข้าโดยเครื่องบินยังต้องขอวีซ่าแบบเดิม

27/08/2023

6 ประโยชน์ที่ได้จากการจ้างงานคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ

ในอนาคตอันใกล้นี้ เยาวชนในประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงในการขับเคลื่อนอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากประเทศก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเป็นทางการแล้ว อีกทั้งอัตราการว่างงานต่ำของประเทศที่ระดับ 1.5% นั้นสะท้อนถึงพื้นที่การแข่งขันซึ่งองค์กรต่างๆ จะต้องพยายามสร้างแรงจูงใจและว่าจ้างผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ขณะเดียวกันองค์กรจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับกำลังแรงงาน ในโลกที่ตัวเลือกการจ้างงานมีมากพอนั้น องค์กรจะต้องคงความสำคัญของตัวเองในตลาดหรือภาคส่วนนั้นๆ ด้วยการกระตุ้นความคิดและมุมมองใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและความต้องการของผู้คนในการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

ในอนาคตอันใกล้นี้ เยาวชนในประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงในการขับเคลื่อนอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ในทางกลับกัน นายจ้างรับสมัครคนทำงานรุ่นใหม่น้อยลง หากอัตราการว่างงานยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ได้แก่ 6% สำหรับผู้ที่มีอายุ 15-24 ปี และ 7% สำหรับผู้หญิงในกลุ่มแรงงานที่มีอายุเท่ากัน ซึ่งการยอมรับและค้นหาประโยชน์ที่คนรุ่นใหม่จะนำมาสู่ธุรกิจของคุณนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งคุณสามารถพิจารณาผลลัพธ์และประโยชน์ในการจ้างงานคนรุ่นใหม่ห้าข้อ ดังต่อไปนี้:

1 – พลังและมุมมองใหม่
พนักงานรุ่นใหม่จะนำมุมมองใหม่ๆ และวิธีการคิดที่แตกต่างไปจากเดิมมายังธุรกิจของคุณ คนทำงานรุ่นใหม่ส่วนใหญ่กระหายที่จะเรียนรู้ ตื่นเต้นกับการสร้างประสบการณ์และใช้ทักษะของตนในการทำงาน ซึ่งความกระตือรือร้นเป็นผลดีในการสร้างทีม การสร้างผลงานหรือผลิตภาพและเป็นขวัญกำลังใจในสถานประกอบการ อีกทั้งคนทำงานรุ่นใหม่ยังช่วยให้คุณได้เปรียบหากคุณมีเป้าหมายการตลาดที่คนรุ่น 17-35 ปี หรือชาวมิลเลนเนียล (millennial market) เนื่องจากพวกเขาทราบดีว่าจะเข้าถึงหรือสื่อสารกับคนวัยเดียวกันอย่างไร

Co-working spaces หรือที่ทำงานชั่วคราวร่วมกับคนอื่นๆ มีประโยชน์กับฉันมาก ฉันจะทำงานในพื้นที่เหล่านี้แถวละแวกบ้านสัปดาห์ละครั้ง ที่นั่น ฉันได้ฟังความคิดใหม่ๆ มากมายจากผู้คน ซึ่งฉันมักจะนำความคิดเหล่านี้กลับมาที่ทำงานเสมอ

เบญ, ยูนิเซฟ ประเทศไทย

2 - การพัฒนาแรงงาน
คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกับการเรียนรู้ ขณะที่พวกเขาเพิ่งจบการศึกษา คนรุ่นใหม่จะยังคงมีกรอบความคิดซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถซึมซับการฝึกอบรมได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากไม่มีประสบการณ์มากนัก คนรุ่นใหม่จึงเปรียบเหมือน ‘กระดาษที่ยังว่างเปล่า’ ซึ่งเป็นโอกาสขององค์กรในการพัฒนากำลังแรงงานคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะการฝึกอบรมที่ตรงกับความต้องการและวัฒนธรรมขององค์กร

3 – ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า
บ่อยครั้งที่ค่าตอบแทนของคนทำงานรุ่นใหม่ต่ำกว่าพนักงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งหมายความว่า องค์กรสามารถให้จัดสรรให้คนทำงานที่มากประสบการณ์ทำงานในระดับยุทธศาสตร์และมอบหมายงานในตำแหน่งพนักงานทั่วไปแก่คนรุ่นใหม่ นอกจากนั้น คนรุ่นใหม่ยังสามารถว่าจ้างในฐานะพนักงานฝึกหัดซึ่งทั้งผู้ว่าจ้างและคนรุ่นใหม่ต่างได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่

25/08/2023

ไทยวิกฤตขาดแคลนแรงงาน หลังโควิด 52%

เปิดสาเหตุแรงงานไทยขาดแคลน 52% หลังโควิด เมียนมาหายไปถึง 70% ขณะที่กัมพูชา ลาว หายไปกว่า 50% ทำแรงงานเถื่อนทะลัก สัดส่วนชนกลุ่มน้อย เพิ่มขึ้นเกือบ 100,000 คน ปี 2566 ประเมินขาดแคลนทุกระดับกว่า 350,000-500,000 คน หนุนองค์กรเอกชน ตั้งสถาบัน-ศูนย์ฝึกอบรมเอง

วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 รายงานข่าวระบุว่า ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยให้เห็นว่าในช่วงเดือน ก.พ. 2566 ไทยมีจำนวนแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 1,405,809 คน ลดลงถึง 52% จากก่อนช่วงโควิด-19

โดยแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทย ส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวเมียนมา กัมพูชา และลาว ที่ทำงานอยู่ในภาคเกษตร-ปศุสัตว์ ก่อสร้าง และบริการ เมื่อเปรียบเทียบในช่วงก่อนโควิด เดือน ธ.ค. 2562 กับช่วงหลังโควิด ในเดือน ก.พ. 2566 จะเห็นว่าแรงงานชาวกัมพูชามีอัตราลดลงมากที่สุดถึง 70.54% จาก 687,009 คน เหลือเพียง 202,364 คนเท่านั้น

ขณะที่แรงงานชาวเมียนมา ซึ่งเป็นชาติที่จำนวนแรงงานในประเทศไทยมากที่สุด เป็นอันดับ 1 มียอดแรงงานหายไปถึง 53.55% จาก 1,825,979 คน เหลือ 848,173 คน และสุดท้าย แรงงานชาวลาว ลดลง 52.42% จาก 281,345 คน เหลือ 133,859 คน มีการประเมินว่าปี 2566 ไทยจะยังคงขาดแคลนแรงงาน 350,000-500,000 คน แม้ว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงไปแล้ว แต่แรงงานยังไม่กลับมา

ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ที่กำลังส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น อย่างภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการซึ่งกำลังฟื้นตัวอย่างฉับพลันหลังโควิด ทำให้แรงงานที่ขาดแคลนอยู่แล้ว ยิ่งขาดแคลนหนักขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าตอนนี้มีแรงงานตามมาตรา 63/1 ซึ่งเป็นประเภทชนกลุ่มน้อย เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 96.05% หรือเกือบ 100,000 คน ในขณะที่การเข้ามาตามมาตราอื่น ๆ เช่น นำเข้าแบบตลอดชีพ ตาม MOU ตามการส่งเสริมการลงทุน ตามมติ ครม. 7 กุมภาพันธ์ 2566 และแบบไปกลับตามฤดูกาล กลับมีสัดส่วนลดลง ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในขณะนี้ ไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเท่านั้น แต่ปัญหานี้ ยังลุกลามบานปลายไปถึงแรงงานวิชาชีพ แรงงานทักษะสูงอีกด้วย

โดยมีข้อมูล ผลการสำรวจความต้องการแรงงาน จากโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปี 2565 พบว่า ภาคอุตสาหกรรมยังขาดแคลนแรงงานทุกระดับ ถึง 168,992 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรีขึ้นไปถึง 29,037 คน ระดับ ปวช.-ปวส. 38,079 คน ระดับ ป.6-ม.6 96,786 คน และอื่น ๆ อีก 5,090 คน

โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องจักรและยานยนต์ 5,294 คน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 5,035 คน และบริการที่มีมูลค่าสูง 4,517 คน ซึ่งคือเหล่านักวิศวกร ช่างอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และนักบริหารธุรกิจ

ย้อนกลับไปถึงสาเหตุของปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่กำลังวิกฤตในขณะนี้ เป็นผลพวงมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้แรงงานต้องกลับประเทศ โดยเฉพาะแรงงานชาวเมียนมา ที่มีข้อจำกัดในการส่งแรงงานออกนอกประเทศ ทำให้มีแรงงานผิดกฎหมายทะลักเข้ามา

ขณะที่สถาบันการศึกษาในประเทศไม่สามารถผลิตบุคลากรได้ทัน หรือไม่ตรงตามที่ตลาดต้องการ ทางออกของเรื่องนี้ ไทยต้องมีแนวทางสนับสนุน และเพิ่มจำนวนแรงงานไทยให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบถูกต้อง ภายใต้การ MOU กับหน่วยงานรัฐของประเทศต้นทาง ตลอดจนการอัพสกิล-รีสกิล โดยสถาบันการศึกษาสนับสนุนการสร้างบุคลากรให้ตรงตามที่ต้องการ หรือแม้แต่องค์กรภาคเอกชน หันมาตั้งสถาบัน หรือศูนย์ฝึกอบรมเอง

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า แรงงานเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ไทยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างคนอย่างมากที่สุด ทางบีโอไอจึงได้ใช้กลยุทธ์ 2 ด้าน คือ build and buy ทั้งการพัฒนาบุคลากรในประเทศ และการดึงคนเก่งจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในประเทศไทย การสร้างคน บีโอไออยากเชิญชวนให้บริษัทที่มีศักยภาพดำเนินการ ตั้งสถาบัน เช่น ปตท. ทำสถาบัน Vistec กำเนิดวิทย์ หรือ CP ทำปัญญาภิวัฒน์ โตโยต้าทำวิทยาลัยยานยนต์ IRPC มีวิทยาลัยด้านปิโตรเคมี

โดยบีโอไอมีมาตรการพร้อมสนับสนุน หากบริษัทใดมีอะคาเดมีเทรนพนักงาน สามารถมาขอใช้สิทธิบีโอไอได้ ขณะที่คลังก็มีมาตรการสนับสนุน เช่น หากบริษัทใดเทรนบุคลากรจะสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า และยิ่งถ้าเป็นการเทรนในหลักสูตรเป้าหมายจะหักได้ 2.5 เท่า

อีกด้านหนึ่ง ไทยจำเป็นต้องดึงคนเก่งจากทั่วโลกมาช่วยเรา โดยได้มีการเร่ง talent pool ที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต นั่นจึงเป็นเหตุให้ได้ออก smart VISA และ long term residence VISA หรือ LTR เพื่อจะดึงคนเก่งจากทั่วโลกให้เข้ามาอยู่ในเมืองไทย

ทั้งหมดนี้ หากไทยสามารถแก้ปัญหาแรงงานได้ นอกจากจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุนแล้ว ยังทำให้ไทยได้เปรียบคู่แข่งแทบจะทุกด้านอีกด้วย

23/08/2023

BCPG ประกาศจ่ายปันผล 0.10 บาท เริ่ม 15 ก.ย.นี้

BCPG ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรก 2566 หุ้นละ 0.10 บาท เริ่ม 15 ก.ย. นี้ คาดครึ่งปีหลังเริ่มรับรู้กำไรโครงการที่ลงทุนไว้

วันที่ 23 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 291 ล้านบาท

โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 4 กันยายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 กันยายน 2566

สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนของ ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 713.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 57.9 จากช่วง 6 เดือนของ ปี 2565

โดยสาเหตุหลักมาจากในปี 2565 มีการรับรู้ผลกำไรจากการจำหน่ายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประกอบกับในปี 2566 มีการหยุดผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว เพื่อปรับปรุงระบบส่งสำหรับการขายไฟฟ้าให้กับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำดังกล่าว ได้เริ่มผลิตและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังของปี 2566 บริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มจำนวนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ธุรกิจคลังน้ำมันในประเทศไทย และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา รวมกำลังการผลิต 577 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการเข้าซื้อกิจการอีก 280 เมกะวัตต์

นอกจากนี้บริษัทยังได้เริ่มดำเนินการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยบางส่วน เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการผลิตไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

18/08/2023

“ตลาดหุ้นเอเชีย” ร่วงลงต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 3 วิตกเศรษฐกิจจีน

มื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชีย มุ่งหน้าสู่การขาดทุนเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันในวันศุกร์ (18 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของจีน และความกลัวว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะอยู่สูงขึ้นไปอีกนาน หลังจากข้อมูลที่แข็งแกร่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวพันธบัตรรัฐบาล

ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มที่จะเปิดลดลงเช่นกันโดย EUROSTOXX 50 futures ผ่อนคลายลง 0.3% สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Nasdaq ร่วงลง 0.1% และ 0.2% ตามลำดับ

ในเอเชีย ดัชนี MSCI ร่วงลง 0.6% แตะระดับเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนเมื่อวันก่อน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีขาดทุนรวมในสัปดาห์ที่ 3.4% และเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ดัชนีลดลง Nikkei ของญี่ปุ่นก็ร่วงลง 0.5% เช่นกัน โดยลดลง 3.1% ประจำสัปดาห์

ข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นผลที่น่าจะสนับสนุนการคาดการณ์ในตลาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่รีบร้อนที่จะยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเร็ว ๆ นี้ ส่วนหุ้นบลูชิพร่วงลง 0.5% และดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงร่วงลงอีก 1.3% มุ่งหน้าสู่การร่วงลง 5.2% ประจำสัปดาห์ ซึ่งเป็นการขาดทุนรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบสองเดือน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.2% ซึ่งน่าจะกระทบกับรายงานที่ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐที่จะปิดการเชื่อมโยงของสหรัฐต่อการบังคับใช้แรงงานในห่วงโซ่อุปทานของจีน

หุ้นของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงร่วงลง 1.2% หลังจาก China Evergrande ยื่นขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ในศาลล้มละลายของสหรัฐ ขณะที่วิกฤตสภาพคล่องดูเหมือนจะแพร่กระจายไปยังภาคธนาคารเงาขนาดใหญ่ของจีน โดย Zhongzhi ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ของจีน บอกกับนักลงทุนว่าจำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้

โจนาส โกลเทอร์มันน์ รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การตลาดของ Capital Economics กล่าวว่า การประเมินมูลค่าหุ้นยังคงต่ำและผู้กำหนดนโยบายมีเครื่องมือในการป้องกันวิกฤตการเงิน โดยเงินหยวนในประเทศเคลื่อนตัวออกจากระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หลังจากที่ธนาคารกลางกำหนดอัตราดอกเบี้ยรายวันสูงกว่าที่คาดไว้มากเพื่อพยุงสกุลเงิน

อ้างอิง : https://www.reuters.com/markets/global-markets-wrapup-1-pix-2023-08-18/

16/08/2023

ทองคำใกล้ร่วงทะลุ 1,900 ดอลลาร์ ทองแดงเจอแรงกดดันจากจีน

ราคาทองคำทรงตัวในวันพุธและอยู่ในแนวดิ่งต่ำกว่าระดับคีย์เลเวล ขณะที่ราคาทองแดงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากความกลัวเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นได้หนุนดอลลาร์

ข้อมูล ค้าปลีก ของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

แนวคิดนี้ประกอบกับความเชื่อมั่นในความเสี่ยงที่แย่ลงท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้นักลงทุนแห่กันไปถือ ดอลล่าร์ แทนแหล่งหลบภัย อย่างทองคำและโลหะมีค่า

ราคาสปอตทองคำทะลุระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงสั้น ๆ ในวันอังคาร และขณะนี้ซื้อขายเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน

สปอตทองคำ ทรงตัวที่ 1,902.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ที่หมดอายุในเดือนธันวาคม ลดลง 0.1% สู่ 1,933.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 20:19 น. ET (00:19 GMT)

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐกดดันทองคำ
ข้อมูลยอดค้าปลีกในวันอังคารมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก เงินเฟ้อ(CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ที่แข็งแกร่งขึ้นในเดือนกรกฎาคม และชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม hawkish สำหรับธนาคารกลางสหรัฐ

ธนาคารกลางเตือนว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นอีกจากระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี หากอัตราเงินเฟ้อยังคงเหนียวแน่น สถานการณ์ดังกล่าวเป็นลางบอกเหตุที่ไม่ดีสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทน อย่าง ทองคำและโลหะอื่น ๆ เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสสูงขึ้น

แนวคิดนี้ยังทำให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่นิยมถือเงินดอลลาร์และพันธบัตร ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเหนือทองคำ เนื่องจากความเสี่ยงที่ยอมรับได้แย่ลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน

ดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุด 1-½ เดือนในวันพุธ โดยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากระดับต่ำสุดในปี 2023 ในเดือนที่ผ่านมา

แม้ว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แต่ก็ยัง คาดว่าจะคงไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี จนถึงกลางปี 2024 เป็นอย่างน้อย ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มที่อ่อนแอสำหรับสินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยไม่ได้

ทองแดงได้รับผลกระทบจากปัญหาจีนที่มากขึ้น
ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงได้รับแรงกดดันจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอมากขึ้นจากจีน เนื่องจากผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังต่อสู้กับการเติบโตที่ชะลอตัวและการขยายตัวของเงินเฟ้อ

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองแดง อยู่ที่ 3.36603 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และอยู่ใกล้ระดับที่อ่อนค่าที่สุดในรอบสองเดือน

ข้อมูลเมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่าทั้งยอดค้าปลีกของจีนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มากในเดือนกรกฎาคม ซึ่งไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอในเดือนนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวหลังโควิดหมดแรง

แม้ว่าประเทศจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยไม่คาดคิดหลังจากข้อมูลดังกล่าว ความกลัวอย่างต่อเนื่องของการล่มสลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังทำให้ความเชื่อมั่นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ Country Garden Holdings (HK:2007)

ต้องการให้ธุรกิจของคุณ ธุรกิจ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง บริการขนส่ง ใน Bangkok?
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?

เว็บไซต์

ที่อยู่


Bangna-Trad Road
Bangkok
10260